วิวาห์ตัวสำรอง ชุดเจ้าสาวพรห...

ตอนที่ 1



ตอนที่ 1

เฌอปราง อิสเรศ เด็กสาววัยสิบแปดปีบริบูรณ์ ดวงหน้าขาว เนียนรูปหัวใจ สองพวงแก้มที่ผุดผ่องสดใสจนเห็นเส้นเลือดฝอย ภายใน มีลักยิ้มบุ๋มน่ามองยามเจ้าตัวแย้มยิ้ม เรือนร่างอรชรถูก ซ่อนเร้นเอาไว้ใต้เสื้อผ้าตัวใหญ่ ความสูงหนึ่งร้อยห้าสิบเจ็ด เซนติเมตร ทำให้หล่อนดูตัวเล็กมากหากยืนอยู่ใกล้ผู้ชายสูงสง่า อย่าง เคลวิน แม็กคลาเรน เจ้าของไรที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และในประเทศไทย

เด็กสาวคือลูกสาวของคนงานในไร่ที่เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ ทำให้เป็นกำพร้า และก็ต้องตกมาอยู่ในการดูแลของเคลวิน ตั้งแต่อายุสิบขวบ ระยะเวลาแปดปีเต็มที่ผ่านมา ความเอาใจใส่ ของพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อที่มีให้นั้น ทำให้เด็กสาวอย่างหล่อน ซาบซึ้งใจนัก และมันก็ทำให้หัวใจไร้เดียงสารู้จักคำว่ารักตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมา

สนามหญ้าหลังบ้านไม้สักหลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงเคลวิน แม็ก คลาเรน คือสถานที่ที่หล่อนมักจะมานั่งทอดอารมณ์ และมองดวง อาทิตย์ที่กำลังปีนป่ายขึ้นจากขอบฟ้าเสมอ แต่หลายวันมานี่มัน ต่างไปจากเดิม เมื่อสนามหญ้าหลังบ้านไม่ได้เป็นที่ส่วนตัวของ หล่อนอีกต่อไปแล้ว

เรือนกายสูงสง่าสันของพ่อเลี้ยงเคลวินกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ บนเก้าอี้ไม้สีขาวที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะไม้ที่มีลักษณะทรงกลมสีเดียวกัน บนโต๊ะไม้มีขวดเหล้า ถังใส่น้ำแข็ง และแก้วใสทรง สวยที่มีหยาดน้ำสีอำพันเจืออยู่ที่ก้นของมัน

หล่อนรู้ตัวว่าควรจะเดินจากไป เพราะมั่นใจว่าเคลวินกำลัง ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่สองขากลับไม่ยอมขยับเคลื่อนไหว ดวงตาจ้องเขม็งไปที่ผู้มีพระคุณด้วยความเห็นใจ

หล่อนรับรู้เรื่องราวเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตของเคลวินไม่ ต่างจากคนงานทุกคนในไร่ชาแห่งนี้

คุณณิชา คนรักที่เคลวินรักมาก พวกเขาคบหากันมายาวนาน และทุกคนก็มั่นใจว่าพวกเขาจะต้องแต่งงานกันในตอนสุดท้าย แต่ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด เมื่อจู่ๆ คุณณิชาก็ส่งการ์ด แต่งงานมาถึงเคลวิน และบอกว่าจะแต่งงานกับเศรษฐีฝรั่งคน หนึ่งที่เพิ่งเจอกันได้เพียงแค่สองเดือนเท่านั้น

หล่อนรู้ดีว่าเคลวินจะต้องช็อกมากๆ และก็คงเสียใจจนแทบ เป็นบ้าเป็นหลัง เมื่อผู้หญิงที่เขารักมากดั่งดวงใจมาสะบั้นรักลง กะทันหันแบบนี้

ตอนแรกหล่อนเป็นห่วงมาก กลัวว่าเคลวินจะเสียใจจนเสียผู้ เสียคน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่อย่างนั้น เคลวินแสดงความ เสียใจให้ทุกคนเห็นก็จริง แต่ภายใต้ความเสียใจนั้น ชายหนุ่ม กลับเต็มไปด้วยความคั่งแค้นจนน่ากลัว

แกรก…

หล่อนขยับเท้า และก็บังเอิญไปเหยียบท่อนไม้แห้งที่อยู่ด้าน หลังจนหัก เกิดเสียงดังขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าคนที่นั่งดื่มเหล้ามองแสงตะวันยามเช้าอยู่ต้องได้ยิน

เคลวินมองมาที่หล่อน…

ร่างเล็กกะทัดรัดของเฌอปรางคล้ายกับถูกคำสาปให้ยืนนิ่งไม่ อาจจะเคลื่อนไหวได้

ดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมองมายังร่างของหล่อนนั้นมีดลึกและ

อ่านความรู้สึกไม่ออก

หล่อนพยายามตั้งสติ แต่การเผชิญหน้ากับเคลวินมันสร้าง ความประหม่าให้กับหล่อนเสียทุกครั้ง ตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าตกหลุมรัก เขาเข้าเต็มหัวใจ

กลีบปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง มือเล็กที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวชุ่ม ชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ

หล่อนระมัดระวังการแสดงออกของความรู้สึกตนเองเสมอ ไม่มีวันที่หล่อนจะทำให้เคลวินลำบากใจกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในหัวใจ ของหล่อนแน่นอน

เพราะหล่อนรู้ดีว่าเขาไม่เคยต้องการ

“สวัสดีตอนเช้า เฌอปราง

น้ำเสียงสบายๆ ของเคลวินที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก หยักสวยทำให้เฌอปรางต้องรีบรวบรวมสติ และก้าวเข้าไปหา เขาอย่างไม่มีทางเลือก

“สวัสดีตอนเช้าค่ะ พ่อเลี้ยง”
เคลวินระบายยิ้มออกมา และมองหล่อนด้วยสายตาที่แตกต่าง ไปจากทุกวัน ซึ่งมันก็ทำให้หล่อนทั้งประหม่าทั้งรู้สึกขัดเขินจน เผลอบิดตัวไปมา

“นั่งก่อน ”

“เอ่อ… หนู…”

หล่อนกำลังจะปฏิเสธ เพราะการเผชิญหน้ากับเคลวินมันทำให้ หล่อนอ่อนแอและอ่อนไหวเหลือเกิน

“เดี๋ยวนี้เธอดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะเสวนากับฉันเลยนะ เฌอ ปราง”

“ไม่…ไม่ใช่ค่ะพ่อเลี้ยง”

“งั้นก็นั่งลงสี ฉันคิดว่าเรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน

หล่อนจําต้องหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ ตัวตรงกันข้ามกับเขา หัวใจสาวเต้นแรงระรัว แข้งขาก็อ่อนแรง เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ กับ ผู้ชายเจ้าของดวงใจ

เคลวินหล่อมาก…

นี่คือคำจำกัดความเดียวที่หล่อนมอบให้เขาได้

หล่อเถื่อนๆ หล่อแบบมีพลังทำลายล้างสูงลิบ

เฌอปรางพยายามควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเองไม่ให้ หอบกระชั้นจนคนตรงหน้าสังเกตเห็น

“นี่ฉันไม่ได้เห็นเธอนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย
“ก็น่าจะ… สองสามอาทิตย์ค่ะ”

ซึ่งมันก็คือช่วงเวลาที่หล่อนเข้าไปพักที่หอพักในเมืองเพื่อสอบ ภาคเรียนสุดท้ายของชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก

“ก็ไม่นานนะ ทําไมเธอดูโตเป็นสาวจัง

พวงแก้มนวลแดงระเรื่อ และก้มหน้าหลบสายตาเข้มเป็น ประกายของผู้ชายที่หล่อวัวตายควายล้มลงมองปลายเท้าของ ตนเองด้วยความเขินอาย

“ก็… หนูสิบแปดแล้วนี่คะ”

หล่อนอ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงแผ่วเบา

เคลวินหัวเราะในลำคอ พิศมองดวงหน้าขาวผ่องของเด็กสาว วัยกำดัด เจ้าหล่อนมีรอยยิ้มสดใสที่ให้ความรู้สึกเหมือนแสง ตะวันยามเช้า มันทั้งอบอุ่นและสดใส

ริมฝีปากที่อยู่ใต้จมูกโด่งเชิดพองามอวบอิ่มจนดูเหมือนจะ หนาเกินไป ไม่ได้เป็นรูปกระจับเหมือนที่สาวๆ นิยมกัน แต่เขา กลับรู้สึกว่ามันดูเย้ายวนเชิญชวนให้ชายลิ้มลอง

ดวงตากลมโตสีดำขลับสดใส แววตาของหล่อนไร้เดียงสาไม่ ต่างจากเด็กสาววัยแรกรุ่นทั่วไป แต่ทุกครั้งที่นัยน์ตาหวานทอด มองมายังเขา เขาก็สัมผัสได้ถึงความเทิดทูนบูชาจากเจ้าหล่อน ได้อย่างชัดเจน และเพราะแบบนี้ไง เขาถึงมีความคิดเห็นแก่ ตัวอย่างนี้ขึ้นมาในสมอง

“นั่นสินะ เธอมีอายุสิบแปดปีแล้ว”
“เอ่อ… เมื่อกี้พ่อเลี้ยงบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับหนูใช่ไหมคะ

“อืม”

ใบหน้าหล่อลากไส้ผงกขึ้นลงตอบเพียงสั้นๆ ในขณะที่หล่อน รู้สึกกังวลแปลกประหลาด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ