ตอนที่ 9 ฝืนยิ้ม
เธออยากขดตัวเข้าไปในโอบกอดที่กว้างใหญ่นั้น แล้วร้องไห้ออกมาดังๆ ร้องทุกข์ออกมาให้หมด ให้เขา เผชิญเรื่องทุกอย่างกับตัวเอง
เธออยากบอกเขามากเลยว่า เพื่อนที่ดีที่สุดของเขา นั้น ที่แท้แล้ว เป็นขยะสังคม เป็นสัตว์ร้าย
แต่เธอทำสิ่งนี้ไม่ได้ พิชัยเป็นคนที่ทำอะไรหุนหันพลัน แล่น ถ้ารู้เรื่องวันนี้เข้า เขาจะต้องสู้กับจิรายุเป็นตาย แน่นอน
หรือฉันจะไม่แต่งงานกับเขาแล้ว?ฉันมันไม่บริสุทธิ์อีก ต่อไปแล้ว ไม่คู่ควรกับเขา จู่ๆเธอก็มีความคิดแบบนี้ผุด ขึ้นอยู่ในใจอีกครั้ง
แต่ว่าจะทำเช่นนั้นก็ไม่ดี พ่อแม่พี่ชายต่างก็มาตั้งไกล จากบ้านเก่าบ้านเกิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วน ตระกูลจันทร์ฉายก็ให้การ์ดเชิญกับพี่น้องไปหมดแล้ว ทว่างานแต่งงานถูกยกเลิก บ้านทั้งสองจะต้องถูกตก เป็นเรื่องเล่าตลกของชาวบ้านอย่างแน่นอน
เธอบอกกับตัวเอง ว่าไม่มีอะไรที่ไม่บริสุทธิ์ทั้งนั้น หัวใจของตนทั้งดวงยังเป็นของเขาคนเดียว หัวใจยังคง บริสุทธิ์ หากชัยรู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้น ก็ทำเพื่อช่วยชีวิต ของเขา เขาจะไม่โทษตนเองแน่นอน ไม่โทษแน่นอน
อาริยา นอนหลับซะ บางทีทุกอย่างมันอาจเป็นแค่ฝันร้ายก็ได้ ตื่นมายามเช้าก็จะพบว่าทุกอย่างเป็นแค่เรื่อง ล้อเล่น
แต่เธอจะนอนหลับได้อย่างไร? ใบหน้าที่ เมืดของ จิรายุนั้น กับฉากที่เขาครอบครองเธออย่างเย็นชานั้น โผล่ขึ้นมาในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอเกลียดเขา! เกลียด เขาที่สุด!
ขณะนี้ จิรายุนั่งดื่มคนเดียวในบาร์ประจำของเขาและ พิชัย ดื่มแล้วดื่มอีก
นึกถึงช่วงเวลาที่พบเจอกับพิชัย ที่ผ่านมานั้นยังคงอยู่ ในหัวไม่เคยละหายจากไป
เตรียมการมาตั้งแปดปี และในที่สุดก็รอจนถึงวันนี้ แล้ว เดิมทีเขาควรจะพอใจและมีความสุข แต่แล้วเขา กลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด
พอนึกถึงอาริยาที่ถูกทรมาน และชีวิตของพิชัยนั้น อาจถูกเปลี่ยนแพลนไปจากเดิม ทำให้หัวใจของเขา หนักอึ้ง
จิรายุ แกทำในสิ่งที่ควรจะทำ ไม่ว่าเขาจะเจ็บปวด เพียงใด เขาก็สมควรที่จะได้รับมัน
เขาดื่มไปแก้วนึงอย่างดุเดือด พร้อมนึกถึงเรื่องเมื่อ แปดปีก่อน ซึ่งช่วงนั้นอยู่ในช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศ อบอ้าว ซึ่งความทรงจำนั้นก็ได้กวาดล้างฉายขึ้นมาอีก ครั้ง
วันนั้นเป็นวันเกิด14ปีของน้องสาวเขาเอง ศิวาย ซึ่ง เขาเพิ่งจะซื้อปลาสดและเค้กวันเกิดกลับมาบ้าน แต่ กลับเห็นว่าน้องสาวกำลังกอดเข่าร่ำไห้
ผ้าปูที่นอนสีขาวบริสุทธิ์ของเธอเปื้อนด้วยเลือด และ เธอพึนพำซ้ำๆอย่างเสียใจ ——พี่ชัย
จิรายุจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองปลอบใจศิวายุยังไง
หลังจากที่เธอนอนหลับ เขาก็ถือมืดไปหาเพื่อนรักของ
ตนเอง ก็เพื่อที่จะฟันเจ้านั่นให้ตาย
แต่ระหว่างทางนั้น เขากลับสงบสติลงได้เสียก่อน
เขาและศิวายุเป็นลูกกำพร้า ถ้าเขาตายไป น้องสาว จะอยู่ยังไง เธอยังอายุเพียงแค่14ปีเอง จะให้เธออยู่ อย่างอนาถาคนเดียวได้อย่างไร จะอยู่รอดยังไง?
เขากัดฟันกล้ำกลืนต่อความเกลียดชังทั้งหมด โดย แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย ส่วนพิชัยเองก็ดูเหมือนจะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงทำตัวเป็นเพื่อนรักกับตนต่อไป
ตลอดแปดปีที่ผ่านมา เขาดูแลพิชัยมาโดยตลอด ก็ เพื่อรอให้วันนี้มาถึง
เขาต้องการให้พิชัยชำระรับกรรมกับสิ่งที่ก่อไว้
อาริยาเอ่ย อย่าโทษฉันเลย ใครให้เธอโง่หลงไป ตกหลุมรักกับคนสารเลวแบบนี้ล่ะ ตอนนี้ เธอก็ต้องเป็น แค่ตัวหมากของฉัน
รุ่งสาง อาริยาลืมตาขึ้น ซึ่งร่างกายที่เจ็บปวดนั้นก็ บอกเธอว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน
เธอปวดเมื่อยไปทั่วตัวยิ่งกว่าเมื่อวาน ราวกับถูกแยก เป็นชิ้นๆยังไงยังนั้น แต่เธอก็พยายามพยุงตัวเองให้ลุก ขึ้นมา และแล้วก็เห็นแม่กำลังเดินเข้ามาหา
“ลูกสาว ตื่นแล้วหรือ? มาทานเกี๊ยวเร็วเข้า!”
“เช้าแบบนี้กินเกี๊ยวทำไมกัน “เธอถามด้วยความงุนงง
“เอ้า เด็กคนนี้นี่ ลืมแล้วหรือไง?มันเป็นประเพณีของ บ้านเกิดเราไง กินเกี๊ยวขาไป กินบะหมี่ขามา แม่กลัว ว่าลูกจะไม่มีเวลากินตอนแต่งหน้าเสร็จ วันนี้ลูกคงต้อง เหนื่อยมากแน่ๆ รีบมากินสิ! ”
“โอ้ มาแล้ว”เธอตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้ และหยิบเครื่อง มือแปรงฟันแล้วออกมา
เมื่อคืนเจ้าเด็กคนนี้ยังตื่นเต้นมากอยู่เลย ทำไมวันนี้ ถึงอารมณ์เสียซะล่ะ แปลกนะเนี่ย “แม่กระซิบกับธนา ธร อย่างเงียบ ๆ
ฉันก็คิดว่ามันแปลกๆ หรือไม่อยากจากพวกเราไป?” ธนาธรกล่าว
“ไม่ใช่มั้ง เด็กคนนี้จะกลัวจากเราไป ออกไปเรียนตั้งหลายพันไมล์ ยังไม่ได้บอกเลยว่าคิดถึงสักคำ ตอนนี้ พวกเราก็อยู่กับเธอกันหมด และคุณเห็นลูกกับชัยรักกัน จะตาย คงอยากแต่งงานใจจะขาดตั้งนานแล้ว”
“นั่นน่ะสิ ประหลาดจริง!”
อาริยาได้ยินคำพูดของพ่อแม่ ซึ่งก็เตือนสติเธอ
วันนี้คืองานแต่งงานของเธอ เธอต้องเข้มแข็งไว้ ไม่ ควรให้พ่อแม่กังวล และต้องไม่ให้ตระกูลจันทร์ฉายเสีย หน้า ที่สำคัญ ต้องไม่ให้พิชัยดูออก
อาริยา แกเป็นผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดี ไม่ว่าชีวิตจะ ให้ความทุกข์แบบใดมา แกก็สามารถเผชิญกับมันได้ อย่างกล้าหาญเป็นแน่
แกต้องทำได้ แกต้องยิ้มได้อย่างแน่นอน เธอสะกดจิต ตนเองซ้ำแล้วซ้ำอีก เมื่อเธอล้างหน้าแปรงฟันกลับมา เรียบร้อย ใบหน้าเป็นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
“ เกี๊ยวไส้อะไรคะ ถ้าไม่อร่อยไม่กินนะแม่!” เธอพูด พร้อมกับยิ้มอย่างสนุกสนาน
พ่อแม่แลกสายตาแบบว่าคงคิดมากไปเอง และดู ลูกสาวอย่างมีความสุข
“ไม่กินงั้นเหรอ ดีสิ ไม่ใช่ยัดจนท้องยื่นล่ะ!”ธนาธร รู้ว่าลูกสาวตนชอบกินเกี๊ยวที่ตนและแฟนห่อ ด้วยความ ภูมิใจ ก็ยิ้มและหยอกล้อลูกสาว
อาริยายิ้มตามปกติอย่างเช่นเคย แล้วจับตะเกียบแล้ว หยิบเกี๊ยวเข้าปาก
“กินช้าๆ ไม่รีบ เด็กคนนี้นี่!” แม่ถอนหายใจ
กำลังกินอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงหัวเราะที่ เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“อาริยา ยินดีด้วยนะ!
“ธิดา เธอมาแล้วหรือ พอดีเลย มากินเกี๊ยวเร็ว!” อาริ ยารีบทักทายแล้วเดินไปที่ประตู จับมือเธอให้เธอเข้ามา ธิดาเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอ และเธอเป็นเพื่อนที่สนิท ที่สุดของเธอ
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะ เอานี่ไปสิ นั่งเปา!”ธิดายิ้ม พร้อมหยิบคั่งเปาที่เตรียมไว้ แล้วเอาวางบนมืออาริยา
“เธอเกรงใจอะไรกับฉันเนี่ย ความยินดีก็พอแล้ว ลั่ง เปาเธอเก็บไปเถอะ” ธิดาย้ายออกไปเช่าบ้านเข้านอก หลังจากที่เลิกกับแฟนหนุ่ม ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยมีเงินใน กระเป๋า อาริยาสงสารเห็นใจเธอ
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า เอาหน่า จนแค่ไหนก็ไม่ขาดเงิน แค่นี้หรอก เก็บไว้ซะ นี่คือพรของฉัน!”ทั้งสองคนก็ยื่น ไปยื่นมา อาริยาเถียงไม่ชนะ จึงรับมันไว้ในท้ายสุด
ธิดาเป็นเพื่อนเจ้าสาวในวันนี้ ปกติเธอชอบตื่นสาย เพราะหลับดึก เช้านี้เธอมาเช้าขนาดนี้ ทำให้อาริยาทั้งรู้สึกคาดไม่ถึง และขอบคุณมากๆ
คุณนายรัตนากรรีบหยิบชามและตะเกียบมาให้ ส่วน ธิดาก็ไม่เกรงใจมาก นั่งกินเกี๊ยวกับอาริยาไปเป็นครึ่ง ชามใหญ่ทั้งหมด จึงนั่งแท็กซี่ไปที่สตูดิโอเพื่อแต่งหน้า แต่งตัวให้เจ้าสาว
ธิดาช่วยจัดการให้เสร็จทุกอย่าง แล้วพาอาริยากลับ ไปที่ห้องเช่าเดิมที่ตระกูลรัตนากรอยู่ชั่วคราว รอให้ ตระกูลจันทร์ฉายแห่ขันหมากมารับเจ้าสาว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ