อีกมุมของคนฟอร์มจัด (30%)
กริ๊ง!!! กริ๊ง!!! กริ๊ง!!!
เสียงออดดังรัวๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าหมดเวลาสอนในคาบ สุดท้ายของวัน ทำให้อาจารย์ที่อยู่หน้าห้องหยุดบรรยายตาม สไลด์ที่ฉายอยู่บนจอโปรเจกเตอร์ แล้วสั่งการบ้านลูกศิษย์ จาก นั้นก็เดินออกจากห้องไป คล้อยหลังอาจารย์เด็กนักเรียนก็พากัน เก็บของ แล้วเดินออกจากห้อง
ปะแก กลับบ้านกัน” ศุภชัยเอ่ยเบาๆ กับคนที่นั่งข้างกัน ก่อน จะต่างลงมือเก็บหนังสือ และสมุดปากกาใส่กระเป๋า ทว่ายัง ไม่ทันที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้องเสียงฟ้าก็ร้องครืนๆ เมฆที่ตั้งเค้า เพียงเล็กน้อย ในช่วงบ่ายกลายเป็นสีดำทะมึนน่าประหวั่นพรั่น พรึง ก่อนที่เสียงฟ้าจะผ่าเปรี้ยงปร้าง และมีสายฝนเทลงมา
ช่า!!!
“ว้า…ฝนตกซะแล้ว ฉันไม่ชอบเลยแกที่ฝนตกเวลาเลิก โรงเรียน” เจ้าของร่างบึกบึนทว่ามีท่วงท่าตุ้งติ้งเอ่ยบอกพร้อมท่า หน้าหงิก เรียกเสียงหัวเราะคิก
“ทำไมล่ะ ฝนตกเย็นดีจะตาย”
คิริมาถามเสียงกลั้วหัวเราะ ใบหน้าแต้มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะทอด สายตาออกไปนอกหน้าต่างสายฝนที่โปรยปรายลงมาทำให้เธอ นึกถึงวันที่แม่กางร่มลงจากรถมารับในเวลาเลิกเรียน ความรู้สึกเย็นสดชื่นเมื่อครู่มลายสิ้น เหลือเพียงความอ้างว้างเข้ามากัดกิน หัวใจดวงน้อย แล้วเสียงของเพื่อนซี้ก็ทำให้เธอหลุดออกจากห้วง ความคิด
“เย็นก็เย็นอยู่หรอก แต่เฉอะแฉะจะตาย” ศุภชัย หน้าแห ยงๆ เพียงแค่คิดว่าตัวเองจะต้องเดินลุยน้ำฝนไปขึ้นรถบิดาคน รักความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจก็นึกขนลุกขึ้นมาเสียแล้ว
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องเรียน พากันลงบันไดจนมาหยุด ยืนที่ชั้นล่างสุดของตัวอาคาร มองฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมา อย่างไม่ลืมหูลืมตา ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของศุภชัยจะดังขึ้น เขา กดรับสายแล้วคุยกับผู้โทรมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาหาคิริมา แล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“ครีม แกกลับกับฉันไหม เดี๋ยวให้พ่อแวะไปส่ง
“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ครอบครัวแกมีนัดรวมญาติไม่ใช่เหรอ” คิริมาส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะมองสายฝนด้วยความอ่อนใจ ท่าทางอีกนานกว่าฝนจะหยุดตก
“อืม…แต่แวะไปส่งแกก่อนก็ได้” ศุภชัยพยักหน้ารับ ทว่าก็ไม่ ทิ้งเพื่อนของตัวเองให้รอจนฝนหยุดตกเพียงลำพัง เพราะรู้ซึ้งดี ว่าการปล่อยให้คิริมาอยู่คนเดียวอีกฝ่ายจะโดนคนในโรงเรียน กลั่นแกล้ง
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร แกไปเถอะ เดี๋ยวฝนก็หยุดตกแล้ว” คิริมายังคงยืนยันคำเดิม เพราะรู้สึกเกรงใจที่ทำให้เพื่อนห่วง หน้าพะวงหลัง อีกทั้งพ่อของอีกฝ่ายก็มาจอดรถรออยู่ด้านนอกอาคารแล้ว
“แกแน่ใจนะว่าจะกลับเอง ฝนมันตกหนักนะแก”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันรอให้ฝนหยุดแล้วค่อยกลับก็ได้ คอนโด ฉันอยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“เอางั้นเหรอแก” หนุ่มหุ่นล่ำทว่าใจเป็นหญิงยังคงทําท่าเป็น กังวล เพราะไม่อยากทิ้งเพื่อนให้รอจนกว่าฝนหยุดตกเพียง ลำพัง กระทั่งคิริมาพยักหน้าบอกอีกครา
“อืม…แกรีบไปเถอะ พ่อแกรอนานแล้ว
“งั้นฉันไปนะ เออ…พรุ่งนี้ฉันลาป่วยอีกวันนะแก หมอนัดไป ตรวจ ถ้ามีอะไรโทรหาฉันได้ตลอดเลยนะ และถ้าใครมารังแก อย่าได้ไปกลัว ต่อยแบ่งปากแตกเลย” ขาดคำศุภชัยก็วิ่งฝ่าสาย ฝนไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ไม่ไกล
คิริมามองตามหลังจนกระทั่งคนที่วิ่งกระย่องกระแย่งเพราะ ขยะแขยงน้ำสกปรกก้าวขึ้นรถคันหรู แล้วขับออกไป เธอถึงได้หัน มาย้อนมองตัวเองอย่างเศร้าใจ ก่อนจะกล้ำกลืนความเจ็บปวด กลับลงไปในอก แล้วมองไปรอบๆ ก็พบว่ายังมีเด็กนักเรียนคน อื่นยืนออกันอยู่ในตัวอาคารจำนวนไม่น้อย
ไม่นานเด็กนักเรียนคนอื่นก็ทยอยขึ้นรถซึ่งผู้ปกครองขับมารับ ถึงหน้าตึกทีละคนสองคน บางคนคุณหนูจัดถึงขั้นที่คนขับรถต้อง กางร่มมารับไปขึ้นรถด้วยท่าทางพินอบพิเทา เริ่มบางตาไป เรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านไปเกือบชั่วโมงคนที่รอให้ฝนซาก็ทยอยขึ้น รถไปหมด จะเหลือก็แต่คิริมาที่ยังคงยืนเหม่อมองสายฝนด้วยความเศร้าใจ เธอไม่มีพ่อแม่มารับเหมือนอย่างใครเขา ฉะนั้นคง ไม่แคล้วที่จะต้องวิ่งตากฝนไปขึ้นรถแท็กซี่แถวหน้าโรงเรียนเพื่อ กลับคอนโด คิดได้ดังนั้นเจ้าของใบหน้าหม่นเศร้าก็ปลดกระเป๋า สะพายหลังลงจากบ่า แล้วยกมันขึ้นมาบดบังเหนือศีรษะ ก่อนจะ ขยับปากพึมพำเบาๆ ให้กำลังใจและปลอบตัวเองให้เข้มแข็งเข้า ไว้ ทว่าน้ำตากลับพานจะไหลเสียดื้อๆ
“สู้ๆ ครีม วิ่งแป๊บเดียวก็ถึงหน้าโรงเรียนแล้ว
บอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่พอก้าวพ้นตัวอาคารมาเจอสายฝน ที่หอบเอาสายลมหนาวเหน็บเพื่อความอ้างว้างมาด้วยสาวน้อย ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัวพร้อมหลุดอุทาน ออกมา
พลั่ก!!!
มีใครบางคนเดินมาชนเธอจนร่างบางกระเด็นไปข้างหน้า เสีย หลักลงไปกองกับพื้นถนนที่เฉอะแฉะไปด้วยน้ำฝนเจิ่งนองอย่าง ไม่เป็นท่า ครั้นเงยหน้าขึ้นก็ปรากฏว่าพิริยากำลังยืนกางร่มยิ้ม เย้ยด้วยความสะใจ
“หึ…สมน้ำหน้า”
พิริยาบิดปาก แล้วเชิดหน้าเดินจากไป ซึ่งการกัดไม่ปล่อย เหมือนหมาบ้านั้นก็ทำให้คิริมาตัวสั่นเทิ้มด้วยความกรุ่นโกรธสุด ฤทธิ์ เธอจะไม่ทนอีกแล้ว!
วินาทีถัดมาคนที่ยอมให้คนอื่นข่มมาโดยตลอดก็เกิดพลังฮึดสู้ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางกัดฟันพยุงตัวเองลุกขึ้น แล้วก้าวเร็วตามฝ่ายไป ทันใดนั้นคนใครใครต่างคิดหน่อ มแน้มสู้คนก็วาดมือไปกระชากแขนของอีกฝ่ายอย่างแรง ทำร่างระหงถึงกับกระตุกเชือก หลุดเสียงกรีดร้องออกมา
กรี๊ด!”
แกล้งคนอื่น แล้วคิดจะเดินหนีไปง่ายๆ ที่ทว่าแทนที่กริ่งเกรงอีกฝ่ายกลับลอยหน้าสวน
ถ้าใช่ แล้วแกทำไม
ก็แบบยังไง” ขาดค่คิริมากระชากรมออกจากมือ อีกฝ่าย มีเพียงจากแรงจนอีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้นเฉอะแฉะ
“กรี้ด! นังฆาตกรแกกล้าทำฉันเหรอ” พิริยากรีดร้อง ประหนึ่งคนบ้า ขณะยกมือหน้าคิริมาอย่างข้องใจ ก่อนลุกขึ้นท่าทาง
“ถ้าไม่กล้าจะน้อย” คิริมาลอยหน้ายอกย้อน ขณะแค่นยิ้มหยันเจ้าของ หน้าบิดเบ้
แม่ฉันไม่ใช่เมียน้อย! ท่าทางแตกทำให้คนที่หลุดออกมาจากกรอบและคิดฮึดสู้ บ้างเกิดความฮึกเหิมเป็นเท่าทวี
“…ยอมรับความจริงไม่ได้หรือไง ว่าแม่เธอเป็นเมียน้อยพ่อ ฉัน นังลูกเมียน้อย!” ดูเหมือนความอดทนอดกลั้นทั้งหมดทั้งมวล ที่กักเก็บมานานจะพังทลายราวเขื่อนแตก สิ่งไหนที่อยากจะพูด สิ่งไหนที่อยากจะกระทำ คีรีมาไม่อาจยั้งอารมณ์เอาไว้ได้ เธอ ปลดปล่อยมันออกมาจนหมด
“แม่ฉันไม่ใช่เมียน้อย! ไม่ใช่!
“ถ้าความจริงมันทำให้เธอรับไม่ได้นักก็กลั้นใจตายซะ…ตาย ไปเลยนั่งลูกเมียน้อย!” ครมากอดอกรวนกลับหน้าตาย คำว่าลูก เมียน้อยทำให้อีกฝ่ายถึงกับขาดสติ โผเข้ามาหมายจะทำร้าย เธอ
“แก! ฉันจะฆ่าแก!”
คิริมายกกำปั้นขึ้น แล้วขู่เสียงกร้าว แววตาเย็นยะเยือก
“ก็เข้ามาสิ ฉันจะชกให้ตาแตก”
ท่าทางเอาเรื่องและสู้คน ดูไม่หน่อมแน้มอ่อนแอทำให้คนที่ตั้ง ท่าจะกระโจนเข้าเล่นงานคนที่ตนแสนเกลียดชังถึงกับชะงัก ก่อน ที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้น
“ถ้าแกกล้าชกลูกฉัน ก็เตรียมตัวหาที่เรียนใหม่ได้เลย
วาจาแข็งกร้าวของผู้หญิงที่กางร่มลงมาจากรถยนต์คันหรูที่ จอดอยู่ไม่ไกล แล้วก้าวเร็วๆ มาหาพิริยาทำให้คิริมาชะงักศึก ก่อนจะหันไปมองมาใหม่ ซึ่งนั่นก็เป็นการเปิดโอกาสให้พิริยา ได้เล่นงานเธอทีเผลอ ทันใดนั้นคิริมาก็ถูกผลักลงไปกองกับพื้นท่ามกลางสายฝนอีกครา
“ฉันไม่ผิด ทำไมฉันต้องหาที่เรียนใหม่” คนถูกรุมเชิดหน้าเอ่ย เสียงแข็งๆ และการท้าทายเกินวัยที่ทำให้หญิงวัยกลางคนที่แต่ง ตัวจัดจ้านเดินเข้าหา แล้วผลักไหล่เธอแรงๆ จนผงะ
“ฉันทำให้แกกระเด็นออกไปจากที่นี่ได้ก็แล้วกัน”
“หึ…นอกจากจะชอบแย่งสามีชาวบ้านแล้ว คุณยังชอบรังแก เด็กด้วยเหรอ น่าสมเพชสิ้นดี” คิริมาแค่นยิ้มหยันขณะพยุงร่าง เปียกโชกของตัวเองลุกขึ้น
“นังเด็กนี่ปากดีนัก!” หล่อนเช่นเขี้ยวด้วยความเดือดดาล สุดขีด ยกฝ่ามือขึ้นกลางอากาศหมายจะฟาดเข้าที่ใบหน้าเชิดๆ ของคิริมาสักฉาด หากว่าเสียงบีบแตรรถจะไม่ดังสนั่นขึ้นเสีย ก่อน
ปริ๊น!!! ปริ๊น!!! ปริ๊น!!!
“ป้า! แก่จนหนังยานยังกล้ารังแกเด็ก ไม่อายหมาบ้างหรือไง!
น้ำเสียงกระด้างเจือแข็งกร้าวตะโกนใส่คนที่กำลังจะรังแกเด็ก ทำให้สองแม่ลูกถึงกับชะงัก ก่อนที่แม่ของพิริยาจะสวนกลับเสียง กระด้าง
“อย่ามาเสือกเรื่องของคนอื่น!”
“ก็ไม่ได้อยากเลือกนักหรอก แต่พอดีว่ามือลั่นว่ะ อัดคลิปไว้ เรียบร้อยแล้ว” คนที่นั่งอยู่ตอนหลังของรถยนต์คันหรูสัญชาติ ยุโรปลอยหน้าบอก พลางชูมือถือที่เพิ่งอัดวีดีโอเอาไว้ ขณะยิ้มยั่วด้วยมาดกวนๆ
“หน่อย! ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย!”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ