ตอนออกเดินทาง
หลิวซือซือ ในวัยกลางคนได้ยินเสียงขลุ่ยเพรียกบุบผาดังแว่ว ขึ้นมา จึงรีบวิ่งมายังห้องนอนของบุตรสาวเมื่อเปิดประตูเข้ามาก็ พบเพียงความว่างเปล่าอยู่ภายใน
ตอนนี้การเดินทางไปแคว้นเหลียงของ โจวเจ้าเว่ยไม่อาจ ควบคุมได้เช่นแต่ก่อน ทุกครั้งที่ต้องกลับไปลูกสาวของเธอจะ คล้ายคนไม่ได้สติเดินไปหยิบขายเพรียกบุบผามาเปาเองได้ไม่ ได้ตั้งใจ แม้ว่าหลิวซือซือจะเก็บขลู่ ยไว้ในเซฟลับอย่าง ปลอดภัย แต่มันต้องอันตธานหายมาอยู่ในมือของเจ้าเว่ยเองทุก ครั้ง
เมื่อยากจะป้องกันจึงได้แต่ปล่อยให้โชคชะตานำพา แม้จะ เป็นห่วงแต่ก็ยังวางใจที่ทุกครั้งที่ลูกสาวกลับไป เจี๋ยหลุนก็ต้องมี อันกลับไปกลับน้องสาวทุกครั้ง ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
“พี่ฮั่นคะ ลูกไปแล้วนะคะ” หลิวซือซื้อโทรศัพท์ไปบอกสามี
ทันใด
“อืม ลูกอาจไปไม่นาน ไม่ต้องกังวลนะอาชื่อ เดี๋ยวพี่รีบกลับ” โจวเจ๋อฮั่นปลอบใจภรรยาก่อนวางสาย
โจวเจ้าเว่ยและโจเจี๋ยหลุนมีอายุใกล้ครบยี่สิบปี ด้วยความ เป็นอัจฉริยะทำให้เจี๋ยหลุนเรียนจบปริญญาเอกตั้งแต่อายุเพียง สิบเจ็ดปี ดูเหมือนฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียงซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชาย ของโจวเจ๋อฮั่นหมายมั่นจะยกบรรลังก์ให้เจี๋ยหลุนทุกครั้งที่หลานกลับไป
ส่วนเจ้าเว่ยกำลังเรียนมหาวิทยาลัย แต่เพราะช่วงหลังมานี้ ขายเพรียกบุบผานทั้งสองคนกลับไปแคว้นเหลียงบ่อยครั้ง ทำให้เขาตัดสินใจให้เจ้าเว่ยเรียนอยู่ที่บ้านแทน
แคว้นเหลียง
โจวเจ้าเว่ยเปิดกระเป๋าเก็บขลยเพรียกบุบผาไว้ภายใน แล้ว รูดซิบเก็บอย่างเรียบร้อย หญิงสาวมองไปยังพี่ชายแล้วหัวเราะ เสียงดัง
โจวเจี๋ยหลุนเดินขึ้นมาจากบ่อน้ำแล้วถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ออกจากตัว เขาบิดเสื้อแล้วสะบัดแรงๆหลายครั้งก่อนพับอย่าง เรียบร้อย
“เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลยเจี๋ยหลุน” น้องสาวยังหัวเราะไม่ หยุด
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่” พี่ชายส่ายหน้าให้กับอาการไม่ เชื่อฟังของน้องสาวตัวน้อย
“เกิดห่างกันไม่กี่นาทีจะเรียกพี่ทำไม อีกอย่างทำแบบนี้จะได้ คอยกันสาวๆพวกนั้นไม่ให้เข้าใกล้เจี๋ยหลุนงัย เห็นแล้วรำคาญ ลูกกะตาชะมัด” เจ้าเว่ยเดินเข้าไปเกาะแขนพี่ชายอย่างเอาใจ เธอ ผมยาวของพี่ชายแล้วช่วยเซตให้เข้าที่
“พอแล้ว” เจี๋ยหลุนปัดมือน้องสาวตัวดีออก เขาไม่ชอบให้ใคร แตะต้องตัวยกเว้นเจ้าเว่ยที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของร่างกายเขาอีกคน ห้ามยังไงก็ไม่เคยเชื่อฟัง
“ว่าแต่ว่าทำไมเรามาโผล่ที่นี่หล่ะ” เจ้าเว่ยมองไปรอบๆ บริเวณ แถวนี้ดูไม่คุ้นตา
“นั้น ปกติเราไม่โผล่ที่วัง ก็ต้องไปโผล่ที่จวนนี่นา” เจี๋ยหลุน จับมือน้องสาวแน่น มองรอบข้างอย่างระวัง เขาลากน้องสาวให้ เดินตาม แล้วอุ้มเธอกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่ง
เมื่อมาอยู่บนที่สูงเจี๋ยหลุนมองเห็นรอบบริเวณได้ชัดเจนขึ้น “กล้องส่องทางไกล”
เจ้าเวยทําหน้างงงวย
เจี๋ยหลุนจึงมองไปยังกระเป๋าเป้ของเธอ
“เอามาใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่” น้องสาวควานหากล้องส่องทางไกล ในกระเป๋าแล้วหยิบให้พี่ชาย
“เผื่อเอาไว้ คิดว่าอาจได้ใช้” เจี๋ยหลุนผู้รอบคอบตอบพลาง
มองผ่านกล้องไปมา
ที่นี่อยู่ใกล้สำนักคุนหลุน เป็นโรงเรียนของเหล่าองค์ชายจาก แคว้นต่างๆ เจี๋ยหลุนยื่นกล้องให้เจ้าเว่ย และอธิบายต่อ
“หากพี่ไม่ผลุบๆ โผล่ๆ ไปมาระหว่างสองโลกกับเจ้าเว่ยก็คง ได้เรียนที่นี่เหมือนกัน”
เจ้าเว่ยหยิบกล้องขึ้นมาส่องไปยังตำแหน่งที่เจี๋ยหลุน เธอ เห็นป้ายสำนักคุณหลุนบนหุบเขาชัดเจน
“แล้วเราจะกลับแคว้นเหลียงยังไงล่ะ ขล่ยนตอนนี้เป่ามั่วซั่ว ตามใจไม่ได้ด้วย เจ้าอารมณ์จริงๆ” เจ้าเวยบ่นอุบอิบ ตอนนี้ เธอไม่สามารถบังคับขลู่ ยเพรียกบุบผาได้ดังเดิม ถ้ามันไม่ อยากพาเธอกลับ ต่อให้เป่าจนหมดลมขลยเพรียกบุบผาก็ไม่มี เสียงแม้แต่นิด
“พี่พอรู้ทาง เคยมากับท่านอาอี้เหวินอยู่สองสามครั้ง พอจะจำ ทางได้” เขากล่าวพลางพาน้องสาวกระโดดลงจากต้นไม้
“โอเคตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่า” เจ้าเวยดึงชุดโบราณ แบบผู้ชายออกมาจากกระเป๋าสองชุด หญิงสาวสวมทับเสื้อยืด กางเกงขาสั้นที่เธอสวมอยู่อย่างรวดเร็ว
เจี๋ยหลุนรับชุดจากน้องสาวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เช่นกัน เพราะเขาต้องมาที่นี่บ่อยครั้งทำให้เจี้ยหลุนต้องไว้ผม ยาวอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งสองคนต่างช่วยกันเกล้าผมให้กันและกัน พลางหัวเราะสนุกสนาน เจี๋ยหลุนที่เงียบขรึมจะร่าเริงเสมอเมื่ออยู่ กับน้องสาวที่เขารัก
เขาเดินนำหน้าน้องสาวไปในทิศที่มั่นใจว่าจะเป็นทางกลับ แคว้นเหลียง เจ้าเว่ยรีบกระโจนไปจับแขนพี่ชายอย่างว่องไว
เจี๋ยหลุนรู้สึกว่ามีสายตาใครบางคนจ้องมองมายังเขาและน้อง สาว เขาจึงรีบเร่งฝีเท้ากระโดดออกจากบริเวณนั้นโดดทันที
ผู่จื่อหรงกระโดดลงจากต้นไม้ที่กำบังตัว เขาได้ยินบทสนทนา ที่น่าแปลกประหลาดของชายหญิงเมื่อสักครู่ ทั้งการแต่งกายและ น้ำเสียงดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนแถวนี้ แน่นอนว่าลักษณะการอำพรางตัวทำให้ทั้งสองคนอาจเป็นสายลับจากแคว้นใด แคว้นหนึ่ง
แต่ท่าทางสูงศักดิ์ของทั้งคู่ทำให้เขาครุ่นคิดว่าทั้งสองคนย่อม ไม่ใช่สายลับธรรมดาแน่นอน สตรีผู้นั้นก็ดูบอบบางเกินกว่าจะ เป็นสายลับได้ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องไม่ประมาท หากเขาเห็น สองคนนี้เข้ามาในแคว้นซินแล้วล่ะก็ เห็นทีจะต้องจับมาสวบสวน อย่างจริงจัง
ผู่จื่อทรงเดินตรงไปยังลำธารเพื่อล้างหน้าล้างตาอย่างที่เขา ต้องการตั้งแต่แรก ทันใดนั้นเขาก็เหยียบเข้ากับบางสิ่งบนพื้น ผู่จื่อหรงก้มลงเก็บสิ่งของประหลาดลักษณะเหมือนหมีตัวเล็ก เขา เผลอกดลงไปตรงตรงกลางอย่างไม่ตั้งใจ
“โจวเจ้าเวย เธอเยี่ยมมาก เธอเยี่ยมมาก” จื่อหรงดวงตา เบิกโพลง เจ้าสิ่งประหลาดนี้สามารถพูดได้เช่นนั้นหรือ เขาเพ่ง มองมันในมืออย่างสนใจ สิ่งนี้น่าจะเป็นของสตรีผู้นั้น
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท” เสียงของทหารแคว้นซินทำให้ฝูจื่อทรงรีบ เก็บหมีตัวเล็กไว้ในแขนเสื้อทันใด
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ