ร้ายกาจที่สุด (80%)
ธีรเดชเอ่ยออกมาอย่างค่อนข้างมั่นใจ เพราะในกลุ่มเขาคือ คนที่สนิทและรู้ใจพงษ์สวัสดิ์มากที่สุด ด้วยเป็นเพื่อนเล่นกันมา ตั้งแต่เล็กจนโต แถมบ้านของทั้งคู่ยังสนิทสนมกันมาก เพราะ นอกจากจะเป็นญาติห่างๆ ในทางฝั่งพ่อ สองครอบครัวยังร่วม หุ้นทำธุรกิจร่วมกัน
จากนั้นทั้งสามหนุ่มก็รีบตามไปดูว่าไอ้คนเก็บอารมณ์เก่ง อย่างพงษ์สวัสดิ์จะเข้าหาคิริมาแบบไหน จะพาสาวเจ้าไปห้อง พยาบาลได้หรือไม่ แต่กลับต้องผิดหวังเพราะเดินไปถึงโถงที่จะ เชื่อมขึ้นสู่อาคารก็เห็นพงษ์สวัสดิ์เดินกลับมา พอสอบถามก็ได้ ความว่าคิริมาไม่น่าจะเป็นอะไรมาก เพราะเธอเข้าห้องเรียนไป แล้ว
วันถัดมาแก๊งของพวกเขาก็ทำให้โรงอาหารแทบแตก เพราะ หนุ่มป๊อปทั้งสี่ของโรงเรียนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง และไม่ ชอบสุงสิงกับใคร เดินมาปรากฏตัวยังโรงอาหารในเวลาพัก เที่ยง ทั้งที่ปกติหากจะทานข้าวกลางวันพวกเขาจะใช้ให้รุ่นน้องที่ เป็นเบ็ไปซื้อข้าวและน้ำขึ้นไปส่งที่ดาดฟ้า เป็นที่รู้กันว่าสถานที่ ต้องห้ามอย่างดาดฟ้าของโรงเรียนคือที่สิงสถิตของสี่หนุ่มสุด หล่อ สถานที่ส่วนตัวของพวกเขาที่ใครหน้าไหนก็เข้าไปยุ่มย่าม ไม่ได้หากไม่ได้รับอนุญาต หรือแม้แต่อาจารย์และบุคลากรของ โรงเรียนก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป
ขนม.ปลาย แก๊งของสี่หนุ่มก็กลายเป็นขาใหญ่ประจำโรงเรียน นอกจากสาวๆ จะพากันคลั่งไคล้ทั้งโรงเรียนแล้ว พวกเด็ก นักเรียนชายก็ไม่กล้าเข้าใกล้ด้วย เพราะแต่ละคนมือหนักเท้า หนักกันทั้งนั้น และที่สำคัญคือทั้งสี่หนุ่มต่างเป็นทายาทอภิมหา เศรษฐีที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของประเทศ
พงษ์สวัสดิ์ วรางกูร ชื่อฟังดูไม่ทันสมัย หรือจะเรียกว่าเชยก็ได้ แต่ชื่อของเขาก็ฟังดูน่าเกรงขามและมีอำนาจพอกัน ด้วยรูป ลักษณ์ที่โคตรแนว เท่ และหล่อบาดใจ ทำให้ทุกคนมองข้ามชื่อ ของเขาไปเสียสนิท และยิ่งได้รู้ว่าเขาเป็นทายาทเจ้าพ่ออ่าง นัก ธุรกิจชื่อดังรวยล้นฟ้า สาวๆ ก็ยิ่งเข้าหา ด้วยมาดนิ่งๆ แต่แฝงลุค แบดๆ ทำให้ผู้หญิงต่างอยากเข้าใกล้เพราะดึงดูดใจให้น่าค้นหา ทว่าพงษ์สวัสดิ์กลับเป็นคนเย่อหยิ่งเย็นชาจึงคบกับใครได้ไม่ นาน เหมือนจะเป็นคนนิ่งๆ คูลๆ และมองดูว่าใจเย็น แต่หากใคร ได้มากระตุ้นต่อมน้ำโหแล้วล่ะก็จะรู้ซึ้งว่าเขามันฮาร์ดคอร์ตัวพ่อ
หม่อมหลวงธีรเดช เผ่าวาณิษ คุณชายผู้สูงศักดิ์แห่งวังศิลา ที่ เพียบพร้อมไปด้วยรูป ทรัพย์ และฐานันดร เรียกได้ว่าหล่อเลี้ย บทุกกระเบียดนิ้ว แถมยังขึ้นชื่อเรื่องความสุภาพอ่อนโยน ซึ่ง สาวๆ ต่างพากันอยากจะควง ให้เป็นบุญสักครั้ง แต่ผู้หญิงกลับ ไม่ค่อยกล้าเข้าหา เพราะเขาแสนจะไว้ตัว และไม่ค่อยเปิดเผยตัว ตนที่แท้จริง หากไม่สนิทกันจริงๆ ก็จะเข้าไม่ถึงตัวตนของเขา เวลาเกิดเรื่องเขาจะเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในกลุ่ม
เผ่า ประภาศิริสกุล หนุ่มหล่อคม ปากหมา ขวานผ่าซาก ทายาทธุรกิจโครงข่ายโทรคมนาคมราความที่มีความบ้าดีเดือด ในตัวอย่างล้นหลาม ฉะนั้นเวลามีเรื่อง เขาจึงเป็นคนที่ออกโรงปะทะตลอด ส่วนเรื่องสาวๆ นั้นเผ่ามักจะ เป็นคนช่างเลือก และขี้เบื่อง่ายเป็นที่สุด
คิมหันต์ พัฒนกิจ หนุ่มหล่อ เจ้าคารม และช่างกวน ทายาท ธุรกิจนำเข้าน้ำเมา พ่วงด้วยธุรกิจสถานบันเทิงระดับไฮเอนด์ที่ คับคั่งไปด้วยดาราและเซเลบมาใช้บริการเวลาเกิดเรื่องเขาจะ เข้ากับเผ่าเป็นปี่เป็นขลุ่ย ปากหวานจนสาวๆ ติดใจคารมกันเป็น แถว แต่ไม่เคยคบใครจริงจังได้สักที
ด้วยรูปลักษณ์ภายนอก บวกอำนาจและบารมีของตระกูล รวม ถึงความเฉียบขาดบ้าเลือดเมื่อทั้งสี่หนุ่มมารวมกัน ฉะนั้นไม่ว่าจะ เยื้องย่างไปทางไหนเด็กนักเรียนชายทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างเปิดทาง ให้ ส่วนเด็กนักเรียนหญิงก็จะส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดด้วยความคลั่ง ไคล้ บ้างก็วิ่งเอาขนม ลูกอม ช็อกโกแลต หรือไม่ก็ดอกไม้มาให้ เหมือนกับที่เด็กนักเรียน ม.3 คนหนึ่งกำลังทำอยู่ และวันนี้คนที่ ฮอตสุดในกลุ่มก็เจอก่อนใครเพื่อน
“พี่ป๋าคะ กรุณารับไว้ด้วยค่ะ น้องลูกปัดทำเองกับมือเลยนะ คะ”
สาวน้อยหน้าแบ๊วยื่นกล่องรูปหัวใจน่ารักมาให้ พร้อมก้มหน้า งุดด้วยความขัดเขิน คนที่ใครต่อใครต่างเรียกว่าป๋าแทนชื่อ เพราะเมื่อปีที่แล้วเขาควักเงินตัวเองบริจาคช่วยเหลือนักเรียน พิการจนเป็นข่าวโด่งดัง ทำเพียงมองกล่องรูปหัวใจสีชมพูหวาน แหววตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ไร้อารมณ์
“อายุเท่าไหร่แล้วเธอน่ะ
“คะ?” เจ้าของรางแน่งน้อยน่ารักราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ทวนคำอย่างงงๆ พลางเงยขึ้นมองหน้าหล่อกระชากใจของคนที่ ยืนล้วงกระเป๋าจ้องเธอด้วยสายตาว่างเปล่า
“ฉันถามว่าอายุเท่าไหร่แล้ว ถึงแทนตัวเองว่าน้องอยู่ได้ แก่ไป ไม่อายหรือไง หรือจะต้องเรียกแทนตัวเองว่าน้องไปจนแก่หนัง ยาน” พงษ์สวัสดิ์ตอกหน้าอย่างฉะฉาน วาจาที่หลุดออกมาจาก ปากหนุ่มป๊อปทำให้สาวน้อยถึงกับทำหน้าเหวอ ก่อนจะหันหลัง วิ่งจากไปด้วยความอับอายเหลือแสน
“น่ารำคาญชิบหาย” หนุ่มฮอตบนเบาๆ ก่อนจะกวาดสายตา ดุกระด้างมองสาวๆ ที่พากันยืนถือของที่จะนำมาให้เขา ทำเอา เด็กนักเรียนหญิงที่กำลังละล้าละลังว่าจะเข้าหาเขาดีไหมถึงกับ ถอดใจ สุดท้ายก็พากันแจ้นหนีไป
“รำคาญแล้วลงมาที่นี่ทำไมวะ” เผ่าเอ่ยรวนหน้าตาย ซึ่งเป็น อะไรที่คิมหันต์เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ส่วนคุณชายธีรเดชก็ทำ เพียงคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา
“นั่นดิ”
“มาโรงอาหารก็ต้องมากินข้าวศิวะ” พงษ์สวัสดิ์เอ่ยด้วยมาด
นิ่งๆ เก็บความรู้สึกเก่งจนน่าหมั่นไส้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เพื่อนทั้งสาม ต่างอยากจะยั่วแหย่ให้เขาหลุดฟอร์ม
“เหรอ…ไอ้กก็นึกว่ามึงมาเหล่สาวเสียอีก” เผ่าแสร้งลากเสียง ยาวเกินพอดี แล้วเลิกคิ้วเอ่ยถามด้วยท่าทาง ใสซื่อ ทว่าแววตาคมกล้าคู่นั้นกลับเต้นระริก
“ถ้ากูจะมาเหล่สาว กูจะไล่ยัยพวกนั้นไปทำเพื่อ
“ก็สาวที่ถึงจะเหลไม่ใช่ยัยพวกนั้นยังไงล่ะ” คราวนี้ธีรเดชสวน กลับเสียงกลั้วหัวเราะอย่างรู้ทัน ทำเอาคนถูกไล่ต้อนถลึงตาใส่ ทว่ายังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ซัดกันด้วยวาจาแสบสันเสียงฮือฮาก็ดัง ขึ้นเสียก่อน ไม่นานก็ปรากฏว่าพิริยาเดินเชิดหน้าตรงมาหาทั้งสี่ หนุ่ม ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“ป๋า…พิมมี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ” เขาหักหน้าสาวสวยที่ขึ้นชื่อว่า ป็อปที่สุด ในโรงเรียน ก่อนจะก้าวเลยผ่านอีกฝ่ายไปแบบไม่ ชายตาแลประหนึ่งเป็นอากาศธาตุ แต่พิริยาก็ยังไม่วายก้าว ยาวๆ มาดักหน้าเอาไว้ เขาทำให้เธอเสียหน้าคนทั้งโรงอาหาร แล้วเรื่องอะไรเธอจะยอมให้เขาจากไปง่ายๆ
“คุยกับพิมมี่ก่อนสิ”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ รวมทั้งเธอ เธอ และเธอด้วย”
หลังจากแคนยิ้มเล็กน้อย พงษ์สวัสดิ์ก็เค้นเสียงกระด้างกว่า เฉียบขาดเป็นเชิงไล่ตะเพิดทั้งพิริยา และอีกสามสาวที่วิ่งถือของ เพื่อจะนำมาให้เขา การกระทำที่ดูไม่แยแสแถมยังเย็นชาได้ ความรู้สึกทำให้พิริยากำหมัดแน่น แล้วสะบัดหน้าเดินจากไป ด้วยท่าทางคับข้องใจเหลือแสน ใจจริงเธออยากจะกรีดร้องออก มาเสียด้วยซ้ำแต่ก็ต้องเตือนตัวเองให้ระงับอารมณ์เอาไว้ ส่วนสาวๆ เหลือก็ต่างแจ้นไป
เมื่อไร้เงาผู้หญิงสมองฝ่อน่ารำคาญพวกนั้น พงษ์สวัสดิ์ล้วงกระเป๋าก้าวไปข้างหน้า โดยสามหนุ่มเพื่อนเดินตามมา ติดทุกคนและออร่าจนสาวในโรงอาหารกันจ้องตา ไม่กะพริบ หากแต่พวกเขาต่างไม่ตาแลใครเป็นพิเศษ ไม่ว่า จะสวยขนาดไหนยากจะเข้าถึงหนุ่ม
ทันใดนั้นเสียงโพล่งขึ้นทำให้พงษ์สวัสดิ์ถึงกับหยุดชะงัก พวก
“เมื่อวานฉันได้ยินว่าแม่นักเรียนใหม่เจ๋อไปบนดาดฟ้าด้วย แหละ” “แล้วเป็นไง โดนพวกพี่พงษ์ไล่ตะเพิดเลยท่า
“แหงฉันเห็นกับตาว่ายัยนั่นร้องไห้ออก
“สมน้ำหน้า อยากไม่ของใคร”
เสียงนินทาคาดว่าจะเป็นประมาณสองโต๊ะถัดไป ทำให้คนกิน กลางวันคนเดียวกับตัวแข็งริมฝีปากชมพูระเรือเม้ม เข้าหากันจนเกือบเป็นตรง ช้อนกำลังจะข้าวเข้าปาก ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเธอได้หลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ยิน เสียงนักเรียนพากรี๊ดกร๊าดแทบหูจากนั้นก็เสียง ฝีเท้าตรงยังทางเบื้องของเธอ
“อ๊ายยยยย…พี่ป่า
“มากันครบแก๊งเลยอะแก”
“โอ๊ย! หล่อใจละลายทุกคนเลย
เสียงกรี๊ดของเด็กนักเรียนหญิงในโรงอาหารยังคงดังเซ็งแซ่ ในทุกย่างก้าวที่สี่หนุ่มเดินผ่าน ไม่นานพงษ์สวัสดิ์และเพื่อนทั้ง สามก็หยุดตรงโต๊ะของสามสาวที่พากันนินทาคิริมา ทำเอาสาวๆ ทั้งหลายต่างพากันอิจฉา เพราะคิดว่าเขากำลังสนใจหนึ่งในสาม สาว ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในโรง อาหาร โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่มองมาอย่างอิจฉา ต่างแย่งกัน เสนอหน้าด้วยท่าทาง
“เอ่อ…พี่ป่ามาทานข้าวกลางวันเหรอคะ”
สาวที่มั่นใจว่าตัวเองสวยสุดในกลุ่มยิ้มหวานหยด แล้วเอ่ย ถามพร้อมส่งสายตาทอดสะพาน คำถามที่ฟังดูสิ้นคิดทำให้ พงษ์สวัสดิ์มองอีกฝ่ายอย่างรำคาญ แล้วพ่นวาจาแบบขอไปที
“OH…”
“งั้นมานั่งกับพวกเราก็ได้นะคะ” สาวตัวเล็กสุดในกลุ่มเอ่ย ชักชวนอย่างกระตือรือร้น พลางส่งสายตาหวานๆ ไปให้หนุ่ม หน้าคมขวานผ่าซากอย่างเผ่า ทว่าแทนที่จะรับไมตรีเขากลับทำ เพียงมองด้วยสายตาว่างเปล่า
“นั่นสิคะ เรานั่งแค่สามคน พวกพี่นั่งกับเราได้สบายเลยค่ะ” อีกคนก็เสนอด้วยท่าทางระริกระรี้ พงษ์สวัสดิ์ วัดสายตาเย็นซามองนิ่งๆ แล้วเอ่ยเสียงกระด้าง
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบพวกขี้นินทา” วาจาราบเรียบทว่ากระแทกใจ อย่างจังทำให้สามสาวต่างอ้าปากค้าง ครั้นจะเอ่ยตอบโต้เขาก็ เดินเลย โต๊ะไปอย่างไม่แยแส
ก่อนจะมาหยุดยืนตรงหน้าคิริมาซึ่งนั่งอยู่เพียงลำพังเพราะวัน นี้ศุภชัยไม่มาโรงเรียนอีกแล้ว เพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของเธอ เป็นไข้ติดเชื้อ อีกฝ่ายโทรมาบอกว่าอาจจะต้องนอนโรงพยาบาล เพื่อดูอาการอีกสักสองสามวัน ท่าทางไร้ชีวิตชีวาทำให้ พงษ์สวัสดิ์นึกขัดหูขัดตาอย่างน่าพิลึก แถมสายตาเศร้าๆ คู่นั้น ยังเลื่อนลอย ขนาดคนหล่ออย่างเขามายืนตรงหน้ายังไม่อยู่ใน สายตาแม่สาวเย็นชาได้เลย
“นั่งด้วยคนสิ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ