รักโคตรร้าย ผู้ชายฮาร์ดคอร์

ร้ายกาจที่สุด (60%)



ร้ายกาจที่สุด (60%)

หลังจากกลอกตาด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาก็ยื่นมือมาผลัก ไหลมนอย่างหาเรื่อง ทำเอาร่างบางผวาเชือก เงยหน้าขึ้นด้วยท่า ทางอื่นๆ และนั่นก็ทำให้คนที่ได้เห็นเสี้ยวหน้าใสๆ ถึงกับขมวด คิ้วมั่น

“เฮ้! ฉันว่าฉันคุ้นๆ หน้าเธอนะ…ไหนดูซิ

ขาดค่าหัวโจกของโรงเรียนก็คว้าหมับเข้าที่ปลายคางมน แล้ว บิดไปมาพลางจ้องใบหน้าขาวซีด แล้วกระตุกยิ้มตรงมุมปาก นัยน์ตาเต้นระริก

“ๆๆๆ นึกว่าใคร ที่แท้ก็ยัยแว่นปากเก่งจอมอวดดีนี่เอง

วาจาที่หลุดออกมาจากปากอีกฝ่ายทำให้คิริมาหูผึ่ง เงยพรึ่บ ขึ้นมองหน้าคนที่ยืนหัวอยู่ ก่อนจะเบิกตากว้าง และหลุดอุทาน ออกมา

“นาย!”

“…ได้ยินเขาพูดกันว่ามีนักเรียนใหม่ย้ายมาเรียนที่นี่เป็นเธอ เองหรอกเหรอ ทำไมไม่ย้ายมาตั้งแต่ม.4 ย้ายมาทำไมตอนม.5″ ถามไม่พอยังจับผมเธอเล่นอย่างหน้าตาเฉย

“เรื่องของฉัน”

หลังจากปัดมือเขาออกคิริมาก็เอ่ยตอบห้วนๆ ตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่ไอ้คนที่ทำตัวเป็นนักเลงกลับกดไหล่ยนให้ลงไปนั่งจุมบุกอยู่ กับพื้น แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกดึงแก้มเบาๆ

“ปากดี!”

“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” ท่าทางพ่อเหมือนลูกแมวน้อยทำให้ เขานึกสนุก ครั้นเธอปัดมือเขาออกอย่างรำคาญ เขาก็เปลี่ยนมา ดึงแก้มใสๆ อีกข้าง ทำเอาคนหวงตัวมองตาวาววับ

“จะแตะมีไรมะ”

“ไม่ให้แตะ”

“หวงตัวซะด้วยแฮะ

“อย่ามาถูกตัวฉันนะ! ไอ้เด็กบ้า

คิริมาตะเบ็งเสียงด่าทออย่างหมดสิ้นความอดทน คำว่าเด็ก บวกกับท่าทางคล้ายรำคาญเสียเต็มประดาทำให้เขาถึงกับของ ขึ้น เท้าสะเอวสวนกลับเสียงขุ่น

“ยัยแว่น! เกิดก่อนฉันแค่ปีเดียวอย่ามาทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกิน วัยนักเลย”

“ก็นายมันเด็กจริงๆ นี่นา ไอ้เด็กไม่รู้จักโต

“นี่เธอกล้าหือกับฉันเหรอยัยจืด!”

น้ำเสียงดุกระด้างถามด้วยท่าทางเอาเรื่อง ทว่านอกจากจะไม่ ปริปากตอบโต้แล้ว คิริมายังจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาวาว โรจน์ ท่าทางขลาดกลัวแต่ก็ยังเผยอเชิดหน้าสู้ไม่ถอยทำให้เขานึกอยากเอาชนะขึ้นมาครามครับ

“ว่าไง…ฉันถามทำไมไม่ตอบ

เขาไล่บี้ด้วยท่าทางยวน ใบหน้าเย่อหยิ่งแฝงไปด้วยความ กวนประสาทอย่างร้ายกาจ ก่อนจะโก่งตัวไปข้างหน้า เท้าแขน กับขอบผนังปูนของดาดฟ้า โดยมีร่างเล็กๆ ของคนที่ถูกคุกคาม นั่งอยู่ด้านล่าง เธอมองเขาอย่างหวั่นๆ ขยับขามาชันเข่าแล้วก อดมันไว้ราวกับจะเป็นหลักยึด แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่าย ก้มลงมากระซิบคาดคั้น

“ฉันถาม…ก็ตอบว

“อย่ามายุ่งกับฉัน!” คราวนี้เธอหลับหูหลับตาตะเบ็งเสียงไล่ ตะเพิด

“โห…หลงตัวเองซิบหาย ใครอยากยุ่งกับเธอไม่ทราบ ผู้หญิง

อะไรร้องไห้ได้ทุเรศสุดๆ ทั้งขี้มูกขี้ตา” เขามองเธออย่างหมันๆ

ขณะสวนกลับด้วยน้ำค่ายโสชวนหมั่นไส้

“ไม่อยากยุ่งก็ไปไกลๆ เลย ไปให้พ้น!!

“อย่ามาปากดีนะโว้ย! ดาดฟ้าเนี่ยคือที่ของพวกฉัน ถ้าไม่ อยากโดนดีก็รีบเช็ดขี้มูกขี้ตา แล้วใสหัวไปซะแม่นักเรียนใหม่ เขาขึ้นเสียงไล่ตะเพิดพลางชี้มือไปยังประตู

ไม่รอให้ถูกไล่คิริมาก็ผุดลุกขึ้น ยกหลังมือขึ้นเช็ดคราบ น้ำตาที่ยังหลงเหลืออย่างลวกๆ แล้วผลักอกกว้างแรงๆ พร้อม ตะโกนด้วยถ้อยคำที่ทำให้พงษ์สวัสดิ์นิ่งงันไปชั่วขณะ
“ไอ้คนใจร้าย! ฉันเกลียดนาย!”

จากนั้นร่างบางก็วิ่งจากไปไม่เหลียวหลัง

“ยัยบ้าเอ๊ย! บังอาจมาเกลียดฉันได้ยังไงวะ”

คนไม่เคยถูกสาวตะโกนใส่หน้าว่าเกลียดกะพริบตาอย่าง เรียกสติ ก่อนจะหลุดสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน แล้ว ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงกลั้วหัวเราะดังขึ้น

“ชอบหรือไง ถึงได้แกล้งเขา

ยังไม่ทันจะขาดคำเผ่าก็เดินล้วงกระเป๋าออกมาจากที่ซ่อนตรง หลังประตูดาดฟ้า หลังจากแอบดูฉากเด็ดอยู่เป็นนานสองนาน โดยมีคิมหันต์เดินตามมาติดๆ และตบท้ายด้วยคุณชายธีรเดช

“นั่นดิวะ สเปกมึงคือสาวที่อายุมากกว่านี่หว่า” คิมหันต์เอ่ย อย่างเห็นด้วย เพราะแฟนของพงษ์สวัสดิ์คนก่อนๆ ล้วนเป็นรุ่นพี่ ทั้งนั้น อย่างคนล่าสุดนี่ก็เป็นถึงดาวมหาลัยเอกชนชื่อดัง

“ไม่ได้ชอบโว้ย! ใครจะไปชอบยัยแว่นจอมเชยนั่นลง แฟนกู สวยกว่าเยอะ” พงษ์สวัสดิ์หลุดปากปฏิเสธเสียงสูง ครั้นรู้ตัวว่า ตนกำลังถูกพวกไอ้เพื่อนตัวแสบไล่ต้อนให้จนมุมเขาก็ปรับสีหน้า และท่าทางให้นิ่งสงบ

“ไม่ชอบแล้วไปยุ่งกับเขาทำไมวะ” คิมหันต์ยังไม่เลิกเช้า

“กูรำคาญเสียงร้องไห้ของยัยนั่นก็แค่นั้น คนหน้าตายทำเพียงไหวไหล่เบาๆ คำตอบที่ดูไม่มีน้ำหนักทำให้คนฟังต่างไม่เชื่อ เพราะปกติพงษ์สวัสดิ์จะไม่ชอบยุ่งเรื่อง ของใคร ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งไม่เด็ดขาด

“รำคาญก็ไม่ไปยุ่งกับเขาก็สิ้นเรื่อง รู้ไหมก่อนที่เขาจะวิ่ง ร้องไห้มาที่นี่เขาเจออะไรมาบ้าง” คนที่ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกิน วัยจนน่าหมั่นไส้อย่างธีรเดชเอ่ยหน้านิ่ง

“จะพูดก็พูดมาเถอะว่ะไอ้คุณชาย ทำมามีลับลมคมในอยู่ได้ เสียงห้าวกระด้างสวนกลับทันควัน ท่าทางอยากรู้จนใจจะขาดแต่ ยังฟอร์มจัดทำให้คุณชายธีรเดชคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา

“ยัยนั่นเจอกเก่ามึงอย่างยัยพิมมี่กับเพื่อนรุมทิ้งมา หัวเดียว กระเทียมลีบ น่าสงสารสุดๆ ไปเลยว่ะ” ธีรเดชล้วงกระเป๋าขณะ เอ่ยบอกด้วยท่าทีสบายๆ อีกทั้งลอบจับสังเกตท่าทางของ พงษ์สวัสดิ์อยู่อย่างเงียบๆ ครั้นเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วมั่นสีหน้า ยุ่งเหยิงก็เกือบจะหลุดยิ้มออกมา

“แล้วไปทำอีท่าไหนวะ ยัยนั่นถึงวิ่งขากะเผลกแบบนั้น

วาจาที่หลุดออกมาจากปากคนไม่แคร์โลกทำให้สามหนุ่มต่าง ลอบอมยิ้ม ปากบอกไม่สนใจสาวแต่กลับจับสังเกตทุก อากัปกิริยาจนรู้ว่าอีกฝ่ายวิ่งกะเผลก ก่อนที่คิมหันต์จะเอ่ยออก มา

“พวกกูเห็นเธอชนขอบม้านั่งหินอ่อน ก่อนจะวิ่งกระเซอะ กระเซิงมาถึงนี้ ก็อย่างว่าล่ะว่ะ เพิ่งย้ายมาเรียนยังไม่ถึงเทอม เพื่อนไม่ค่อยจะมี แถมยังโดนขาใหญ่ประจำโรงเรียนแกล้งอีก ไม่ร้องไห้ก็ให้มันรู้ไปสิวะ”
“ยัยพิมมี่นับวันชักจะนิสัยเสีย เขาเป็นนักเรียนใหม่ ทำไมต้อง ไปแกล้งเขาด้วยวะ” พงษ์สวัสดิ์บ่นอุบ ใบหน้าถมึงทึงด้วยความ ไม่สบอารมณ์ ท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ทำให้ทั้งสามหนุ่มที่เหลือต่างนึกแปลกใจเหลือคณา เพราะปกติ พงษ์สวัสดิ์จะไม่สนเรื่องของใครหน้าไหนทั้งสิ้น

“เฮ้ย! ไอ้ป่า นึกไงวะคนเทาๆ อย่างมึงถึงอยากเป็นคนดีผดุง คุณธรรมขึ้นมา”

“ไอ้เชี่ยเผ่า มึงหยุดแซวกูแล้วคิดสักนิดสิวะ ถ้ามึงเพิ่งย้าย โรงเรียนมาแล้วถูกแกล้งจนร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนั้นถึงจะทำยัง ไง” ความอาทรที่แฝงอยู่ในความกระด้างที่มีต่อคนที่ตกเป็น หัวข้อสนทนาทําให้เผ่า คิมหันต์ และธีรเดช ต่างมองคนเทาๆ อย่างพงษ์สวัสดิ์ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

“แล้วที่มึงทำกับเขาเมื่อกี้ ไม่เรียกว่าแกล้งหรือไงวะ” เผ่าเลิก คิ้วถาม น้ำเสียงกลั้วหัวเราะบวกนัยน์ตาเต้นระริกเลือขบขัน ทําให้พงษ์สวัสดิ์เกือบหลุดฟอร์ม

“ก็แค่รับน้องใหม่” คนหน้าตายไหวไหล่เบาๆ เดินไปคว้า ถุงเท้าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาใส่ แล้วเดินไปสวมรองเท้า ท่าทาง ปากไม่ตรงกับใจทำให้อีกสามหนุ่มต่างหมั่นไส้จนทนไม่ไหว

“น้องใหม่บ้าอะไร เขาเกิดก่อนเราเว้ย” คิมหันต์แย้ง

“รู้…แต่ไม่ได้อยากมีพี่สาวนี่หว่า ไม่เรียกพี่โว้ย” เสียงห้าว กระด้างสวนกลับอย่างฉะฉาน ท่าทางมั่นใจปนเย่อหยิ่งทำให้ สามหนุ่มที่เหลือต่างส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ
“เฮ้ย! แล้วนั่นจะไปไหนวะ

“ไปดูยัยนั่นหน่อย” วาจาที่หลุดออกมาจากปากหนุ่มหล่อผู้ไม่ สนโลกทำให้คนฟังต่างพากันอ้าปากค้าง ด้วยคาดไม่ถึงว่า พงษ์สวัสดิ์จะนึกเป็นห่วงเป็นใยคนที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเสียง เรียงนาม

“เฮ้! ไหนว่ารําคาญเขาไงวะ” เผ่าร้องตะโกนไล่หลังคนที่กำลัง เดินลิ่วไปยังประตูดาดฟ้า และน้ำเสียงเลือขบขันนั่นก็ทำให้เท้าที่ กําลังก้าวไปข้างหน้าชะงักศึก

“เด็กใหม่คงยังไม่รู้ว่าห้องพยาบาลไปทางไหน” พงษ์สวัสดิ์ หันกลับไปเอ่ยตอบหน้าตาย ดูมีเหตุผลและแคร์โลกจนทั้งสาม หนุ่มต่างกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่

“แต่นี่มันจะปลายเทอมแล้วนะเว้ย ย้ายมาเรียนที่นี่ตั้งนานน่า จะรู้แล้วมั้ง” คุณชายธีรเดชเอ่ยแย้งเสียงนิ่งๆ ทว่านัยน์ตากลับ เต้นระริกด้วยความขบขัน

“ไม่แน่หรอก ยัยนั่นอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ คนแบบนั้นเซ่อจะตาย” ยังไม่ทันจะขาดค่คนฟอร์มจัดปากหนักก็เดินเร็วๆ ไปยังประตู ดาดฟ้า ส่งผลให้สามหนุ่มที่เหลือต่างพากันหลุดหัวเราะออกมา เพราะรู้นิสัยของเพื่อนดีว่าไม่เคยสนใจและแคร์ความรู้สึกของ ใครหน้าไหนทั้งสิ้น แต่นักเรียนใหม่คนนั้นกลับต่างออกไป

“คนเกลียดกันทำแบบนี้ก็ได้เหรอวะ” เผ่าเปรยขึ้นเบาๆ ใบหน้าหล่อคมแต้มยิ้มน้อยๆ ซึ่งวาจาที่หลุดออกมาจากปากเขา ก็ทำให้คนที่ยืนข้างๆ กันเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“นั่นติ ปากบอกไม่สนใจเขา แต่ตากลับเห็นว่าเขาวิ่งขา กะเผลก แถมยังจะตามพาเขาไปห้องพยาบาลอีก” คิมหันต์เอ่ย อย่างระอากับนิสัยปากไม่ตรงกับใจของเพื่อน

“นั่นแหละคือวิธีเรียกร้องความสนใจของคนฟอร์มจัด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ