บทที่ 5
….สองเดือนต่อมา
หลังจากวันนั้นฉันก็ใช้ชีวิตตามปกติสุข คิดซะว่าเรื่องในวัน นั้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเพียงเท่านั้น จนมาถึงวันนี้เมื่อฉันกับเพื่อน นัดเจอกันที่ร้านอาหารอีสานแห่งหนึ่ง หลังจากที่เราทั้งสามเลิก งานแล้ว
“โทษทีว่ะมาสายไปหน่อย” เมื่อมาถึงก็รู้สึกเหนื่อยหอบเล็ก น้อย เพราะพยายามเดินเร็วมาเนื่องจากผิดนัดไปเกือบครึ่ง ชั่วโมง ช่วงนี้งานค่อนข้างเยอะจึงทำเลยเวลาเป็นประจำ แต่ ค่าแรงยังคงได้เท่าเดิม(แอบบ่น หุหุ)
“ไม่หน่อยแล้วย่ะแค่เกือบครึ่งชั่วโมงเอง” โบ๊ทพูดจา เหน็บแนม ทำหน้าน่าหมั่นไส้ซะเหลือเกิน ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อน รักฉันคงกระชากผมขึ้นมาตบซะแล้ว ฮ่าๆ
“จ้า…ก็ขอโทษแล้วไงยะ ทีแกมาสายเพราะไปนอนกกผู้ชาย พวกฉันยังไม่เห็นบ่นกันเลย
“ก็มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่นา ผู้ชายไม่ปล่อยฉันมาจะมาได้ไง ยะ รีบสั่งอาหารกันดีกว่าฉันหิวจนต้องร้องโครกครากแล้วเนี่ย แหมที่อย่างนี้ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องนะยะ
“เอ้อ…แล้วพี่ต้องไม่มาด้วยเหรอแก” ฉันหันไปเอ่ยกับน้ำ
“ฉันชวนแล้วแต่ติดงานน่ะ”
เราคุยกันไปพร้อมทั้งกำลังเลือกเมนูอาหาร
“เออว่ะลืมไปเลยพี่ฟีฟ่าของฉันล่ะเป็นไงบ้าง ตั้งแต่วันนั้นยัง ไม่ได้เจอกันอีกเลย
ได้ยินอย่างนั้นฉันจะทำหน้าเซ็ง ๆ ก้มลงไปดูเมนูปล่อยให้ สองคนนั้นคุยกันต่อ
“หลังจากวันนั้นก็เจอกันแค่ครั้งเดียวเอง”
“ว่าแต่หล่อ ๆ อย่างนั้นมีแฟนหรือยังยะ ฉันล่ะอยากกินมา กกกก หล่อ-ล่า-ขาว-ใหญ่ อร้ายยย!!” นางทำสีหน้าราวกับตอน นี้กำลังโดนเขาตอกเสาเข็มก็ไม่ปาน อะไรจะฟินขนาดนั้นยะอี โบ๊ท!
“อีห่าดูทำหน้าทำตา ฉันก็ไม่รู้จักเขาดีเท่าไหร่หรอก แต่พี่ องเคยเล่าให้ฟังว่าเจ้าตัวพ่อ คาสโนว่าขั้นเทพ ไม่เคยมีผู้หญิง คนไหนจับได้แต่ก็ไม่เคยขาดผู้หญิง”
“อุ้ยๆๆๆ อย่างนี้ล่ะฉันชอบท้าทายเว่อร์!!
“หยุดมโน! คนอย่างพี่ฟีฟ่าไม่เอาแกหรอกย่ะ แต่ถ้าเป็นคน อื่นไม่แน่” น้ำว่าพร้อมทั้งปรายตามองมาที่ฉัน แถมยังอมยิ้ม อย่างมีเลศนัยอีกต่างหาก
“มองฉันอย่างนี้หมายความว่าไงยะ” ฉันเค้นเสียงถาม
“หรือว่าพี่ฟีฟ่าสนใจอีข้าว ไม่จริงใช่ไหมวันนั้นยังจะตีกันอยู่ เลย อ้อ!!! ฉันลืมไปว่าบ้านติดกันนี่นา อย่างนี้แกต้องเจอหน้าพี่ ฟีฟ่าทุกวันเลยอ่ะดิ” โบททำสีหน้าระรื่นแสดงท่าทีดีจนออกนอกหน้า
“อย่ามโนฉันกับนายนั่นไม่เคยญาติดีกันอยู่แล้วทำไมจะ ต้องสนใจด้วยล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะจะแตกไหมข้าว”
“แดกสิยะแต่วันนี้ฉันขอไปบ้านแกด้วยได้ไหมเผื่อจะเจอพี่ ฟีฟ่าบ้าง ฉันรับรองว่าจะไม่ทำให้แกเดือดร้อน นะๆๆๆ” ว่าแล้ว เพื่อนตัวดีก็นวดแขนฉันอย่างออดอ้อน เฮ้อ! เรื่องผู้ชายมันทำได้ ทุกอย่างเลยสินะ
“ให้มันไปด้วยเถอะถือว่าสงสารลูกหมาตัวป้อม ๆ อ้วน ๆ”
“อีน้ำตบปากตัวเองตามอายุเดี๋ยวนี้ ฉันผอมฉันสวยย่ะ!” เมื่อมีคนว่ามันอ้วนนางจะหันขวับมาจิกตาใส่ทันที เหมือนที่ทำ กับน้ำในตอนนี้
“จ้าแกผอมมากกกก พอใจยัง” น้ำลากเสียงยาวประชด
โบ๊ทเหลือบตามองอย่างไม่สนใจแล้วหันมาออดอ้อนฉันต่อ
“นะเพื่อนข้าวให้เพื่อนไปด้วยนะ”
“เออๆๆ ไปก็ไปแต่แกห้ามทำตัวตุ้งติ้งต่อหน้าป้าฉันนะ แกก็ รู้ว่าป้าฉันไม่ชอบแบบนี้
“เออฉันรู้ จะทำตัวให้แมนที่สุดเลยค่ะ”
“งั้นตกลงตามนี้ แต่ถ้าแกอยากเจอน้านายนั่นก็หาวิธีเอาเอง ละกันเพราะฉันจะไม่ช่วย
“ฉันรู้แล้วน่าว่าแกเกลียดเขาจะตาย ทั้งที่บ้านอยู่ติดกันแท้น่าจะว่าคนอย่างนายนั่นมาสนใจ
มึงผิดแล้วอีโบ๊ท!
นั่งรออยู่สักพักอาหารที่สั่งถูกนำมาวางเรียงรายบนโต๊ะ เมนูต้นตำรับอาหารอีสานแท้ ว่าเป็นส้มตำ แกงอ่อมเนื้อ ต้มแซ่บ และอื่น อีกสารพัดเมนูมาเพื่อสนองความอยากไม่ ได้เจอนาน
กำลังจะลงมือทานกันอยู่แล้วเชียวทว่ากลับบางอย่างปกติเกิดขึ้นฉัน
แหวะทำไมมันเหม็นอย่างเนี่ยส้มตำมากำลังเอาเข้าปากแล้วออกมา แล้วไม่เคยเกิดขึ้นเพราะชอบปลาเป็นเดิมแล้ว
“แกจะเหรอเดี๋ยวก็ไล่เราออกว่าฉัน
“แกไม่สบายหรือเปล่า
“ไม่นะ อ้วกกฉันไม่ไหวแล้วไปห้องน้ำก่อนนะ” ฉันรีบลุก เก้าอี้วิ่งยังห้องน้ำของร้าน
เมื่อมาถึงฉันก็สำรอกไส้หมดก่อนหมดแรงอยู่บนพื้นห้องน้ำ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่
“ข้าวแกเป็นไงบ้าง” น้ำเดินตามเข้ามาลูบหลังฉันเบา ๆ
“ดีขึ้นแล้วล่ะแต่ฉันคงกินข้าวกับพวกแกไม่ไหวแล้วอ่ะ อ้วก ก!!” พูดจบแล้วก็ต้องชะโงกหน้าไปที่ชักโครกอีกครั้ง สำรอก ออกมาจนแทบไม่มีอะไรเหลือในท้องแล้ว ระหว่างนั้นยัยก็ใช้ มือลูบหลังฉันป้อย ๆ
“อ้วกอย่างกับคนแพ้ท้องซะอย่างนั้นล่ะ” ยัยน้ำเอ่ยเบา ๆ อย่างไม่คิดอะไร
ประโยคเมื่อครูทำให้ฉันนึกเอะใจ ท้องงั้นเหรอ? มันไม่จริง ใช่ไหม เรื่องอย่างนี้ต้องไม่เกิดขึ้นกับฉัน
“มันจะเป็นไปได้ไหมแก” ฉันเริ่มใจไม่ดีน้ำใส ๆ เริ่มคลอ
หน่วยตาจวนจะพังลงมาเต็มที
“รอบเดือนแกยังมาปกติอยู่ไหม”
ฉันพยายามนึกว่ารอบเดือนมาครั้งสุดท้ายเดือนไหนกันแน่
“ไม่มาสองเดือนแล้วอ่ะแก” ฉันตอบเสียงสั่นหัวใจเต้นแรงกลัว
ว่ามันจะเป็นอย่างที่คิด
“ทําใจดี ๆ ไว้นะแกฉันว่าคงใช่แล้วล่ะ ปกติรอบเดือนแกมา ครบทุกเดือนอยู่ใช่ไหม
ฉันได้แต่พยักหน้าให้มัน “แค่ครั้งเดียวเองนะจะเป็นไปได้เหรอ”
“เอางี้เราไปตรวจโรงพยาบาลกันให้มันรู้กันไปเลย แกจะได้
ไม่ต้องเครียดไง บางทีมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้นะ” นพยายามหาทางออกให้ ซึ่งฉันเองก็เห็นด้วยแต่ทว่าหากมันใช่ อย่างที่กลัวล่ะ ฉันจะทํายังไงดี
“แกต้องไปเป็นเพื่อนฉันนะ ฉันกลัวอ่ะ”
“โอเค ๆ ฉันจะไปเป็นเพื่อน คนอย่างแกเคยกลัวอะไรซะ ที่ไหนกันอย่าทำตัวอ่อนแอริยะ สูดหายใจเข้าลึก ๆ
ใช่สิ! ฉันไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วนี่นา แต่ทว่าปัญหาในครั้ง นี้มันช่างใหญ่หลวงนัก ขออ่อนแอสักวันนึงเถอะนะเพื่อนรัก
ฉันหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่าง ช้า ๆ ทำอย่างนั้นจนรู้สึกดีขึ้น
“ฉันพร้อมแล้วรีบไปกันเถอะ” ฉันจูงมือน้ำกำลังจะเดินออก
จากห้องน้ำ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเอ่ยถามอะไรบางอย่างเสียก่อน
“เดี่ยว! แล้วอีโบ๊ทล่ะจะบอกมันไหม”
“แล้วแกว่าไงล่ะ” ฉันถามกลับเพราะถึงอย่างไรมันก็เพื่อน หากมารู้ทีหลังมีหวังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ ๆ
“ควรจะบอกความจริงมันได้แล้วล่ะ สมมติถ้าแกท้องขึ้นมาง จริง ๆ หากมันรู้หลังจากนี้คงจะโกรธมากแน่ ๆ”
“ไม่ต้องบอกแล้วย่ะฉันได้ยินหมดแล้ว พ่อเด็กเป็นใครบอก ฉันมาเดี๋ยวนี้” โบ๊ทปรากฏตัวให้เห็นตรงหน้าประตูห้องน้ำ มัน ยืนกอดอกส่งสายตาอันดุดันมองมาที่เราทั้งสองคน โดยเฉพาะฉันที่ดูท่าจะเป็นผู้ต้องหารายแรกๆ ที่มันจะสำเร็จโทษ
“แกมายืนอยู่ตรงนี้นานแล้วเหรอ” ฉันถามเสียงอ่อยเมื่อเห็น สีหน้าอันจริงจังของมัน นานทีปีหนจะเห็นอย่างนี้
“ก็นานจนรู้ว่าแกท้อง
“ยังไม่ได้ท้องแค่สันนิษฐานเท่านั้นเอง” ฉันตอบไป
“แล้วสรุปแกไปมีอะไรกับใคร ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้
“เอ่อ..บอกไปแกก็ไม่รู้จักหรอก จะมายืนคุยอะไรหน้า ห้องน้ำรีบไปกันเถอะ” ฉันรีบจูงมือน้ำออกไปก่อนที่โบทจะถาม อะไรไปมากกว่านี้
ไม่นานหลังจากนั้นเราสามคนก็มาถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ ที่สุด โดยแทบไม่ได้แตะต้องอาหารที่สั่งมาเลยสักคำ หลังจากไป เจาะเลือดแล้วฉันก็นั่งรอผลตรวจที่หน้าห้อง โดยมีเพื่อนทั้งสอง นั่งประกบข้างคอยให้กำลังใจไม่ห่าง ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หัวใจยิ่งเต้นแรง รู้สึกกดดันมากเหลือเกิน ภาวนาในใจขอให้ตัว เองไม่ท้อง
“คุณขวัญข้าวเชิญพบคุณหมอได้เลยค่ะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ