บทที่ 4 กลับบ้าน
บทที่ 4 กลับบ้าน
วั่งเย่ยืนอยู่หน้าประตูตระกูลหรงด้วยชุดสีเขียว สีหน้าที่ อยู่บนใบหน้าช่างมืดมิด เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ป้ายที่มี อักษรสามตัวที่เขียนว่าจวนแม่ทัพ แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไป
“หยุด! คนอะไรกล้ามาบุกรุกจวนแม่ทัพ? ไม่อยากมี ชีวิตหรือไง! “เมื่อถึงหน้าประตู
วิ่งเก๋ก็ถูกคนเฝ้าประตูสองคนหยุดไว้
วั่งเย่เงยหน้าเหลือบมองพวกเขาสองคนอย่างช้าๆ แล้ว พูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “ถ้าดวงตาของพวกเจ้าไม่ดีละก็ ข้าสามารถช่วยพวกเจ้าขุดมันออกมาได้นะ”
เมื่อคนเฝ้าประตูได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พอใจ แล้วพูดด้วย ความโกรธว่า “เจ้าช่างกล้าดีนัก! ที่กล้าพูดวาจาโอหัง ต่อหน้าประตูจวนแม่ทัพ!
“เจ้าก็ช่างกล้าหนัก! แม่แต่พระชายาอ๋องโยวก็กล้า หยุด! คนรับใช้ในจวนแม่ทัพแม้แต่เจ้านายของตัวเอง ก็ไม่รู้จักหรือไง! ” หลิงเอ๋อที่อยู่ข้างๆพูดด้วยความเย่อ หยิ่ง
คนเฝ้าประตูเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ แล้วมองดูวั่งเย่ จากนั้นก็ก้มหน้าลงอย่างรีบร้อน
“ที่แท้ก็เป็นนายหญิงสี่……พระชายาอ๋องโยว เป็นความ ผิดของข้าเองที่ดูไม่ออก” คนเฝ้าประตูตกตะลึงอยู่ในใจ เขาจําได้ว่าเมื่อก่อนนายหญิงสี่จะผอมๆและตัวเล็กๆ รูป ร่างผอมบางและมีสีหน้าที่แห้งเหลือง นี่แค่ผ่านไปไม่กี่วัน อย่างกับคนละคนกันเลย? แม้แต่เขาก็จำไม่ได้
วั่งเย่มองเขาแล้วไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เดินเข้าไป ข้างในตำหนัก หรงวิ่งเก๋อยู่ในตระกูลหรงก็ไม่มีใครรัก ร่างกายก็ผอมอย่างกับท่อนไม้แห้ง นางได้พักฟื้นมาสอง วัน ถึงร่างกายจะไม่เทียบเท่าคนอายุเดียวกัน แต่ก็ดีกว่า เมื่อก่อนไม่น้อย คนพวกนี้จะจําไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อะไร
วิ่งเก๋ใช้ความทรงจำของนางจนหาห้องโถงหลักของจวน แม่ทัพจนเจอ ท่านพ่อมองมาไกลๆก็เห็นร่างกายนี้ของ นาง แล้วนั่งคุยกับพวกพี่สาวอีกหลายคน วิ่งเก๋ขมวดคิ้ว เดินเข้าไปอย่างช้าๆ
“ถวายบังคมค่ะท่านพ่อท่านพี่” วึ่งเก๋กล่าว
การปรากฏตัวของวังเย่ เห็นได้ชัดเจนว่าคนในห้องโถง หลักตกใจเป็นอย่างมาก
จากนั้นหรงเพ่ยพูดด้วยหน้าที่นิ่งเฉยว่า “ก็แต่งงานไป แล้ว เจ้ายังจะกลับมาทำไม
“วันนี้เป็นวันกลับบ้าน เลยต้องกลับมา” นั่งเย่พูดด้วย เสียงที่สงบ
หรงเพ่ยได้ยินเช่นนั้นก็คิดถึงเรื่องนั้น อดไม่ได้ที่จะ หงุดหงิด แล้วเห็นข้างๆนางมีแต่สาวรับใช้คนเดียว เลย ถามว่า “ในเมื่อเป็นวันกลับบ้าน แล้วทำไมมีแต่เจ้าตัวคน เดียว? อ่องโยวละ? ”
“สามีข้าตื่นสายไปหน่อย รอเดี๋ยวก็มาเอง ข้ากลัวท่าน พ่อจะรอนานเลยมาก่อน”
หรงเพ่ยมองนาง เมื่อเห็นสีหน้าบนใบหน้าของนางนั้นนิ่ง เฉยตลอด ในใจยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ “พอได้แล้ว ตรง นี้ก็ไม่มีอะไรน่าดู ในเมื่อตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว ไปเดินเล่น ที่ด้านนอกกลับพวกพี่สาวเถิด แล้วถึงเวลาอาหารเที่ยง ค่อยกลับมา”
เขาไม่ชอบลูกสาวคนนี้เลย แต่ขั้นตอนกระบวนการ ต่างๆก็ขาดไม่ได้ ซ้ายขวาก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไร มาแล้ว ก็มาเถิด หลังจากเที่ยงก็ให้นางออกไปจากที่นี่ จะได้ไม่ ขวางหูขวางตา
วั่งเย่พยักหน้าเบาๆ เดิมทีนางก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้จับจ้องกันไปมาอยู่แล้ว ดังนั้นเลยเดินออกจากห้องโถงหลัก ลูกสาวอีกสามคนของตระกูลหรงเดินอยู่ตรงหน้าของนาง ต่างคนต่างพูดแล้วหัวเราะซึ่งกันและกัน ดูเหมือนว่าจะลืม น้องสาวที่อยู่ด้านหลังไปซะสนิทเลย
สักพัก ทั้งสี่คนเดินไปถึงข้างบ่อบัวที่อยู่ในลาน พี่สาว สามคนหยุดเดิน แล้วหันหลังไปมองนั่งเย่ หนึ่งในพวกนาง หัวเราะแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าพวกข้าทั้งสี่คน คนที่ แต่งงานก่อนจะเป็นน้องสาวสี่ แต่ช่างน่าเสียดาย ที่สามี ดันเป็นคนโง่ แต่ข้าลองมองดูพวกเจ้าแล้วก็เหมาะกันดี คนโง่สองคนมาอยู่ด้วยกัน ก็ดีจะได้ไม่ต้องไปขัดขวางคน รอบข้าง”
คนที่พูดอยู่เป็นลูกสาวคนที่สองของตระกูลหรง นามว่า หรงวงชีว นิสัยของนางโหดเหี้ยมมาก แต่ก่อนร่างกายนี้ ถูกกลั่นแกล้งไปไม่ใช่น้อย เป็นคนที่ปากร้ายและมนุษย์ สัมผัสไม่ดี
นั่งเก๋เงยหน้าแล้วมองดูนางอย่างช้าๆ แล้วขยับมุมปาก ขึ้นแล้วยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ท่านพี่สอง น้องสาวสี่ยังไงก็แต่งงานกลับอ๋องโยวแล้ว ตอนนี้เป็นพระชายาอ๋องโยวมีตำแหน่งที่สูงมากขึ้น เจ้าว่า น้องอย่างนั้น น้องสาวสี่คงจะโกรธแล้ว ” ลูกสาวคนที่สาม ของตระกูลหรง นามว่าหรงวิ่งเสงี่ยนเข้ามาตักเตือนนาง สีหน้าของนางนั้นขี้อาย รูปร่างหน้าตาของนางก็สะสวย มาก มองดูแล้วน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก
หรงวึ่งชีวทำเสียงเอ่อดูถูกนาง แล้วพูดว่า “ข้ากลัวมัน? เมื่อก่อนก็เป็นคนงี่เง่า คนตาช้าอย่างมันกล้าดียังไง ถึง กล้าคิดเลยเถิดกับท่านอ๋องหลิง สมน้ำหน้าที่ได้แต่งงาน กันคนโง่ พระชายาอ่องโยวแล้วยังไง? ก็ไม่มองดูหน่อย ว่าทั่วหลินจี่มีใครที่ไม่ดูถูกมันกันบ้าง”
“ที่พูดมาก็ถูก น้องสาวสี่ก็ไม่ดูสถานะของตัวเองบ้างเลย ฝันว่าตัวเองเป็นพระชายาอ่องหลิงตั้งสิบปี และตอนนี้ฝัน ก็ได้ตื่นขึ้นแล้ว ข้าว่าอ๋องโยวก็ช่างน่าสงสารจริงๆ ที่ได้ แต่งงานกับหญิงสาวที่ในใจมีชายคนอื่นไปแล้ว ตำหนัก อ๋องโยวกำลังจะกายเป็นตัวตลกทั่วหลินฉี่อยู่แล้ว”
“ก็ใช่ไง ตอนข้าเดินออกจากบ้านข้ารู้สึกอึดอัดเป็นอย่าง มาก การเป็นพี่น้องกับคนแบบนี้ มันช่างน่าขายหน้าจริงๆ น้องสาวสี่ ข้าว่าเจ้าไปไหนก็ไม่มีใครชอบ ถ้าข้าเป็นเจ้า วันนี้ข้าก็คงจะโดดลงบ่อแล้วจมน้ำตายไปซะเลย รอเกิด ใหม่ชาติหน้าเอา”
หรง งวกับหรง งเสงี่ยนสองคนเข้ากันอย่างกับเป็นปี่ เป็นขลุ่ยเลย นั่งเก๋ท่าดวงตาที่อันตราย ดวงตาของนาง มีแสงสีดำส่องออกมาเล็กน้อย หลิงเอ๋อที่อยู่ข้างๆได้ยิน อย่างชัดเจน ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ เป็นแค่ลูกสาว จวนแม่ทัพ กล้าดียังไงถึงมากล่าวว่าท่านอ๋องของพวก ข้า!
วั่งเก๋ทำสีหน้าปกติ แล้วพูดอย่าเบาๆว่า “บ่อนี้แต่ก่อนข้าก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยโดดสักหน่อย จําได้ว่าตอนสมัยเด็กๆ ท่านพี่ทั้งสองคนหลอกข้ามาที่บ่อนี้อยู่บ่อยครั้ง แล้วฤดู หนาวก็ผลักข้าลงไปในบ่อ ทําให้ข้าเป็นหวัดอยู่หลายวัน เลยเป็นเหตุที่ทำให้ข้าป่วย
“เอ่อ หรงวิ่งเก๋ ข้าวกินไปเรื่อยได้แต่คำพูดอย่าพูดไป เรื่อยสิ การกล่าวร้ายพี่สาวโทษไม่เบานะ ถึงแม้ว่าเจ้าจะ แต่งงานไปแล้ว แต่งยังไงเจ้าก็เป็นคนในตระกูลหรง กฎ ของตระกูลหรงก็ยังใช้ได้อยู่ ” หรงวิ่งชีวพูดด้วยเสียงเย็น ชา
วิ่งเย่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “กฎของตระ กูลหรง? หากพี่สาวทั้งสองคนไม่พูดข้าก็ลืมไปเลยว่า กี่ ปีมานี้พวกพี่สาวทำร้ายข้าไม่ใช่น้อยเลย จนเกือบจะ ไม่มีชีวิต ข้าจำได้ว่ากฎของตระกูลหรงเขียนไว้ว่า ห้าม ทําร้ายคนในตระกูลเดียวกัน ถ้าเช่นนั้น พวกพี่สาวก็ต้อง ถูกลงโทษด้วยสินะ? ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ข้าเป็นพระ ชายาอ๋องโยว พวกเจ้าก็เป็นแค่ลูกสาวจวนแม่ทัพ การ ต่อว่าและดูหมิ่นพระชายา เป็นการเสียมารยาทอย่างมาก ถือว่ามีโทษร้ายแรง
“หรงวิ่งเก๋! เจ้าแต่งงานแล้วปีกแข็งแล้วใช่ไหม? กล้า เอาตำแหน่งพระชายามากดดันข้า! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กัน ก็แค่คนชั้นต่ำคนหนึ่ง เอามาเป็นคนรับใช้ให้ข้าเจ้ายัง ไม่เหมาะเลย ! ” หรงวิ่งชีวพูดด้วยความโกรธ
วิ่งเก๋หัวเราะด้วยความเย็นชา สายตาที่แหลมคมจ้องมองไปที่หรง ง ว แล้วพูดว่า
“เจ้าก็คิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? ในปากมีแต่คนชั้นต่ำ เจ้า อย่าลืมไปนะว่า เหลือดที่ไหลอยู่บนร่างกายของเจ้าก็ เป็นของตระกูลหรง ข้าแต่งงานกับอ๋องโยว ก็เป็นคนใน ราชวงศ์! เจ้าใช้คนชั้นต่ำดูหมิ่นข้า เจ้าเอาท่านพ่อไปไว้ ที่ไหน? แล้วเอาราชวงศ์ไปไว้ที่ไหนกัน? การดูหมิ่นผู้ ที่สูงกว่าตน โทษฐานไม่ถึงแก่ชีวิตก็จริง แต่ก็พอที่จะฉีก ผิวหนังของเจ้าได้!
“เจ้า! ทำตัวดีนักหรงวิ่งเก๋ กล้าดีแล้วใช้ไหม ข้าก็อยาก รู้เหมือนกันว่าเจ้าจะเย่อหยิ่งไปถึงไหนกัน!” หรงวิ่งชีว เดินเข้าใกล้วั่งเก๋อย่างช้าๆ แล้วใบหน้าของนางก็มีรอยยิ้ม ที่เจ้าเล่ห์โผล่ออกมา
รอบๆข้างไม่มีคน หรงวึ่งชีวจับแขนของวังเย่เอาไว้ แล้ว ใช้แรงผลักนางลงบ่อน้ำ วิ่งเก๋ขมวดคิ้ว แล้วบิดตัวเพื่อ หลบมือของฝ่ายตรงข้าม จากนั้นก็หมุนไปด้านหลังของ นาง แล้วยกขาถีบ
ม–
“พี่สาวสอง!
หรงวึ่งชีวถูกถีบลงน้ำ พี่น้องที่อยู่บนฝั่งตกใจ รีบเรียก คนมาช่วย “ช่วยด้วย! พี่สาวสองตกน้ำ!
ทันใดนั้นคนรับใช้จำนวนมากเข้ามามุมรอบๆบ่อบัว พวก เขานำหรงวิ่งเก๋ขึ้นฝั่ง แต่ตอนนี้นางได้เปียกไปทั้งตัว ผม ก็กระจัดกระจาย บนหัวเต็มไปด้วยเศษขยะ ดูสภาพแล้ว ก็พูดไม่ได้ว่าลำบาก
หรงวึ่งชีวไอสองครั้งด้วยความเจ็บปวด ทันใดนั้นนางเงย หน้าขึ้นแล้วจ้องมองวิ่งเก๋ด้วยสายตาที่ดุร้าย นางอยากจะ รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปฉีกนางเป็นชิ้นๆ
“หรงวิ่งเก๋! เจ้ากล้าดียังไงมาถีบข้าลงน้ำ เจ้าไม่อยากมี ชีวิตหรือไง! ” หรงวิ่งชีวตะโกนพูดด้วยความโกรธ
“พี่สาวสองพูดอะไรต้องคิดดีๆด้ ข้าถีบเจ้าตอนไหน ทั้งๆที่เจ้าไม่ยืนดีๆเองเลยตกลงไปในบ่อ” วิ่งเย่ยักไหล่ ด้วยความซื่อๆ
“เจ้า! เจ้ายังจะกล้าเถียงอีก วันนี้ข้าจะฉีกหนังเจ้า! ” ห รงวึ่งชีวโกรธมากเลยยกมือขึ้นเพื่อจะตบนาง แต่พลังที่ หนักแน่นก็ได้จับข้อมือของนางไว้
“พฤติกรรมของลูกสาวตระกูลหรง เสียงที่เย็นชากล่าว วันนี้ข้าก็ได้เห็นแล้ว”
ทุกคนต่างตกใจ เงยหน้าขึ้น เห็นจูนเจ๋วกำลังบังอยู่หน้า วิ่งเก๋ และสายตาที่ที่มืดมิดกำลังจ้องมองคนข้างหน้า
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ