สามีที่รักต้องทํางานหนัก

ตอนที่ 142 ถังหนิงมีคนหนุนหลังอยู่



ตอนที่ 142 ถังหนิงมีคนหนุนหลังอยู่

หลังจากข่าวฉาวเรื่องใช้สารเสพติดถูกเปิดโปง หลานอวก็ไป แอบอยู่ที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่ง เธอกลัวเกินกว่าจะออกมา ปรากฏตัว โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นแม่ตัวเองต้องทนทุกข์ เธอ ก็แอบรู้สึกผิดเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องจะบานปลายไป ขนาดนี้ ในตอนเช้าทุกคนพูดถึงข่าวเล่นยา ไม่วายบ่ายวันนั้น เอง สื่อก็เริ่มแพร่ข่าวที่หลานอวี่ใช้ความรุนแรงที่โรงเรียน ด้วย อายุเพียงแค่สิบสี่ปี เธอก็ยุยงให้เพื่อนคนอื่นๆ รุมทำร้ายเด็ก หญิงคนหนึ่งจนขาพิการ แล้วหลังจากนั้น เธอก็เปลี่ยนชื่อและ ย้ายมาปักกิ่ง

ทันทีที่ข่าวนี้ถูกปล่อยออกมา ทุกคนก็อึ้งไปตามๆ กัน ใคร จะคิดกันล่ะว่าเด็กสาวอายุแค่สิบสี่ปีจะเลวร้ายได้ขนาดนี้ ผี พลอย ทางตำรวจได้ออกมายืนยันแล้วว่าผู้ที่ใช้สารเสพติด คือหลานอวี่ เท่านั้นยังไม่พอ พวกเขาพบว่าพ่อแม่ของเด็กสาว แอบเปลี่ยนอายุของเธอให้เด็กลงสองปีด้วยเกรงว่าเธอจะต้อง เข้าคุกเพราะใช้ความรุนแรง เด็กสาวอายุสิบหกปีตอนที่เรื่อง เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้เธอเพิ่งจะพ้นอายุสิบ แปดปีมาหมาดๆ

ชื่อหลานอวหมองมัวไปทั่วกรุงปักกิ่งแทบจะทันที ไม่เพียง เท่านั้น ตอนนี้ตำรวจกำลังดำเนินการค้นหาเธอไปทั่ว
หลานอวตื่นตระหนักอย่างหนักเมื่อเห็นข่าวเหล่านี้…เธอ เดินวนไปวนมาอยู่ในบ้านเพื่อนด้วยความหวาดกลัว เธอหัน หน้าไปพึ่งใครไม่ได้อีกแล้ว เธอจะทำอย่างไรดี

เพื่อนคนนี้ของหลานอวี่ก็เป็นนางแบบเช่นกัน พวกเขาเจอ กันตอนประกวดเฟ้นหานางแบบหน้าใหม่ หลังจากที่เพื่อนสาว เห็นสิ่งน่ารังเกียจที่หลานอวี่ทำลงไปแล้ว เธอก็คว้าข้าวของ ทั้งหมด โยนลงตรงหน้าหลานอวี่ “ไปซะ หลานอวี่ เธอนี่เป็นคำ บรรยายจริงๆ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันเคยช่วยเธอใส่ร้าย ถังหนิงจนได้โดนตบหน้าไปด้วยน่ะ…”

หลาน หมดทางเลือก เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ต้องการช่วย เธออีกต่อไปแล้ว เธอก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นอ้อนวอนทันที “เสี่ยว หย่า ฉันขอร้องล่ะ อย่าไล่ฉันไปเลย ถ้าฉันออกไปมีหวังฉันตาย แน่ นักข่าวกับตำรวจพวกนั้นไม่ยอมปล่อยฉันไปแน่

ได้ยินเช่นนั้นเสี่ยวหย่าก็หัวเราะเยาะก่อนจะหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมากดโทรหาตำรวจ “ฉันต้องตาบอดแน่ๆ ที่ไปเป็นเพื่อนกับ คนอย่างเธอ ถ้าเธอไม่ไปตอนนี้ งั้นก็นั่งรอตำรวจมาลากเธอ ออกไปแล้วกัน”

หลานอวี่รีบลุกขึ้นแย่งโทรศัพท์ออกจากมือเพื่อนสาวทันที ที่เห็นว่าเธอกำลังจะโทรหาตำรวจ แต่เสี่ยวหย่าไวกว่า เธอผลัก หลานอออกไปทันที เด็กสาวโซเซเล็กน้อยก่อนจะล้มลงกับพื้น ตอนนั้นเองที่ใบหน้าของเธอไปครูดขอบโต๊ะกาแฟ เลือดสีแดง ฉานค่อยๆ ไหลออกมาจากรอยบาดบนแก้มซ้าย…
หลานอวี่ยกมือขึ้นทาบแก้มซ้ายของตัวเอง เธอเจ็บปวด

มากจนเกือบสลบไป แต่เพื่อนของเธอก็ยังไม่ยอมเลิกโทรหา

ตำรวจ หลังจากนั้น เสี่ยวหย่าจึงโทรเรียกรถพยาบาลก่อนจะ

หันมาพูดกับหลานอวี่ พอตำรวจมา ฉันจะบอกความจริงกับ

พวกเขาว่าเธอเจ็บตัวได้ยังไง เพราะว่าฉันไม่เหมือนเธอ” ว่า

แล้วเด็กสาวก็หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาห้ามเลือดให้หลา

นอวี่

แน่นอนว่าถ้ารอยแผลยาวที่แก้มซ้ายของเด็กสาวไม่ได้รับ การทำศัลยากรรม มันก็จะทิ้งรอยแผลเป็นที่น่ากลัวและชัด มากๆ เอาไว้

เวลาหนึ่งทุ่มตรง ตำรวจก็มาถึงบ้านของหลิงเสี่ยวหย่า ส่วนเรื่องอาการบาดเจ็บของหลานอนั้น หลังเสี่ยวหย่าก็ยินดี ให้ปากคำกับตำรวจและเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ

เด็กสาวผู้ซื่อสัตย์และชัดเจนคนนี้จึงได้รับคำชมเชยจาก ชาวเน็ตทันที

อาจเพราะเวรกรรม มีหลายส่วนในร่างกายที่บาดเจ็บได้ แต่หลานอวดันมาเป็นแผลที่ใบหน้า ชาวเน็ตล้อเลียนเธอว่า เป็นเพราะใช้หน้าตัวเองก่อปัญหาให้ถังหนิงมามาก ตอนนี้หน้า ของเธอเลยต้องเป็นแผล มันต้องเป็นบทลงโทษจากพระเจ้า อย่างแน่นอน

นี่แหละที่เขาเรียกว่า กงเกวียนกำเกวียน

ด้านแม่ของหลานอนั้นเป็นลมหมดสติไปจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากนั่งดูลูกสาวของตัวเอง โดนจับกุม อาการ ป่วยก่อนหน้านี้ของเธอแย่ลงยิ่งกว่าเดิม

ทั่วทั้งกรุงปักกิ่งกำลังรายงานข่าวของหลานอวี่ เด็กสาว อายุสิบแปดปีที่มีความลับซ่อนอยู่มากมาย ฟังแล้วช่างน่ากลัว ข่าวนี้ทำให้ผู้คนพากันย้อนมองตัวเอง โดยเฉพาะในเรื่องของ การเลี้ยงดูลูก

หยางจิ้งเองก็อยู่ที่โรงพยาบาลเช่นกัน เธอตั้งใจตามข่าว ของหลานอผ่านจอโทรทัศน์อย่างใกล้ชิด ในตอนนี้นอกจาก จะรู้สึกตกใจแล้ว หญิงสาวก็รู้สึกกลัวอย่างสุดขีด…

ยิ่งชะตากรรมของหลานอวี่น่าสงสารเท่าไร เธอก็ยิ่งอด กังวลเรื่องของตัวเองไม่ได้

การที่เธอตกงานนั้นทำให้รายได้หลักของบ้านหายไป แต่ แม่ของเธอก็ยังนอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่ แม้เธอจะมีน้องชาย แต่เขาก็หาเงินได้พอแค่เลี้ยงตัวเองเท่านั้น จากนี้ไปเธอจะทำ อย่างไรดี

เธอต้องรีบหางานอย่างรวดเร็วที่สุด โชคดีหน่อยที่ใน สายตาโลกภายนอกเชื่อว่าเธอเป็นคนตั้งใจลาออกจาก เฉิงเถียนเอง ไม่ได้โดนไล่ออก ดังนั้นเธอจึงคิดว่าคงไม่ใช่เรื่อง ยากที่เธอจะหางานดีๆ ทำได้ แต่กระนั้นก็ตาม เธอไม่เคยคิด เลยว่าตำรวจจะตามมาขอสอบปากคำเธอด้วย และเพราะมี พยานจำนวนมากเห็นเหตุการณ์ที่เธอเถียงกับหลานอวี่ที่ไนต์ คัลเลอร์วันนั้น ตำรวจจึงสงสัยว่าเธออาจใช้สารเสพติดเช่นเดียวกัน…

หยางจึงพยายามอธิบายสถานการณ์นั้นกับตำรวจด้วย ความสิ้นหวัง แต่พวกเขายังยืนยันที่จะให้เธอตรวจหาสารเสพ ติดในร่างกาย ในตอนนั้นข่าวหลานอวดังกระฉ่อนไปทั่ว ดังนั้น เมื่อหลานจิ้งถูกตำรวจพาตัวไปอีก ผู้คนจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า หยางจิ้งก็ใช้สารเสพติดเช่นกัน

ชื่อเสียงของทั้งคู่ต่างก็เสื่อมถอยลงเรื่อยๆ

ภายในสถานีตำรวจที่เย็นยะเยือก หยางจึงไม่มีเพื่อนหรือ อญาติที่เธอสามารถติดต่อได้เลย ท้ายที่สุดเธอจึงเลือกโทรหา ลัวเฮา ในตอนแรกเธอรู้สึกหมดหวัง แต่เมื่อเวลาล่วงเลยเที่ยง คืนไปแล้ว ล้วเฮาก็ปรากฏตัวในที่สุด

หลังจากต้องเผชิญกับเรื่องราวมากมายหลายอย่างใน สองวันที่ผ่านมานี้ ความหยิ่งผยองของหยางจิ้งก็มลายหายไป หมดสิ้น ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวว่าจะต้องขายหน้าและพูดกับตัว เช่าว่า “ประกันตัวฉันออกไปที ฉันจะบอกความลับสำคัญกับ คุณเป็นการตอบแทน”

ลัวเฮาบ่นคิ้วพลางสั่งให้ทนายของเขาประกันตัวหยาง งก่อนจะนำทางเธอไปที่รถ

หยางจิ้งนิ่งเงียบ ในตอนแรก แต่ในที่สุดเธอก็กลั้นน้ำตา

เอาไว้ไม่อยู่และร้องไห้ออกมาบนรถของตัวเฮา

ลัวเฮานั่งมองเธอ เขายื่นกระดาษทิชชูให้หยางจิ้งโดยไม่ พูดปลอบโยนอะไร
“ฉันสู้กับถังหนึ่งไม่ได้จริงๆ ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ แล้ว” หยางจึงสะอึกสะอื้น “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไปจากกรุง ปักกิ่ง ฉันแข็งข้อกับมันไม่ได้ และทำได้แค่ซ่อนตัวจริงๆ”

“คุณไม่จําเป็นต้อง…

“ไม่ลัวเข่า ฉันต้องไป” หยางจิ้งปาดน้ำตา เงยหน้ามอง ชายหนุ่มด้วยแววตาจริงจัง “ถ้าไม่อยากให้ประธานหลานเตะ คุณออกจากบริษัท คุณต้องปราบถึงหนึ่งกับอันจื่อเอาให้ได้ ไม่ งั้นทันทีที่หลานรับคนใหม่เข้ามา เธอจะบีบให้คุณออกอย่าง เลือดเย็นแน่นอน

“ส่วนเรื่องความลับที่ฉันสัญญาไว้ว่าจะบอกก็คือ ถังหนึ่งมี ใครบางคนคอยหนุนหลังมันอยู่

ลัวเฮาตก ใจ

“บรรณาธิการหลินเป็นคนบอกฉันเอง… สถานการณ์ตอน นี้ก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่หล่อนพูดเป็นเรื่องจริง ฉันไม่อยากกลับไป แกว่งเท้าหาเสี้ยนอีก ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ฉันเหมือนจะไปยั่ว โมโหเขาเข้าให้แล้ว

“ความลับนี้อาจเป็นประโยชน์กับคุณก็ได้ แน่ละ ไม่ว่าคน ที่อยู่เบื้องหลังถังหนึ่งจะเป็นใคร อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าถัง หนึ่งไม่โสด ฉันขอมอบความลับนี้ให้คุณ ที่ผ่านมาคุณช่วยฉัน มามาก ให้ฉันตอบแทนคุณด้วยสิ่งนี้ก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตัวเฮาก็หยิบบัตรสีทองออกมาจาก กระเป๋าของเขาแล้วส่งให้หยางจิ้ง ไม่ว่าคุณจะไปไหน ก็ต้องมีเงินติดตัวเอาไว้นะ

หยางจิ้งมองลัวเฮ้าขณะที่น้ำตาเธอไหลอาบสองแก้ม “ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ฉันต่อสู้ไปเพื่ออะไรกัน ท้ายที่สุดแล้วฉัน ก็ไม่เหลืออะไรเลย…หวังว่าสิ่งที่ฉันบอกคุณจะเป็นประโยชน์ นะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ