ล่ารักเทพบุตรมาเฟีย

ตอนที่ 1



ตอนที่ 1

“ถ้าจับไอ้หัวขโมยนั่นได้ผมจะเค้นเอาซิปกลับมาและฆ่า มันทิ้งด้วยตัวผมเอง!”

เสียงหนักลอดไรฟันจากใบหน้าที่กรามถูกขบจนนูนเป็น ส้นของร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสนิทดังขึ้นท่ามกลาง บรรยากาศตึงเครียดภายในห้องเล็กแคบที่เขายืนอยู่หัว โต๊ะรายล้อมด้วยชายอีกหกคนซึ่งก็มีสีหน้าเข้มเครียด พอกัน นัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องผ่านกระจก นิรภัยไปยังอีกห้องที่เครื่องเร่งอนุภาคแบบไซโคลตรอน วางแน่นิ่งอยู่

วันนี้ถือว่าเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดเลยก็ว่าได้สำหรับ แดเนียล นักธุรกิจหนุ่มอายุสามสิบห้าปีเจ้าของความ สูง 185 เซ็นติเมตรทายาทตระกูลไพรซ์ซึ่งสืบเชื้อสาย มาจากขุนนางในตระกูลอันเก่าแก่และมั่งคั่งทางด้าน อสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในอเมริกา

เขาต้องเรียกประชุมนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ทั้งหกมาพร้อม หน้ากันในห้องทำงานซึ่งอยู่ติดกับห้องปฏิบัติการที่ถูก สร้างขึ้นอย่างลับ ๆ ใต้คฤหาสน์ไพรซ์อันโอฬารที่กิน เนื้อที่กว่าแปดร้อยเอเคอร์ย่านชานเมืองแถบซานตา โมนิ กาของลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอเนียเพื่อจะรับรู้ว่าข้อมูล การค้นพบอะตอมของธาตุลำดับที่ 119 ซึ่งทั้งหมดร่วมกัน ทำการวิจัยและทดลองอย่างยิ่งยวดจนได้มานั้นถูกจาร กรรมไปเมื่อคืนนี้ แดเนียลถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าขณะมองไปยังเอกสารกองพะเนินตรง หน้าก่อนตบโต๊ะเสียงดัง

“บ้าเอ๊ย!…เราค้นพบมันแล้ว เกาะแห่งความเสถียรนั่น”

“ใช่…แดน เราค้นพบมัน แต่ก็มีคนมารู้การทดลองที่เรา เก็บไว้เป็นความลับอย่างดีนี้ด้วย คุณคิดว่า…คุณสงสัย ใคร?”

มอโรว์ ชายร่างสูงผิวสองสีอายุประมาณสามสิบห้าซึ่ง เป็นหนึ่งในทีมนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ถามขึ้นขณะหรี่ตาลง

“มีเบาะแสแค่เล็กน้อยเท่านั้น คือมันปลอมตัวเข้ามาที่ นี่ …จีน่า แม่บ้านของผมถูกวางยาสลบและถูกมัดไว้หลัง คฤหาสน์ แต่มันทำทุกอย่างได้แนบเนียนมาก ไม่มีร่อง รอยการต่อสู้ รื้อค้น หรือแม้แต่ชิปข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ก็หาย ไปเหมือนไม่มีใครเข้ามาที่นี่”

“ถ้าไม่ใช่เพราะมันล่องหนได้คุณก็คงสงสัยพวกเราหนึ่ง ในหก…ไม่คนใดก็คนหนึ่ง”

นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์คนเดิมพูดต่อ แต่มุขขบขันไม่ได้ ทำให้ทุกคนในที่นั้นยิ้มออกมาได้ แดเนียลไหวไหล่ก่อน เสยผมสีน้ำตาลเข้มขลับอย่างเครียด ๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็เชื่อเถอะว่าอาจเป็นผมที่จัดฉากเพื่อจะได้ครอบครองข้อมูลการค้นพบธาตุชนิดใหม่ของโลก เพียงคนเดียวก็เป็นได้ หรือคุณคิดว่ายังไงล่ะ มอโรว์?”

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายถามกลับไปก่อนค้ำยัน มือหนาใหญ่ทั้งสองไว้บนโต๊ะ ทุกคนเงียบกันไปอีกพัก ใหญ่ในบรรยากาศอึมครึมก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออก พร้อมร่างสูงของชายคนหนึ่งในชุดลำลองพร้อมแล็ปท็อป ขนาดเล็ก เขาหันไปพยักหน้าให้บอดี้การ์ดร่างยักษ์ก่อน ประตูจะถูกปิดลง

“สวัสดีครับ คุณแดเนียล”

ชายหนุ่มใบหน้าคมสันใต้กรอบเรือนผมหยักศกสีทอง สว่างกล่าวทักพร้อมทั้งยิ้มให้ทุกคนในที่นั้น

“สวัสดีคุณเออร์วิ่ง” แดเนียลทักตอบก่อนหันไปยังทุก คนในที่นั้น

“ทุกคนครับ ผมขอแนะนำให้รู้จักคุณเออร์วิ่ง ซีเมียน เขาเป็นนักสืบที่ผมเรียกให้มาช่วยสืบเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืน”

“และผมก็ได้ข้อมูลที่คุณต้องการครับ แดเนียล อย่าง น้อยที่สุดตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าเธอคือใคร”

“เธออย่างนั้นหรือ?”
ป้นคิ้วหนาบนใบหน้าคร้ามคมขมวดมุ่นแสดงความฉงน ต่อคำพูดของผู้มาใหม่ เออร์วิ่งก้าวช้า ๆ ผ่านทุกคนที่นั่ง อยู่ไปยืนเคียงข้างแดเนียลที่หัวโต๊ะก่อนวางแล็ปท็อปลง และเปิดมันขณะให้คําอธิบาย

“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนผมพยายามสืบหาทุก อย่างเท่าที่ผมจะพบได้จากห้องปฏิบัติการที่มีระบบ ป้องกันภัยแน่นหนาของคุณ…แต่ไม่พบอะไรเลยทั้ง เส้นผม ลายนิ้วมือหรือแม้แต่ร่องรอยบางอย่างที่อาจ ตกหล่นอยู่ในห้องทำงานหรือห้องทดลองที่มีเครื่อง ไซโคลตรอนตั้งอยู่ แต่ผมกลับพบเบาะแสบางอย่างที่ กล้องวงจรปิดในบ้านของคุณจับภาพเอาไว้ได้ นั่นคือ สัญลักษณ์ตัวอักษร เอส กลับหัวเล็ก ๆ บนต้นคอของแม่ บ้านตอนเธอเดินผ่านห้องโถงออกมาตอนเที่ยงคืน”

“คุณกำลังจะบอกอะไรกับผมอย่างนั้นหรือ เออร์วิ่ง?”

“ผมแค่อยากจะบอกคุณว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่โจรธรรมดา ที่แค่อยากขโมยข้อมูลของคุณเพราะอยากมีชื่อเสียง แต่ มันเป็นแผนขององค์กรลับที่มีเครือข่ายอันตรายมาก”

“องค์กรลับ…”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ