ตอนที่ 7 ความวุ่นวายในการเยี่ยมบ้าน (2)
ตอนที่ 7 ความวุ่นวายในการเยี่ยมบ้าน (2)
วัจสาเข้าใจ พ่อบ้านภูษิตหวังดีต่อเธอ ใจรู้สึกอบอุ่นมาก มาก ขนาดคนที่รู้จักกันได้ไม่นานเทียบกับญาติที่อยู่ด้วย กันมายี่สิบปียังไม่เป็นห่วงเธอ บอกได้คนในโลกใบนี้ได้ น้าใจต่อกัน
“ขอบคุณพ่อบ้านภูษิตมากค่ะ แต่เดี๋ยวฉันจะต้องไป ธุระข้างนอกแป๊บนึง” “เธอเพิ่งนึกได้ เธอไม่ได้ไปสถาน สงเคราะห์ดูเด็กๆนานแล้ว
พ่อบ้านภภูษิตยิ้มอย่างเมตตา ไม่เป็นไรครับ ถึงเวลานั้น ผมให้คนอื่นไปรับคุณผู้หญิงเอง
วัจสาก็ไม่ได้ยืนหยัด ยังไงตัวเองก็ไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดี อะไร ถ้าพูดต่อไปก็เหมือนว่าตัวเองวัวสันหลังหวะ อยู่ตรง หน้าของวราลีเธอไม่อย่าให้เขาจับจุดอ่อนอะไรของเธอ ได้
“ได้ เดินทางอย่างปลอดภัยนะค่ะ เดี๋ยวฉันไปส่งคุณขึ้น รถ” วัจสากำลังจะออกไปข้างนอกกับพ่อบ้านภูษิต แต่ถูก วรลาดึงตัวไว้
“อุ้ยตายวัดสาเธอเพิ่งจะกลับมาเอง เดี๋ยวฉันไปส่งพอ บ้านภูษิตเอง เธอเข้าไปนั่งก่อน พวกเธอพี่น้องทั้งสีไปได้คุยกันนานแล้ว รีบเข้าไปไป” แล้วเขาก็ใช้บอดี้การ์ด ให้เอาของเข้าไปให้หมด
วังสายิ้มเยาะ พวกเขาเคยเอาเธอเป็นพี่เป็นน้องด้วย หรอ? พูดคำนี้ออกมาไม่อายบ้างหรอ แค่เวลาไม่นาน เธอ เพิ่งออกไปได้สามวัน พวกเขานี่อยากผลักเธอออกไปได้ ขนาดนี้เลยหรอ
วราลีส่งพ่อบ้านภูษิตออกไป วัจสาก็ค่อยๆเดินเข้าไป บ้านที่ตัวเองอยู่มาได้ยี่สิบปี ยังเป็นโอ่อ่าตระการตาอยู่ มี แค่เธอรู้ว่า ข้างในมันเน่าผุอย่างสาหัสแล้ว
เธอนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกคนเดียว เธอแค่อยากรีบทักทาย เสร็จแล้วรีบกลับ มีแต่สถานวิเคราะห์ที่มีความสุขและ ปลอดภัย
วราลีเห็นพ่อบ้านภูษิตขับรถไปไกลแล้ว เลยเอาใบเช็ค ออกมาดู เป็นสามสิบล้านจริงด้วย ไม่น่าจริงอีหนูนี้จะ เอาใจผู้ชายได้เก่งขนาดนี้
“แม่ ดูอะไรอยู่อ่า”
ทันใดนั้นคุณหนูรองของวงศ์ตระกูลเดิมขุนทดภาวินีก็ กระโดดออกมาจากห้อง มาถึงข้างๆวราลี “ว้าว ใบเช็ค สามสิบล้านด้วย แม่รวยแล้วหรอ?”
วราลืมองเขาไปอย่างโกรธ แล้วพับเข้าไปใน กระเป๋า”ตาหนูคมจริงๆเลยนะ นี่คือค่ากลับมาเยี่ยมบ้าน จากวงศ์ตระกูลศรีทอง พอดีพวกเธอสามพี่น้องแบ่งกัน คนละสิบล้าน”
ใบหน้าที่สวยของภาวินีทำตัวน่ารัก”นี่ไงแม่ดีที่สุด แต่ ทำไมคุณชายของวงศ์ตระกูลศรีทองถึงได้ใจกว้างขนาด นี้?สมกับเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเมืองSเลย”
“ได้ยินที่ภาวินีพูด วราลีก็นึกถึงเรื่องหนึ่ง ค่อยๆเม้นปาก “เข้าไปค่อยพูด พี่วังสาของเธอรอพสกเราอยู่ข้างใน
“แม่พูดเล่นใช่ไหม
หนูมีพี่สาวแค่คนเดียว ก็คือพี่ทยิดา ฐานะต่ำต้อยอย่าง นั้นจะเหมาะสมเป็นพี่หนูได้ไง “ภาวินีทำปากยื่น แล้วทำ เป็นไม่สนใจ
วราลีแค่ยิ้มไม่พูดอะไร
เพราะวัจสามาถึงวงศ์ตระกูลเดิมขุนทดก็กลางวันแล้ว พอดีแม่ลูกนี้ก็เตรียมตัวจะกินข้าว ก็เลยเพิ่งตะเกียบคู่ หนึ่ง พวกเขาก็ลืมแล้วว่าเรื่องที่วัจสากลับมาเยี่ยมบ้าน และก็ไม่เอาเธอเป็นคนในบ้าน มีคำพังเพยกล่าวว่า ผู้ หญิงสามคนมาอยู่ร่วมกันช่างวุ่นวาย
ในโต๊ะอาหารที่มีผู้หญิงห้าคนอยู่รวมกันยิ่งขี้เม้าท์กันไม่ หยุด
“ทยิดาเป็นคนท้อง ยิ่งรู้เรื่องพวกนี้
เขาเห็นสีหน้าของวังสา ก็รู้แล้วว่าเธอไม่เคยโดนผู้ชาย ซุ่นชื้น จงใจหัวเราะเธอ“วังสา เธอน่าจะเคยเจอสามีเธอ แล้ว?” วังสาถูกคำพูดนี้ของเขาทำให้สีหน้าชะงักงัน คิด ไม่ถึงว่าเขาจะกล้าถามคำถามนี้ที่สาธารณชน อีกอย่าง เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่พูดคำนี้ออกมา การอบรมบ่มนิสัยนี้ ให้วัจสาตกใจจริงๆ
เธอเม้นปาก แล้วไม่สนใจเรื่องนี้
ทยิดารู้สึกอึดอัดใจ และเสียหน้ามาก เลยพาลโกรธ”วัจ สา ฉันถามเธออยู่เนี่ย เป็นสะใภ้ของวงศ์ตระกูลศรีทอง แล้วรู้สึกว่าตัวเองเก่งหรอ?ฉันว่าวรพลมันก็อยู่ไม่ได้นาน แล้ว เธอก็แค่อยากรอมันตายแล้วเตรียมตัวรับมรดกของ มัน?”
ทยิดาเพิ่งพูดจบ วัจสาก็เดินเข้าไปตบหน้าเขา แล้ว มองทยิดาอย่างเยือกเย็น เสียงก็เต็มไปด้วยความเย็น ชา”รบกวนคุณทำปากให้สะอาดหน่อย สามีของฉันยังอยู่ ดีๆ นี่คือการใส่ร้าย ถ้าฉันจะฟ้องคุณ มันก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เธอก็รู้ วงศ์ตระกูลศรีทองร่ำรวย
ผู้หญิงในโต๊ะรับประทานอาหารต่างตกใจที่เขาถูกตบ หน้าและคำพูดที่เธอพูดนี่
“ทยิดาก็ไม่น่าเชื่อว่า สาวรับใช้ที่อยู่บ้านเขามานาน ขนาดนี้จะกล้าตบหน้าเขา เขาจับหน้าที่โดนตบครึ่งหน้า มันแสบร้อนมาก กำลังเตรียมตัวตีกลับ”เธอยังคิดว่าเธอ บินขึ้นกิ่งไม้ไปเป็นหงส์ แต่เดิมก็เป็นแค่นกกระจอกที่ ต่ำต้อย
มือของเขายังไม่โดนหน้าของวัจสา ก็ถูกวราลีห้ามไว้
ทยิดายิ่งตกใจ”แม่ ทำไมแม่ถึงช่วยดอกทองนี้ เมื่อกี้มัน ยังตบหนูอยู่เลย”
วราลีก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน ลูกสาวสุดที่รักที่เลี้ยงมา หลายปี ตอนนี้ก็ถูกตบหน้าต่อหน้าเขา แต่ไม่อยากแก้ แค้นตอนนี้ เขายังมีเรื่องที่ต้องใช้วัจสา
เขาแค่ทำหน้าเฉย แล้วปล่อยมือของทยิดา”ไม่ต้อง ทะเลาะกันแล้ว กินข้าวดีๆ ครอบครัวเดียวกันกินข้าวยัง ทะเลาะกันขนาดนี้ มันหมายความว่าไง?”
ที่เขาพูดนี่ก็บงบอกว่าวัจสาไม่ต้องถือสาร ฮ่า ครอบครัว เดียวกัน? พูดได้ดีมาก ตอนมีปัญหาก็คือครอบครัวเดียวกัน ตอนไม่มีคนอยู่ก็เป็นคนรับใช้
วังสาดูออกว่าวราลีทนได้ทรมานมาก ทั้งๆที่เกลียดเธอ มาก ยังต้องห้ามลูกสาวตัวเองไว้ เขาต้องมีอะไรที่ต้องใช้ เธอแน่
นั้นงั้นความคิดวจสายังไม่ได้หล่นลงมา วราลีก็พูดมา ว่า“วัจสา อยู่วงศ์ตระกูลศรีทองเคยชินไหม?ฉันเห็นพ่อ บ้านภูษิตพูดกับเธอ ดูเหมือนเคารพเธอมาก”
“สุนัขจิ้งจอกแบบนี้ยังไงก็ซื้อใจคนเก่ง” รอยตบหน้านี้ ทยิดายังพะวงใจอยู่ ถ้ามีโอกาสก็จะต่อว่าวัจสา
สุดดายวัจสาไม่สนใจเลย เห็นทยิดาถูกบีด ภาวินีและ รสรหัวเราะขึ้นมา
ทยิดายิ่งโกรธ แต่ยังไงต้องยิ้มต่อไป ดูไว้ถ้ามีวันหนึ่ง ฉันจะให้แฟนฉันพลชัยมาฆ่าเธอให้ตายแน่วจสา
“ฉันอยู่วงศ์ตระกูลศรีทองได้ดีมาก ขอบคุณที่อาสะใภ้ เป็นห่วงค่ะ “วัจสาตอบไปอย่างไม่มีความสัมพันธ์กัน แล้ว ก้มหัวกินข้าวต่อไป
“งั้นเธอเคยเจอรองท่านชายของวงศ์ตระกูลศรีทอง ไหม? ตอนนี้ปกครองบริษัท อธัชชัย ได้ข่าวว่าเป็นพุ่มพร วที่ลึกลับมาก น่าจะเข้าให้ได้ง่าย?”น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยความหวัง ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
วัจสาได้ยินชื่อของธัชชัย สมองก็นึกถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ เอาแต่ใจและไร้มารยา”ไม่เคยเจอ”
“จะไม่เคยเจอได้ไง ไม่ใช่บ้านเดียวกันเหรอ?”
“เขายุ่งมาก ฉันตื่นขึ้นมาเขาก็ออกไปแล้ว ฉันนอนแล้ว เขาค่อยกลับมา เพราะอย่างนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน”
วังสาหาสีหน้าเยือกเย็นลง เห็นได้อย่างชัดว่าเธอไม่ อยากพูดถึงเรื่องนี้ เธอตัดสินใจแล้ว กินข้าวนี่เสร็จ เธอ จะรีบออกไป ไม่อย่าเจอครอบครัวนี้
วราลีอ้ออย่างผิดหวัง“ถ้าคราวหน้าเธอเจอเขา อย่าลืม แนะนำวินีให้เขารู้จัก หนุ่มสาวทั้งสองจะได้ออกไปเล่น ด้วยกัน คบหาเป็นเพื่อนกันก็เป็นเรื่องปรกติ”
ภาวินีหน้าเริ่มแดง รีบพูดอย่างอายๆว่า”แม่ค่ะ แม่พูด อะไรอ่า
ทยิดาก็ฟังออกมาแล้ว เพราะเหตุนี้จึงเสียสละให้เขาได้ โดนตบ แม่น้ำลำเอียงจริงๆ
ในโต๊ะอาหารนี้ผู้คนที่รับประทานอาหารต่างคิดแต่เรื่องของตนเอง
มีแค่สาวน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างรสรินยังค่อยๆ
กินข้าวอยู
คำพูดของวราลี เหมือนจะให้วัจสาดึงเชือกแตงให้ ก็ว่า ทำไมเป็นท่าทีอย่างนี้ ก็เพราะมีเรื่องจะขอร้องเธอเนี่ยเอง “ถึงตอนนั้นค่อยพูด”เธอให้คำตอบที่ชัดเจน จะคิดยังไงก็ แล้วแต่พวกเขา
วัจสารู้สึกข้าวมือนี้กินไม่ลงแล้ว พูดไปตรงๆว่า “ฉันอิ่ม
แล้ว”
แล้วลุกขึ้นออกไป
วราลีเห็นจุดประสงค์ของตัวเองก็มาถึงแล้ว เลยไม่ได้ ชักชวนให้อยู่ต่อ แค่ทำเป็นเสแสร้ง “ทำไมกินอิ่มเร็วจัง? จะกลับไปตอนนี้แล้วหรอ?”
วัจสาข้างหนึ่งเอาโทรศัพท์มือถือออกมา ข้างหนึ่งก็ตอบ ไปว่า “ใช่ค่ะ รบกวนแล้ว” เหมือนน้ำเสียงที่พูดกับแขก โทรไปแค่แป๊บเดียวก็รับสายแล้ว “พ่อบ้านภูษิต ตอนนี้ฉัน จะกลับแล้ว”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมคนไปรับคุณ”
วัจสารู้สึกว่ารบกวน ก็เลยปฏิเสธ โทรไปก็เพื่อที่จะบอก ให้รู้ก่อน เธอเรียกแท็กซี่จะไปสถานสงเคราะเอง ให้พ่อ บ้านภูษิตตอนเย็นไม่ต้องมารับ
“ ไม่เป็นไรครับ พวกเขาอยู่ใกล้ๆนี่แหละ ไม่ต้องรอนาน “พ่อบ้านภูษิตรู้ว่าเธอจะไม่อยู่นาน เลยจัดเตรียมให้พวก เขารออยู่ใกล้ๆ
คราวนี้ให้วัจสาตกตะลึง เธอไม่ชอบต่อนี้มันแสดงออก ได้ชัดขนาดนี้เลยหรอ? “คุณผู้หญิง คุณผู้หญิง”
ได้ยินพ่อบ้านภูษิตเรียกเธอ สติของเธอก็กลับคืนมา แล้วตอบไปว่า “อืม ฉันรู้แล้ว”
นั่งไงรถมาพอดีเลย วัจสาไม่อยากพูดคุยกับวราลี เลย ขึ้นรถไปเลย
บอกชื่อของสถานสงเคราะแล้ว พอดีว่าคนขับรถก็รู้จัก อย่างนี้ก็จะไม่ยุ่งยาก
ตอนไปก็ไม่ได้บอกกับประธานมูลนิธิคุณดนิดา ไปถึง ค่อยสังเกตเห็นว่าวันนี้ประธานของมูลนิธิคุณดนิดาไป สาธารณประโยชน์แล้ว ได้ยินจากจิตอาสา เพื่อที่จะ ระดมเงินให้เด็กที่ได้โรคมะเร็งเมล็ดเลือดขาว ยังต้อง จัดหารวบรวมไขกระดูกที่เหมาะสม
ประธานของมูลนิธิคุณดนิดาอายุก็มากแล้ว แต่ทั้งชีวิต นี้ของเขาก็ทำแต่งานกุศล วิ่งเต้นบากบั่นเพื่อเด็กๆนี้ก็คือ ความรักที่ยิ่งใหญ่ ประธานของมูลนิธิคุณดนิดาต้องชีวิต ยืนยาวแน่
ตอนไม่สบายตรงไหนก็ต้องการเงิน เรื่องนี้วันสารู้อยู่ แล้ว เพราะอย่างนี้เธอถือเก็บเงินทุกอาทิตย์ไว้ แล้วเอา มาบริจาคให้พวกเด็กๆ นี่คือน้ำใจอันเล็กน้อยของเธอ
ยังจำได้ตอนที่เธอเพิ่งจะถูกปยุตรับกลับบ้าน ก็ไม่สบาย ขึ้นมา โรคปอดบวมไข้สูง
ตอนนั้นวงศ์ตระกูลเดิมขุนทดยังไม่ค่อยรวย วราลีเลย รู้สึกว่าเธอเป็นตัวซวยๆ ยังต้องใช้เงิน เลยอยากให้คุณอา ส่งฉันกลับไป ไม่งั้นเขาก็จะหย่า ทะเลาะกันหนักมาก ตี โพยตีพายโวยวาย การเล่นกลพวกนี้ใช้หมดเลย
ยังดีตอนนั้นอายังถือว่ามีคุณธรรม รอเธอหายแล้วค่อย ปล่อยเธอไว้ที่สถานสงเคราะได้ระยะหนึ่ง นี่ก็คือพรหม ลิขิตของสถานสงเคราะกับเธอ อันที่จริงอยู่สถานสงเครา ะมาปีหนึ่งแต่กลับมีความสุขกว่าตอนอยู่วงศ์ตระกูลเดิม ขุนทด
เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้าถึงต้องได้ไม่มีที่พึ่งพักพิงและ ถูกหยอกเย้าชะตากรรม? วัจสานึกถึงเมื่อกี้ตอนที่ออก จากวงศ์ตระกูลเดิมขุนทด ทยิดาพูดอย่างเหี้ยมโหดว่าทั้งชีวิตนี้ของเธอ เตรียมตัวอยู่วงศ์ตระกูลศรีทองไปอย่าง เดี๋ยวดายไปจนแก่เฒ่า เธอไม่สมควรและจะไม่ได้รักจาก ใคร
คำพูดนี้ มันทำให้เธอกลัดกลุ้งและเจ็บใจยิ่งกว่าการ ประชดประชัน มันก็เหมือนคำสาปแช่ง ยังไงตัวเองก็หลบ พ้นจากชะตากรรมแบบนี้ไม่ได้หรอก เพราะเกลียดชัง เลยอดทนไม่ได้
แต่ว่านึกถึงวรพลที่เอาใจใส่เธอ ถ้าได้ดูแลเขาทั้งชีวิต มันก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องทำอะไรที่เรื่อง… ขอแค่วรพล สุขภาพร่างกายค่อยๆดีขึ้น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ