บทที่ 8
“ไอ้ลูกชายตัวดีถึงอยู่ไหน!”
“ป้าพอได้แล้วหนูอายชาวบ้านจะแย่แล้ว” ฉันเดินเข้าไปถึง แขนป้าให้ออกห่างจากรั้วบ้าน
“ไอ้คนบ้านนี้สิควรอาย ทำลูกคนอื่นท้องแล้วไม่รับผิดชอบ มึงยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่าวะ” พ่อหน้านายฟีฟ่า
นั่นทําให้เขาหน้าเหวอทันที ขมวดคิ้วจนเป็นปมจ้องมองมา ที่ฉันอย่างงงวย “มึงว่าไงนะลูกกูไปทำใครท้องงั้นเหรอ หรือไอ้ยูโรไปทำไอ้
เจ้านายท้อง ฮ่าๆๆ” เฮียกรยังคงพูดติดตลกเพราะไม่เชื่อสิ่งที่ป้า
พูด ท่านคงคิดเหมือนอย่างที่ป้าฉันคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
เพราะบ้านเราไม่ถูกกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “กูขอเอาเลือดปากมึงออกก่อนเถอะ ยังจะมาพูดเป็นเรื่อง ตลกอยู่อีก” ป้าสลัดแขนฉันแล้วจะปีนรั้วบ้านเข้าไป
“ป้าพอได้แล้ว พอสักทีเถอะ ฮือๆๆ” ฉันกับน้องชาย พยายามดึงตัวท่านไว้
“ฉันต้องลากคอให้มันมารับผิดชอบแกให้ได้ ไอ้หน้าตัวเมีย ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ
ประโยคนั้นทำให้เขารีบเดินมาเปิดรั้วบ้าน แล้วเดินตรงมาหาฉันทันที คงรู้ตัวแล้วสินะว่าทำอะไรไว้บ้าง แต่จะให้โทษเขา ฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้เพราะวันนั้นเราเองก็เมากันทั้งคู่
ผัวะ!
“ป้าอย่า” เมื่อจับตัวนายฟีฟ่าได้ป่าก็ซัดหมัดเข้าที่ใบหน้า
เต็มแรง
“มึงต่อยลูกกูทําไมวะ!”
“ก็ลูกชายถึงท่าลูกสาวท้อง จึงได้ยินไหม
เฮียกรเริ่มไม่ออกหันขวับไปมองหน้าลูกชายตัวเอง “มัน เป็นอย่างที่เขาพูดไหม”
“ผม…ผมไม่รู้ว่าขวัญข้าวท้อง เพิ่งรู้ก็ตอนนี้ล่ะป๋า” เขาว่า
พลางส่งสายตามองมาที่ฉันราวกับต่อว่าที่ไม่ยอมบอกเขาด้วย
ตัวเอง
“แล้วแกมั่นใจใช่ไหมว่าเด็กในท้องเป็นลูกแก”
“อ้าว! ทำไมพูดจาหมาไม่แดกอย่างนี้วะ ลูกสาวกูไม่ได้มั่ว เหมือนลูกชายมึงนะเว้ย” ป้าเริ่มไม่พอใจอีกครั้งจะทะยานตัว เข้าไปหาเรื่อง แต่ฉันกับน้องยังคงรั้งตัวไว้ได้ทันการ
ฉันเองก็ลุ้นว่านายนั่นจะตอบยังไง หากเขาบอกไม่ใช่หรือไม่ แน่ใจฉันจะเกลียดผู้ชายคนนี้ไปตลอดชีวิต ไม่มีทางจะญาติดีกัน แน่นอน
“ผมมั่นใจว่าเด็กในท้องเป็นลูกผมครับป้า ผมจะรับผิดชอบขวัญข้าวลูกด้วยการแต่งงานครับเขาตอบเต็มเสียงอย่างลังเลจนฉันแทบไม่เชื่อตัวเอง
ฉันแต่งงานกับฉันงั้นเหรอ ไม่มีทางฉันไม่ยอมแต่งงานกับนายขาด กำลัง
“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่
“ป้าหนูแต่งก็บอกไงว่าเลี้ยงลูกกันแต่งไปก็ต้องเลิกกันอยู่” ฉันเริ่มหงุดหงิดมาอีกครั้ง ตอนแรกเข้าใจว่าจะ
“ไม่ได้ยังไงหนูข้าวต้องแต่งเพราะฉันไม่ทางให้หลาน ตกเป็นของป้อเพียงฝ่ายเดียวแน่ แต่งแล้วหนูข้าวต้องย้ายบ้าน
“ไม่แต่งไอ้ฟีฟ่ามันต้องย้ายเข้ามาอยู่บ้านก
“ต้องมาอยู่บ้านกสิวะเป็นสะใภ้ต้องมาอยู่บ้านถูกต้อง แล้ว
ได้! ลูกมึงต้องมาอยู่บ้านกู” ป้าเถียงกลับ
“ลูกมึงต้องอยู่บ้านกสิวะ”
พอกลับก่อน” นายฟีฟ่ายุติการวิวาทด้วยการมือออก
“นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย ไม่ไป!!” ฉันพยายามแกะมือเขา ออกแต่อีกฝ่ายไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่าย ๆ
“เฮ้ย! มึงจะพาลูกสาวกูไปไหนวะ ป้าตะโกนตามหลังมา
“ตามมาเถอะน่าถ้าไม่ทำอย่างนี้มีหวังได้ทะเลาะกันทั้งคืน แน่” เขาหันมาถลึงตาใส่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด จนฉันต้อง เม้มปากแน่นยอมรับเหตุผลที่เข้าท่านั่นอย่างจำยอม
นายฟีฟาลากตัวฉันมาจนถึงสวนสาธารณะของหมู่บ้าน มืดอย่างนี้แทบไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ บรรยากาศวังเวงอย่างบอก ไม่ถูก ยังดีที่มีเสาไฟส่องสว่างข้างทางอยู่เป็นระยะ พอให้อุ่นใจ ได้บ้าง
“จะปล่อยฉันได้หรือยังเนี่ย” เมื่อเดินมาถึงใต้ต้นจามจุรีริม หนองน้ำแล้วฉันจึงเริ่มแกะมือเขาออก
“จะเอายังไงว่ามา” เขายอมปล่อย ยืนกอดอกมองหน้าฉัน อย่างเอาเรื่อง
“ไม่เอายังไง ตามที่ฉันพูดยังไงก็ไม่มีทางแต่งกับนาย แน่นอน”
“ทำอย่างกับฉันอยากแต่งกับเธอนักล่ะยัยตัวแสบ”
“ไม่อยากแต่งแล้วทำไมต้องพูดอย่างนั้นด้วยล่ะ ชอบสร้าง ภาพให้ตัวเองดูดีหรือไง ถ้าไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง ต่างคน ต่างอยู่เพราะถึงยังไงบ้านเราก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ชัดเจนไหม”ทำไมรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมันคือเรื่องโกหก
“ถึงไม่อยากแต่งแต่ฉันก็มีความรับผิดชอบพอ ยังไงซะตอน นี้เธอก็ท้องลูกของฉันแล้ว ฉันไม่มีทางยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ หรอก” น้ำเสียงเขาจริงจังจนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“คิดเหรอว่าฉันจะยอมนายง่าย ๆ
“แล้วคิดเหรอว่าฉันจะยอมง่าย ๆ เหมือนกัน ถ้าไม่เห็นแก่ หน้าป้ามาก็นึกถึงลูกบ้าง โตขึ้นมาแล้วไม่มีพ่อเหมือนคนอื่นจะ รู้สึกยังไง ถ้าลูกเป็นเด็กมีปัญหารู้ไว้ด้วยนั่นเป็นเพราะเธอคน เดียว”
“ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดี ไม่ให้เป็นเด็กขาดความอบอุ่น
“ทำไมดื้อจังวะ เกิดมาเคยยอมใครบ้างไหมเธออ่ะ”
“นี่ล่ะตัวตนของฉันนายเองก็รู้ เอาเป็นว่าต่างคนต่างอยู่ไม่ ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก” กำลังจะหมุนตัวเดินกลับไป แต่ทว่าเขา กลับยั้งมือฉันดึงเข้าไปสวมกอดไว้แน่น ซับใบหน้าคมลงที่ซอก คอแล้วค้างไว้อย่างนั้น
ตึกตึก! ตึกตึก!
ทำไมหัวใจถึงได้เต้นแรงอย่างนี้นะ นายต้องการเล่นตลก
อะไรกับฉันอีกงั้นเหรอ
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” เมื่อได้สติฉันก็พยายามดันตัวเขาออก แต่ทว่าอ้อมกอดนั้นช่างแน่นหนาเสียเหลือเกิน
“เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ แล้วทำไมหัวใจเธอเต้นแรง อย่างนี้ล่ะ ตื่นเต้นหรือไง โดนฉันกอด” เขาเอ่ยด้วยโทนเสียง นุ่มละมุนหู สร้างความประหลาดใจให้ฉันเป็นที่สุด
นายจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย
“คะ…ใครตื่นเต้น รังเกียจต่างหากล่ะ ปล่อยฉันได้แล้วไอ้บ้า เดี๋ยวยามก็คิดว่าเป็นเด็กวัยรุ่นใจแตกมาพลอดรักกันหรอก” น้ำ เสียงฉันอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะไม่เคยโดนผู้ชายกอด อย่างนี้มาก่อน ทำไมถึงได้รู้สึกอบอุ่นอย่างนี้ ราวกับมีใครสักคน ที่พร้อมจะปกป้องเราได้ทุกเมื่อประมาณนั้น
“แล้วไงใครแคร์ เราเป็นผัวเมียกันแล้วไม่เห็นจะสนใจอะไร เลย รู้ไหมทำไมฉันถึงกอดเธออย่างนี้
“เพราะนายเป็นคนลามกยังไงล่ะ ชอบหาเศษหาเลยกับผู้
หญิงไปทั่ว”
“นั่นเป็นนิสัยฉันส่วนนึง แต่ที่กอดเพราะอยากให้เธอรู้ ว่าการมีใครคอยอยู่ข้าง ๆ ให้กำลังใจกันและกันมันดีกว่าการ ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เธออาจจะกอดลูกได้ทุกวันทุกเวลาเมื่อลูก ต้องการ ลูกได้รับความอบอุ่นจากเธอไม่เคยขาด แล้วเธอล่ะจะมี ใครคอยกอดให้ความอบอุ่นให้กำลังใจอย่างนี้บ้าง เธอก็รู้ ว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อย ยกตัวอย่างมาของเธอหรือมาของฉัน ถ้าไม่มีป้ามาช่วยท่านคงจะเหนื่อยมากแน่ ๆ” ฉันเพิ่งรู้ว่าเขา สามารถพูดโน้มน้าวคนอื่นได้ดีอย่างนี้ ดีจนฉันเริ่มคล้อยตาม แล้ว
พูดจบเขาก็คลายอ้อมกอดและตัวออกมายืนจ้องหน้าฉัน
ฉันยังไม่กล่าวอะไรออกไปเพราะกำลังอยู่ในช่วงตัดสิน
แทน
ใจ
“แต่งงานกันนะเพื่อลูกของเรา เพื่อครอบครัวเราจะได้เป็น ดองกัน เธอไม่อยากเห็นป้าของเราดีกันงั้นเหรอ”
“ก็….อยาก” ทำไมฉันจะต้องยอมศิโรราบให้เขาด้วยนะ แค่ สายตาคมที่ส่งมาให้ทำไมมันมีอำนาจมากมายขนาดนั้น
“งั้นแต่งงานกันเพื่อครอบครัวของเรา ฉันสัญญาว่าจะทำตัว เป็นพ่อและเป็นสามีที่ดี
“ฉันยอมแต่งก็ได้ แต่นายจะมีสถานะเป็นแค่พ่อของลูก
เท่านั้น”
“หมายความว่าไง?” เขาขมวดคิ้วมองฉันด้วยความฉงน
“เราจะแต่งงานกันแค่ในนาม เพื่อให้ครอบครัวเราสบายใจ ส่วนฉันกับนายจะเป็นแค่คนรู้จักกันเหมือนเดิม ห้ามนายล่วงเกิน ฉันเด็ดขาด”
“อ้าว! ทำไมพูดอย่างนั้นแล้วจะแต่งไปทำไม” เขาโวยวาย เสียงดัง
“แสดงว่านายแต่งงานเพราะเรื่องอย่างว่างั้นเหรอ”
“เปล๊า!! ถ้างั้นเอาตามที่เธอต้องการละกัน แต่ฉันก็มีข้อแม้เหมือนกัน”
“ว่ามา”
“เราต้องไปซื้อเรือนหอหลังใหม่แล้วย้ายไปอยู่ด้วยกัน เพราะถ้าอยู่บ้านหลังใดหลังหนึ่ง มีหวังป่าเธอกับฉันได้ ทะเลาะกันหนักขึ้นแน่ ๆ”
“ก็ได้ฉันตกลง ส่วนบ้านที่จะซื้อใหม่ให้ตกเป็นสมบัติของลูก โอเคไหม”
“นั่นล่ะสิ่งที่ฉันจะพูดต่อ งั้นกลับกันตอนนี้เลยหรือว่าเธอจะ อยู่พลอดรักกับฉันต่อ” ว่าแล้วก็ยิ้มกวน ๆ น่าตบสักฉาดสอง ฉาดให้หายซ่า
“เชิญอยู่พลอดรักกับผีเถอะฉันไปแล้ว
ฉันรีบเดินนำหน้าไปแต่ทว่ายังคงเว้นระยะห่างไว้เพียงเล็ก น้อย นั่นเพราะรู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ทาง ครอบครัวจะสนับสนุนหรือไม่ แต่ฉันกับเขาจะต้องทำให้มันผ่าน พ้นไปด้วยดีให้ได้ เพราะมันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ในตอนนี้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ