ราตานร้ายเจ้าชายแห่งรัตติกาล

บทที่ 3 การพบกันครั้งแรก [NC15]



บทที่ 3 การพบกันครั้งแรก [NC15]

– – ณ อาณาจักรดาวลิสส์ (อาณาจักรแบลค โครว์:กาดำ) – –

– – – ณ คุกใต้ดินของอาณาจักรดาวลิสส์ – –

หญิงสาวลืมตาขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ ก่อน กระเด้งตัวขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อบรรยากาศ รอบตัวนั้นมีแต่ความมืด มีแสงรำไรให้เห็นเบื้องหน้า เพียงรางๆ ว่าเป็นไม้ท่อนใหญ่เรียงกันเป็นแถวยาว มีช่องว่างระยะห่างระหว่างท่อนไม้เท่าๆกัน แต่ว่า มัน…คุ้นๆ นะเนี่ย เฮ้ย!!…นี่มันคุกใต้ดินในนิยาย ที่เธออ่านเลย แล้วเธอมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร นี่คือ ความฝันหรือเปล่า หญิงสาวจำได้ว่าเธอกำลังจะไป มหา’ลัยกับเพื่อนสาวของเธอ

“ฟอร์!! แกอยู่ไหน ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครอยู่ ข้างนอกช่วยฉันด้วย”

“เจ้าชายสั่งให้นำตัวนักโทษ ที่บุกรุกเข้ามาไป เข้าเฝ้า

ก่อนที่หญิงสาวจะเอะอะโวยวายไปมากกว่านี้ ก็ได้ยินเสียงดังก้องจากด้านนอกแทรกเข้ามาให้พอ จับใจความได้
“นักทงนักโทษอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันรู้แต่ว่า อยากกลับบ้าน พ่อณิช แม่ริร ช่วยเฟรนด้วย”

สิ้นเสียงคําสั่ง มีทหารสองนายเข้ามาเปิดประตู พร้อมกับดึงร่างของหญิงสาวที่พยายามยื้อยุดฉุด กระชากอยู่กับพื้น ใบหน้าที่เริ่มเปรอะเปื้อนไปทั้ง คราบน้ำตาและดินโคลนภายในคุกแห่งนี้ ความกลัว และกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้รุมเร้าประดังประด่าเข้า มาในสมอง ร่างของเธอถูกนำมายังห้องที่อยู่ถัดจาก ลูกกรงเก่าๆ มาไม่มากนัก

ขณะที่หญิงสาวกำลังใช้สายตาสำรวจห้องแห่ง นี้ ชายสามคนก็ปรากฏยังเบื้องหน้าของเธอ และ ชายหนึ่งในสามนั้นได้เดินไปนั่งยังเก้าอี้กลางห้อง ก่อนมองใบหน้าหญิงสาวอย่างเคร่งขรึม ใบหน้าที่ ได้รูป รับกับจมูกและปาก ผิวขาวเนียนแสดงให้เห็น ถึงการถูกดูแลเป็นอย่างดี

“หญิงสาวที่ดูสกปรกๆนี้เป็นใคร กล้าดีอย่างไร จึงเข้าไปในเขตหวงห้าม เขตพระราชฐานแห่ง อาณาจักรดาวลิสส์ และเหตุใดพวกเจ้าจึงปล่อยปะ ละเลยได้เช่นนี้”

“ไอ้บ้าเอ้ย!!..กล้าดียังไงมาว่าฉันสกปรก หญิงสาวสบถออกมาด้วยความโมโห ก่อนที่ทหารสองนายจะมาจับเธอนั่งคุกเข่า

“ก่อนเจ้าจะพูดอะไร ลองมองดูสภาพตอนนี้ ของเจ้าเสียก่อน

หญิงสาวมองสำรวจสภาพของตัวเอง ทำให้ อารมณ์ของเธอยิ่งพุ่งกระฉุดขึ้นมา เมื่อชุดนักศึกษา ชุดใหม่ของเธอเลอะเถอะเปรอะเปื้อนไปด้วยดิน โคลน

“พวกเจ้าออกไปก่อน” ชายที่อยู่เบื้องหน้า ออกคำสั่งกับทหารทั้งสองนายที่เมื่อครู่ฉุดกระชาก ลากฏเธอมา

“ก็เพราะนายนั่นแหละ นายเป็นใคร กล้าดียัง ไงมาจับฉันไว้แบบนี้

“ข้าจะไม่เสียเวลามานั่งตอบคำถามคนแปลก หน้าที่กล้าบุกรุกเขตพระราชฐาน เจ้าต่างหากต้อง ตอบคำถามข้า ไม่เช่นนั้นโทษของเจ้าคือประหาร

“ต๊ะ!!..ประหาร นายบ้าป่ะ เล่นตลกคาเฟ่ ไหน” หญิงสาวเกือบถึงขีดจำกัด เมื่อเห็นใบหน้า ของชายคนนั้นแสดงหน้าออกมาได้อย่างเรียบเฉย และยังมายอกย้อนเธอ ทำเหมือนกับเธอเป็นคนผิดเป็นนักโทษของเขา ก่อนที่เธอจะฉุกคิดขึ้นมาก่อน

“เดี๋ยวนะ ที่นี่ที่ไหน”

“พระราชวังแห่งดาวลิสส์ เจ้าไม่รู้จักเจ้าชาย คิเรียว เจ้าชายแห่งอาณาจักรดาวลิสส์รึไง” ธีร์ผู้ ติดตามของเจ้าชายคิเรียวตอบก่อนจะเห็นใบหน้า ของหญิงสาวที่ตอบกลับมายังคงสร้างความฉงน งงงวยให้กับทุกคน

“ไอ้บ้าเนี่ยนะ ทำไมฉันต้องรู้จัก แล้วดาวลิสส์ อะไรเนี่ยมันคืออะไร อยู่ที่ไหน

“ดาวลิสส์เป็นดาวลูกของดาวฟาร์ อาณาจักร แห่งแบลคโครว์” ความพยายามที่จะอธิบายให้หญิง สาวฟัง กลับทําให้เธอฉงนมากยิ่งขึ้น

“ฉันไม่เข้าใจ”

“แล้วเจ้าชื่ออะไร มาจากที่ใด ดาวอะไร”

“ฉันน่ะเหรอ ฉันชื่อชัชริร เรียกว่าเฟรนก็ได้ ฉันมาจากประเทศไทย” แต่คำตอบกลับทำให้เจ้า ชาย รวมทั้งธีร์และฮาฟก็ฉงนไม่ต่างกัน
“ประเทศไทยน่ะเหรอ ก็อยู่ทวีปเอเชียไง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” หญิงสาวเริ่มมีน้ำโห เมื่อ ใบหน้าของชายทั้งสามยังไม่คลายความสงสัย

“ก็อยู่บนโลกไง พวกนายก็ยืนอยู่บนโลก ยังจะ สงสัยอะไรอีก” หญิงสาวโผลงขึ้นมาก่อนจะเลือด ขึ้นหน้ามากกว่านี้

“โลก?!?” ชายทั้งสามต่างอุทานพร้อมกัน สร้างความไม่พอใจให้กับหญิงสาว เพราะเธอคิดว่า ชายเหล่านี้กำลังยียวนกวนประสาทเธออยู่ ก่อนที่ ฮาฟจะนำแผนที่จักรวาลมากางให้องค์ชายคิเรียว

“ดาวโลกสำหรับดาวลิสส์และดาวอื่นๆที่อยู่ใน แถบนี้ ไม่เคยอยู่ในความสนใจ เพราะไม่เคยมีการ ติดต่อสัมพันธ์หรือทำสงคราม เพราะดาวโลกยังมี แร่และทรัพยากรที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการแต่ อย่างใดสำหรับดาวลิสส์และดาวอื่นๆอีกทั้งยังห่าง ไกลออกไปอีกมาก “ฮาฟผู้ดูแลคนสนิทของคิเรียวชี้ ไปที่แผนที่นั้นพร้อมอธิบายให้แก่ผู้เป็นนายฟัง

“พวกนายพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ ”

“ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่าที่นี่ไม่ใช่ดาวโลก อย่างที่เจ้าเข้าใจ ที่นี่คือดาวลิสส์ อาณาจักรแห่งแบลคโครว์ เจ้าไม่ควรเสียมารยาทต่อหน้าองค์ชาย เช่นนี้” ฮาฟปรามหญิงสาวก่อนที่เธอจะล่วงเกิน ชายผู้สูงศักดิ์ด้วยวาจาและการกระทำของเธอไป มากกว่านี้

“อะไรของพวกนาย ฉันไม่เข้าใจ ฉันจะกลับ บ้าน ปล่อยฉันซะ”

“ที่นี่ไม่มีบ้านของเจ้า เจ้าควรสงบเสงี่ยมเจียม ตัวไว้” คำตอบของคิเรียวไม่ได้ให้ความกระจ่างแก่ หญิงสาวจากต่างแดนเลย

“แล้วนายเป็นใคร ถือดีอย่างไรมาสั่งฉัน”

“พระองค์เป็นบุตรชายของกษัตริย์ออดิก ซึ่ง จะเป็นรัชยาทคนถัดไป เป็นผู้ที่สามารถสั่งประหาร เจ้าโดยไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด กฎหมายบนดาว โลกของเจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเจ้าทำ ผิดร้ายแรงคือรุกล่ำเขตพระราชฐานหรือสวนต้อง ห้ามของอาณาจักรแห่งนี้” ธีร์พยายามห้ามปราม และอธิบายให้หญิงสาวฟัง หลังจากเห็นใบหน้าของ เจ้าชายคิเรียวเริ่มแฝงไปด้วยความกลิ้วโกรธ

“แล้วฉันจะไปรู้ได้ไงเล่า นายก็อธิบายให้ฉัน ฟังสิว่าที่นี่มันที่ไหน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง ทำไมไม่ใช่โลกของฉัน แล้วฉันจะกลับบ้านได้ยังไง” หญิงสาว เริ่มมีน้ำเสียงอ่อนลง เมื่อสถานการณ์ในตอนนี้ไม่สู้ดี นัก ก่อนที่เธอจะเริ่มคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ใช่แล้ว!!.. แล้วเพื่อนฉันล่ะ เพื่อนฉันอยู่ไหน หญิงสาวว่าพลางมองสำรวจรอบๆห้อง ก่อนจะเดิน ไปเปิดประตู

“เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น ข้าว่าเจ้ามากกว่าที่จะต้อง เป็นฝ่ายอธิบายเรื่องทั้งหมดว่าเจ้ามาที่ดาวลิสส์แห่ง นี้ได้อย่างไร เจ้าเข้ามาทำไม ใครส่งเจ้าเข้ามาสืบ เรื่องดาวของเรา ”

“สืบบ้าสืบบออะไร ฉันไม่รู้เรื่อง ”

“หรือว่าจะเป็นไวท์โครว์หรือไวท์สวอนที่หาย สาบสูญไป” ธีร์โผลงขึ้นมาก่อนที่ชายทั้งสามจะหัน หน้ามามองกันอย่างสงสัย

“ไวท์โครว์ ไวท์สวอน อะไร ฉันก็ไม่รู้จัก รู้แต่ ว่าฉันไปเจอกล่องใบเก่าๆใบหนึ่ง พอฉันเปิดกล่อง ฉันก็ไม่รู้ตัวแล้ว ลืมตามาอีกทีพวกนายก็จับฉันไว้ เนี่ย ฉันจะไปรู้เรื่องอะไรเล่า คราวนี้พวกนายก็ตอบ คำถามของฉันได้แล้ว”
“ทหาร!! ” เจ้าชายคิเรียวไม่ได้ให้คำตอบหญิง สาวแต่กลับตะโกนออกไปนอกห้อง ก่อนจะมีทหาร สองนายเดินเข้ามาตามรับสั่ง

“นำหญิงสาวผู้นี้กลับไปที่เดิม”

“อะไรเนี่ย ฉันทำอะไรผิด ปล่อยฉันสิมา อธิบายให้ฉันฟังก่อน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ทำไมไม่ ส่งฉันกลับบ้าน แล้วเพื่อนฉันหายไปไหน พวกนาย ยังไม่อธิบายให้ฉันฟังเลยนะ” หญิงสาวตะโกนไล่ หลังพลางดิ้นสุดชีวิตเพื่อให้ร่างของเธอหลุดออก จากชายทั้งสองคนที่มาคุมเธอกลับ

– – – ณ ตำนักรับรองของดาวลิสส์(ห้องทรง

งาน) – – –

“พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร กับคำพูดของหญิงสาว แปลกหน้าผู้นั้น”คิเรียวถามความเห็นกับชายผู้ดูแล ทั้งสอง

“จากน้ำเสียง ใบหน้า ท่าทางดูเหมือนนางจะ ไม่ได้พูดโกหกแต่อย่างใด “ธีร์เองก็ตอบตามที่ตัว เองคิดเห็น

“ข้าก็คิดเช่นกันกับธีร์ ดูเหมือนนางจะไม่รู้จักอาณาจักรของเราจริงๆ ท่าทางก็ไม่เหมือนพวกเรา หรือแบลคสวอนแม้แต่น้อย”

“ถ้าเช่นนั้นเราต้องสืบให้แน่ชัดว่านางเป็นใคร มาที่ดาวของเราเพื่อสิ่งใด แล้วนางเกี่ยวข้องกับไวท์ โครว์หรือไวท์สวอนอย่างที่แอสโตบอกเราหรือไม่”

“แต่อีกประเด็นหนึ่ง นางพูดถึงเพื่อนอีกคน หรือทั้งสองจะเป็นไวท์โครว์และไวท์สวอนจริงๆ แล้ว หญิงสาวอีกนางหนึ่งอยู่ที่ใด” ธีร์พูดขึ้นมาก่อนที่ทั้ง สามจะหันหน้ามามองกันอย่างนึกฉงน

“หรือว่านางจะโกหก” ฮาฟพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“แต่ข้าว่า ถ้าหากนางโกหก คงจะโกหกได้ แนบเนียนมาก เพราะสีหน้าท่าทางดูกลัว กังวล กระวนกระวายใจ และสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้น”

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าทั้งสองจงนำนางไปไว้ที่ห้อง รับรองก่อน ที่เหลือเราจัดการเอง”

“พะยะค่ะ”

“อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้ข้ายังไม่ต้องการให้ใครรู้ไปมากกว่านี้ ข้าต้องการความแน่ชัดเสียก่อน พวก เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าควรทำอย่างไร แล้วทหารทั้งสองนาย เป็นคนของเจ้าทั้งสองใช่มั้ย พวกเจ้าต้องกำชับทั้ง สองว่าเรื่องนี้ห้ามปริปากให้ใครล่วงรู้เด็ดขาด” หลัง จากสิ้นคำสั่งทั้งธีร์และฮาฟ ผู้ดูแลคนสนิทของเจ้า ชายคิเรียวก็ต้องรอเวลาค่ำ จึงไปนำตัวหญิงสาวมา ไว้ที่ห้องรับรองตามคำสั่ง และปิดล็อคประตูอย่าง แน่นหนา

– – – ณ ตำนักรับรองของดาวลิสส์ (ห้องนอน)

หญิงสาวพยายามตะโกนและเปิดประตูออก ไปแต่ก็ไม่เป็นผล เธอลังเลใจอยู่นานก่อนเดินตรง เข้าไปในห้องด้วยความกลัวและกังวล และหญิงสาว ต้องหยุดชะงักเมื่อเธอพบว่ามีคนกำลังยืนอยู่เบื้อง หน้าของเธอ ซึ่งเป็นหญิงสูงวัยอายุประมาณ 60 กว่าท่าทางใจดี หญิงสูงวัยยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ก่อนกล่าวนำบทสนทนา เมื่อเห็นว่าคู่สนทนาที่อยู่ เบื้องหน้ายังคงกลัว กังวลและงุนงงกับสถานการณ์ ที่เป็นอยู่

“ป้าชื่อโอนิก เป็นแม่นมของเจ้าชายคิเรียว คุณหนูสั่งให้ข้ามาดูแลพระนาง”
“ฉัน…ฉันน่ะเหรอ?!?”

“เพคะ พระนางมีนามว่าอย่างไร

“ฉัน ฉันชื่อชัชชริร เรียกเฟรนก็ได้ค่ะ”

“ชื่อของพระนางแปลกจริง แต่ก็เอาเถอะ ก่อน ที่จะสงสัยไปมากกว่านี้ ขอให้พระนางไปอาบน้ำ ชำระร่างกาย เปลี่ยนองค์ทรงเครื่องก่อนดีกว่า แล้ว ข้าจะอธิบายให้ฟังเท่าที่จะสามารถพูดได้

แม้หญิงสาวจะคงต้องการคำตอบมากขนาด ไหน แต่ในเวลานี้เธอเห็นด้วยกับคำพูดของหญิง สูงวัยเป็นอย่างมากเพราะในตอนนี้สภาพของหญิง สาว เนื้อตัวเลอะเถอะเปรอะเปื้อน มอมแมมยิ่งกว่า ขอทาน เสื้อผ้า หน้าตา เนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลน เหม็นอับชื้นทั้งตัว ถ้าพ่อมาเห็นฉันตอนนี้คงให้แม่ ผลิตลูกสาวใหม่แทนคงจะดีซะกว่า

หลังจากอาบน้ำ หญิงสาวเดินออกมาด้วย หน้าตาที่สดชื่นขึ้น เธอพยายามมองสำรวจไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาผิวพัน ผุดผ่องที่ถูกดูแลเป็นอย่างดี หญิงสาวคนนี้ชื่อนาตา ชา เธอบอกว่าเป็นลูกสาวของป้าโอนิก และไม่ได้ พูดอะไรไปมากกว่านั้นเดินตรงเข้ามาจับหญิงสาวจัดองค์ทรงเครื่อง จัดเสทผม และแต่งหน้าเป็นอย่าง ดี ก่อนที่เธอจะเดินออกไป พร้อมกับที่ป้าโอนิกเดิน เข้ามาสำรวจตรวจสอบดูความเรียบร้อยของเธอ ก่อนที่คําถามจะพลังพลุประดั่งประด่าเข้ามา หญิง สาวก็โผลงขึ้นมาไม่รอให้หญิงสูงวัยได้เอ่ยก่อน

“อย่าพึ่งสนใจว่าฉันเป็นอย่างไรนะคะ ช่วย ตอบคำถามให้ฉันก่อนเถอะนะ ก่อนที่ฉันจะทนไม่ ไหว”

“อย่าพึ่งรีบร้อน ข้าจะอธิบายเท่าที่จะสามารถ อธิบายได้ให้ละกัน”

“เฟรนขอเรียกคุณว่าคุณป้าละกันนะคะ คุณ ป้าโอนิกก็เรียกฉันเหมือนคนปกติธรรมดาเถอะค่ะ ฉันไม่ค่อยคุ้น ฟังแล้วมันจักกะจี้ เรียกฉันว่าเฟรน ก็ได้ค่ะ”

“ได้จ่ะ คือข้า..เออ ป้า

“ค่ะ เฟรนขอถามเลยละกันนะคะ ที่นี่ที่ไหน ไม่ใช่โลกเหรอค่ะ”

“ที่นี่คือดาวลิลส์ ไม่ใช่โลกอย่างที่หนูเฟรน เข้าใจ”
“ช่วยอธิบายให้ละเอียดได้มั้ยคะว่าดาวลิสส์ มันคืออะไร อยู่ส่วนไหนของจักรวาล”

“ดาวลิสส์อยู่ทางตอนเหนือของจักรวาล ทั้งหมด” ป้าโอนิกว่าพลางกางแผนที่ให้หญิงสาวดู พร้อมกับอธิบายต่อจนหญิงสาวพอเข้าใจกับสถานที่ ที่เธออยู่ในตอนนี้

ดาวลิสส์อยู่ทางตอนเหนือของจักรวาล ดาว ที่อยู่ไม่ห่างมากนักคือดาวฟาร์เป็นดาวพ่อของดาว ลิสส์ มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า ถูกปกครองโดย กษัตริย์ออดิกซึ่งเป็นพระบิดาของเจ้าชายคิเรียว และเจ้าชายดาค ส่วนทางด้านตะวันตกของดาวลิ สส์คือดาวรูดาร์ เป็นดาวที่เจ้าชายคิเรียว เจ้าชาย แห่งดาวลิสส์แห่งนี้สามารถยึดครองได้ จึงต้องส่ง บุตรสาวทั้งสองเป็นเครื่องบรรณาการให้แก่เจ้า ชายคิเรียว แต่ถึงอย่างไรเจ้าชายคิเรียวไม่ทรง ทำร้ายหรือดูหมิ่นเกียรติของพระนางทั้งสอง ซึ่งดาว ทั้งหมดนี้เป็นดาวของอาณาจักร์แบลคโครว์หรือกา

ส่วนฝ่ายแบลคสวอนหรือหงส์ดำจะมีดาวมาร์ เป็นดาวพ่อ ซึ่งมีกษัตริย์เรบอสครองราชย์อยู่ ส่วน ดาวลูกคือดาวนูร์ จะมีเจ้าชายยูปกครอง และมีเจ้า หญิงกรีย์ซึ่งเป็นพี่สาวของเจ้าชายยู และคนสุดท้ายคือเจ้าชายไอซ์อยู่ด้วย และห่างไกลออกไปไม่มาก นัก จะมีอาณาจักรของไวท์คราวน์(กาขาว)และไวท์ สวอน(หงส์ขาว) ซึ่งเคยเป็นที่ๆอุดมสมบูรณ์ มีเหล่า ไวท์คราวน์และไวท์สวอนอยู่จำนวนมากแต่บัดนี้ทั้ง สองอาณาจักรได้ล้มสลายแล้ว

แบลคโครว์และแบลคสวอนเริ่มเปิดศึกสงคราม ตั้งแต่เมื่อไหร่ แทบจะไม่มีใครทราบได้ แต่มีช่วง หนึ่งที่ทั้งสองพยายามเจริญสัมพันธไมตรีแต่สุดท้าย ก็มีเหตุการณ์ทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างแบ ลคโครว์และแบลคสวอน ด้วยสาเหตุที่ว่า…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ