รักณคือหายนะของฉัน

บทที่ 1 ป่วยเป็นมะเร็ง



บทที่ 1 ป่วยเป็นมะเร็ง

“คุณนารา ตอนนี้ทางการแพทย์นั้นทันสมัยมาก ขนาดนี้ มะเร็งกระดูกก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถรักษาได้ ถ้าคุณ ให้ความร่วมมือในการรักษาเป็นอย่างดี เชื่อว่า…….

“ฉันสามารถอยู่ได้นานสุดอีกกี่เดือน” นาราพูดด้วย เสียงสั่นเล็กน้อย ทำให้ขัดจังหวะหมอที่สามารถปลอบใจ เธออย่างไร้ประโยชน์

ช่วงเธอ เธอมักจะรู้สึกเวียนหัว แนะรู้สึกเจ็บตรง บริเวณอกอยู่บ่อยๆ สุดท้ายผลตรวจกลับตรวจออกมาว่า เป็นมะเร็งกระดูก

หมอผลักแว่นตาที่อยู่บนสันจมูก “มากสุด ประมาณ สามเดือน…….

ทันใดนั้น หัวใจของนาราเหมือนถูกบีบ และมีอะไร บางอย่างไหนออกมาจากดวงตา……

เธอลุกขึ้น แล้วหนีออกไปด้วยความกระวนกระวาย

ปีนี้เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบสองปี กลับป่วยเป็นมะเร็ง กระดูก แล้วยังเป็นระยะสุดท้าย ฟ้าไม่ได้ใจร้ายกับเธอ เพียงธรรมดาจริงๆ

อาทิตย์ก่อน แม่ของเธอก็ถูกตรวจว่าเป็นมะเร็งเนื้องอก ตอนนี้เกือบจะถูกฟ้าสวรรค์ก็เอาชีวิตของเธอไปแล้ว

นําเสียงของเธอไหลรินออกจากดวงตา เธอที่ไม่ได้ ร้องไห้มานาน ตอนนี้ก็อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป

ในฤดูหนาวที่เหน็บหนาวนี้ เมืองเอเพิ่งจะมีฤดู ตกหนักลงมาหนึ่งครั้ง

นาราสวมใส่เสื้อกันหนาวตัวบาง แล้วยืนอยู่ตรง หน้าวิลล่าสุดหรูแห่งหนึ่ง แล้วกดกริ่งประตูไม่หยุด เธอ กดครั้งแล้วครั้งแล้ว เป็นจังหวะการกดที่ทรมานและ กระวนกระวาย

ตัวเธอแข็งจนรู้สึกเหน็บชาไปแล้ว ทั้งเรือนร่างสั่นไม่ หยุด จากนั้นตรงกลางหน้าอกก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา

ความเจ็บปวดยิ่งชัดเจนมากขึ้น แต่เธอไม่สามารถล้ม ลงได้ แม่ของเธอยังรอเงินไปทำการผ่าตัด เธอต้องการใช้ เงินก้อนหนึ่ง

และในตอนนี้ รถไมบัคสีดำคันหนึ่งเกิดไฟฉุกเฉิน

แล้ววิ่งมาจอดอยู่ตรงประตูอย่างเร่งรีบ

นาราหันไป ก็เห็นรองเท้าหนังที่แวววับคู่หนึ่งเหยียบลงบนพื้น ผู้ชายคนหนึ่งสาวเท้ามาเรียวยาว เดินผ่านเธอ

ไป

แม้กระทั่งยังไม่มองนาราแค่ปราดเดียว

นารารู้สึกร้อนใจ พลันดึงเขาไว้ “ไชย คุณช่วยฉัน อะไรอย่างหนึ่งได้ไหม..……..”

ธงไชยไม่ได้สนใจนารา แค่ปรายตามองนาราเหมือน กำลังมองเรื่องตลกอยู่ จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในห้อง

นาราก้มหน้าลง แล้วครุ่นคิดสักพัก เธอกำลังกลั้น กลืนความเจ็บปวดตรงกระดูกหน้าอก แล้วเดินตามเข้าไป

พอเข้าในห้อง นาราก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

สามปีที่แต่งงานมา สองสามีภรรยาเหมือนคนแปลก หน้า เขาไม่เคยมองเธอเลย

เมื่อมองธงไชยเหมือนพระราชา กำลังนั่งอยู่บน โซฟาด้วยความสง่าผ่าเผย สีหน้ากลับเลือดเย็นอย่างมาก เธอจึงเอ่ยพูดด้วยความลำบากใจ “คุณ……..ยืมเงินห้า ล้านให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

“เหอะ” ธงไชยแสยะยิ้มเบาๆ แล้วหรี่ตาลง “อยากเอาเงินของฉันแล้วหนีไปกับไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้นใช่ ไหม?”

กระดูกตรงหน้าของนารารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เธอ พูดอย่างขมขื่น “ฉันเปล่า วันนั้นผู้ชายคนนั้นที่คุณเห็น ไม่ใช่…

“พอเถอะ!” ธงไชยพูด แล้วขัดจังหวะเธอ นัยน์ตา เคล้าด้วยความเกลียดชัง “นารา เก็บสีหน้าที่น่าสงสารจน ทำให้คนอยากอ้วกกลับไปเดี๋ยวนี้! ตอนนั้นคุณวางแผน วางยาให้ผม แล้วยังทำร้ายรินต้องเสียขาสองข้างไป คุณ เคยคิดไหมว่าคุณจะมีวันนี้!”

“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้วางแผนจับคุณจริงๆ และฉันก็ไม่ ได้ผลักเธอด้วย ฉันไม่ได้ทำร้ายขาของเธอ” นาราโต้แย้ง ด้วยความสิ้นหวัง ภายในใจรู้สึกโกรธเคืองมาก

ในสายตาของทุกคน นาราเป็นสัตว์ที่มีจิตใจอำมหิต เธอวางแผนขึ้นเตียงว่าที่สามีของพี่สาวแท้ๆ แล้วยังผลัก พี่สาวลงจากไปชั้นล่าง ทำให้พี่สาวพิการเดินไม่ได้

เธอรู้ว่าเขาไม่เชื่อตัวเอง เธอก็ไม่อยากอธิบายอีก เธอยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าจะทำ

เขาไม่พูดไม่จา นาราก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจ แต่เธอก็สุดทางต้นจริงๆ แม่ของเธอและเธอยังต้องการเงินไปรักษา โรค

เธอจึงทำสัญญาครั้งสุดท้ายขึ้น “แค่คุณยืมเงินห้า ล้านให้ฉัน ให้ฉันทำอะไรก็ได้…….”

“รอให้เงินโอนมาที่บัญชี ฉันตกลงหย่ากับคุณ คุณ สามารถแต่งงานกับรินดาได้เลย”

ธงไชยเลิกคิ้ว แล้วจุดบุหรี่หนึ่งมวน ควันบุหรี่ฟุ้ง กระจายไปทั่ว เขากระตุกมุมปากขึ้น แล้วมองนาราคล้าย ยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

เขากวาดสายตามองนาราเพียงชั่วพริบตา แล้วลุก ขึ้น นิ้วมือที่เห็นข้อต่อกระดูกอย่างชัดเจนกำลังปัดหิมะบน ไหล่ของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงเลือดเย็น “คุณชอบเป็น ภรรยาคุณธงไชยขนาดนี้ ผมจะให้คุณเป็นต่อไปก็พอแล้ว นี่”

“ฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉัน แต่ฉันต้องการเงินห้าล้าน บาทนั่น ฉัน..….……”

เวลานี้ มีเสียงมือถือดังขึ้น ธงไชยรับสาย แล้วเสียง อันอ่อนโยนผิดแปลกไปจากก่อนหน้านี้ดังขึ้น “เป็นอะไร ไป?”
นาราได้ยินเสียงที่ทั้งคุ้นเคยและออดอ้อนนั้นอย่าง ชัดเจน ทำให้ธงไชยอ่อนโยนขนาดนี้ นอกจากรินดาแล้ว ก็ไม่มีใครอีก พอนึกถึงแบบนี้ หัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวด อย่างมาก

“คืนนี้คุณจะกลับมาไหม? ฉันคิดถึงคุณแล้ว”

“เป็นเด็กดี ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้” ธงไชยวางสาย แล้วพูดตบท้ายด้วยคำนี้ แล้วเดินออกจากประตูโดยตรง ฝีเท้าสาวออกไปอย่างเร่งด่วน โดยไม่มองนาราแม้แต่พริบ ตาเดียว

“ธงไชย วันนี้ฉันไปหาหมอ หมอบอกว่าฉันเป็น มะเร็งกระดูกระยะสุดท้าย”

เสียงที่ตอบกลับเธอมีเพียงเสียงประตู และเสียง กระแสลมและหิมะด้านนอก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ