ระเริงไฟใต้ตะวัน

๔.๑ บุษบงเริงไฟ



๔.๑ บุษบงเริงไฟ

บุษบงเริงไฟ

ร่างอรชรในชุดเดรสคอกลมแขนกุดสีครีม ผูกเอวหลวมๆ ด้วยสายคาดเล็กๆ สีน้ำเงินกรมท่า ชายกระโปรงที่สั้นเหนือเข่า เล็กน้อยไหวตามจังหวะการก้าวเดินของขาที่ยังลงน้ำหนักได้ไม่ สมบูรณ์นัก บริเวณหัวเข่ายังมีรอยเขียวซึ่งเกิดจากการชน ขอบโต๊ะกระจกเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา

อันนาเปิดรอยยิ้มให้ เมื่อเห็นมณีบุษราเดินตรงเข้ามาในห้อง รับประทานอาหารแต่แล้วก็หน้าเลื่อนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทาง เดินกะโผลกกะเผลกของหญิงสาว

“นั่นเขาไปโดนอะไรมาดะคุณบัว

“โดน เอ่อ พอดีฉันลื่นล้มในห้องน้ำน่ะจ้ะอันนา” มณีบุษราไม่ ได้ตอบไปตามความจริงเพราะเกรงว่าอันนาจะสงสัยว่าเธอลงมา ทําอะไรดึกๆ กับเฮกเตอร์จนเกิดอุบัติเหตุแบบนี้

“ห้องน้ำลื่นเหรอคะ สงสัยห้องน้ำจะไม่สะอาดเดี่ยวดิฉันจะให้ แม่บ้านไปขัดให้นะคะ”

“ไม่ใช่หรอกจ้ะ พอดีฉันซุ่มซ่ามเอง” หญิงสาวรีบห้ามไว้เพราะ ไม่อยากทําให้ใครเดือดร้อน
“แต่นี่หัวเข่าคุณบวมมากเลยนะคะ เรียกหมอมาดูหน่อยไหม คะ”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะอันนา เดี๋ยวก็หาย ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากระ หน่อย” ริมฝีปากสีระเรื่อยิ้มแย้มสดใสเพื่อยืนยันให้อันนา สบายใจ

“ถ้าอย่างนั้นคุณบัวจะทานอาหารเช้าเลยไหมคะ”

“ทานเลยก็ได้จ้ะ แล้วเอ่อ…” มณีบุษราอีกๆ อักๆ เพราะ กระดากปากที่จะเอ่ยถามถึงเขา

“คุณเฮกเตอร์เหรอคะ” อันนาเหมือนจะรู้ว่ามณีบุษรากำลังจะ ถามถึงใคร “คุณเฮกเตอร์ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะค่ะ เช้านี้คุณ บัวต้องทานอาหารคนเดียว”

“ไปไหนเหรอจ๊ะ”

“เห็นว่าจะไปตรวจความเรียบร้อยของกาสิโนค่ะ”

“งั้นเหรอ”

“เสียดายจังเลยค่ะ คุณเฮกเตอร์กับคุณบัวเลยไม่ได้รับ ประทานอาหารร่วมกันสักที” อันนาบ่นเรื่อยเปื่อยไปตามประสา คนรับใช้ แต่มณีบุษรากลับนึกโล่งอกเพราะยังไม่อยากจะเผชิญ หน้ากับเขาเท่าไหร่นัก

เช้านั้นเป็นอีกวันที่มณีบุษรารับประทานอาหารตามลำพังโดย มีอันนายืนอยู่ข้างๆ โต๊ะอาหารเพื่อหญิงสาวจะต้องการอะไรเพิ่มเติม
“แล้ว คุณบัวทายาบ้างหรือยังคะ” อันนาเอ่ยถามหลังจากมณี บุษรายกแก้วนขึ้นดื่ม

“ทาแล้วจ๊ะ”

“ดิฉันขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้จัดยาไปไว้ในห้องให้ คุณบัว เลยต้องได้เดินลงมาเอาที่ชั้นล่างเอง เดี๋ยววันนี้ดิฉันจะจัดยาขึ้น ไปใส่ในตู้ยาไว้ให้นะคะ”

“เธอว่าอะไรนะอันนา ข้างล่างมียาด้วยเหรอ” คิ้วเรียวสวย ขมวดปมเป็นโบผูกผมเมื่อได้ยินประโยคนั้น แสดงว่าเมื่อคืนนี้ เธอถูกคนเจ้าเล่ห์นั่นหลอกให้เข้าห้องเขาน่ะสิ

“ใช่ค่ะ ตู้ยาอยู่ในห้องโถงใกล้ๆ ห้องนั่งเล่นน่ะค่ะ แล้วเมื่อคืน คุณบัวไปเอายาที่ไหนคะ” อันนาถามกลับ

“เอ่อ…” มณีบุษราพูดไม่ออก

“อ๋อ คงไปขอให้องคุณเฮกเตอร์ใช่ไหมคะ”

คำพูดของอันนาเฉียดความจริงซึ่งผิดตรงที่มณีบุษราไม่ได้ไป ขอแต่ถูกหลอกให้ไปทายาในห้องเขาต่างหาก เรียวปากรูป กระจับเม้มเข้าหากันด้วยความเจ็บใจที่ตัวเองเสียรู้ คนอะไร ร้ายกาจที่สุด ร่างบางลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารกลับขึ้นไปห้องตัวเอง อีกครั้ง หยิบเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มองซ้ายแลขวา เมื่อเห็นว่ายังไม่มีแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดจึงรีบเร้นกาย เข้าไปในห้องของเฮกเตอร์ คราวนี้เธอไม่ได้ถูกหลอกให้เข้าไป แต่เข้าไปด้วยความเต็มใจ แต่คนที่จะไม่เต็มใจก็คือเจ้าของห้อง ต่างหาก…
อารมณ์ของมณีบุษราดีขึ้นหลังจากกลับออกมาจากห้องของเฮ กเตอร์ หญิงสาวลงไปขลุกตัวอยู่ในห้องนั่งเล่นเพื่อรอผู้เป็น มารดากลับมา จนกระทั่งใกล้เที่ยงก็มีเสียงรถมาจอด เรียวปาก นุ่มคลี่ยิ้มอย่างดีใจ รีบดีดตัวขึ้นจากโซฟาแล้วก้าวเท้าเล็กๆ ออกไปที่หน้าคฤหาสน์

รอยยิ้มที่เกลื่อนอยู่ทั่วใบหน้าค่อยๆ จางลงเมื่อเห็นคนที่ก้าว ลงมาจากรถถนัดตา ร่างอรชรหมุนตัวจะกลับเข้าไปข้างในเช่น เดิม แต่ร่างสูงก้าวยาวๆ มาขวางหน้าไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวก่อน แม่ชีน้อยจะรีบไปไหนล่ะ คุณไม่ได้มารอผมหรอก เหรอ”

“เปล่าค่ะ ฉันมารอแม่กับคุณลุง” มณีบุษราเสียงแข็งเพราะยัง ฉันไม่หายที่ถูกเขาหลอกเอาเมื่อคืนนี้

“ว้า…ผิดหวังชะมัด” ปากบอกว่าผิดหวังแต่นัยน์ตาทอ ประกายแวววาวชอบกลขณะกวาดมองเรือนร่างอรชร “วันนี้คุณ แต่งตัวสวยดีนะ แต่เขายังดูบวมๆ อยู่เลย แล้วทายาหรือยัง

ทาแล้วค่ะ ยาอยู่แค่ในห้องโถงเองนี่คะ” เสียงใสตวัดสูงขึ้น ในตอนท้ายพร้อมกับหลิ่วตามองใบหน้าหล่อเหลาเป็นเชิงบอก ให้รู้ว่าเมื่อคืนถูกเขาหลอกเต็มๆ หากแต่เฮกเตอร์ไม่ได้มีท่าที เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด

“ยาข้างล่างไม่ดีเท่ากับยาในห้องผมหรอกบัว”

หญิงสาวมีอาการคอแข็งเล็กน้อย “ฉันแค่เจ็บเข่าค่ะ ไม่ได้ ป่วยร้ายแรงจนต้องใช้ยาดีของคุณ
“นี่ไม่ซึ้งเลยเหรอทูนหัว คนอุตส่าห์หวังดีนะ อยากให้ทายา จะได้หายไวๆ ไง”

“ซึ้งสิคะ ซึ่งว่าคุณมันเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน” ใบหน้าเรียวเล็ก เชิด นอวดแก้มเนียนใสจนคนมองนึกอยากจะจูบให้สมรัก…สม รักอย่างนั้นหรือ พญาเหยี่ยวแดงชะงักไปชั่วขณะ ไม่หรอกน่า แค่ อยากได้ก็เท่านั้นเอง

“ขอบคุณที่ชมนะที่รัก”

“คนอะไรหน้าทนที่สุด”

“อย่างอื่นก็ทนนะ ลองไหม” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงล้อเลียน และท้าทายระคนกัน

“บ้า!” เสียงหวานแหวกลับไปทันที ใบหน้าแดงดั่งลูก มะเขือเทศสุก คนอะไรคิดแต่เรื่องพรรค์นั้น

“ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้นล่ะแม่ชีน้อย” เขากระดกมุมปาก

ยิ้มยียวน “ผมยังไม่ได้บอกเลยนะว่าเรื่องอะไร

“คนอย่างคุณจะมีเรื่องอะไรนอกจากเรื่องอื่นๆ

“มานั่งอยู่ในใจผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงได้รู้ใจนัก แบบนี้ เห็นทีต้องหารางวัลให้สักหน่อยแล้วมั้ง” น้ำเสียงของเฮกเตอร์ เต็มไปด้วยความรื่นรมย์

“กรุณาหลีกทางด้วยค่ะ ฉันจะเข้าบ้าน” มณีบุษราตัดบทห้วนๆ ไม่อยากคุยกับเขาแล้ว ยิ่งคุยก็ยิ่งเสียเปรียบ แต่ร่างสูงยังคงยืน ปักหลักอยู่ที่เดิมไม่มีทีท่าว่าจะทำตามที่เธอร้องขอแต่อย่างใดร่างอรชรจึงขยับไปทางขวา เขาก็ขยับตาม พอขยับไปทางซ้าย เขาก็ยังขยับไปขวางหน้าอีกอยู่ดี

หญิงสาวสูดหายใจลึก เม้มปากแน่น เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ ขุ่นเคืองที่แล่นขึ้นมากระจุกอยู่ที่อก ให้มันไหลย้อนกลับลงไป

“หลีกไปนะคะคุณเฮกเตอร์”

“พอดีผมไม่ชอบให้คนอื่นออกคำสั่งกับผมนะทูนหัว ผมชอบ ให้พูดหวานๆ ด้วยมากกว่า พูดกับผมดีๆ แล้วจะหลีกทางให้ หรือจะให้อุ้มเข้าไปส่งด้วยก็ยังไหว” เฮกเตอร์พูดเสียงนุ่ม ตา วาวๆ หลุบลงมองเรียวปากรูปกระจับจนมณีบุษรารู้สึกหน้าร้อน กับประกายตาสีน้ำเงินที่จ้องมองมายังเธออย่างไรพิกล ถึงเธอจะ ไม่ใช่คนก้าวร้าวและอ่อนโยนกับคนรอบข้างอยู่เสมอ แต่ก็ไม่คิด จะออดอ้อนจอมวายร้ายอย่างเขาหรอก

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่หลีกก็ไม่หลีก” เสียงหวานพูดเนิบๆ แล้วหมุน ตัวหันหลังกลับหมายจะเดินออกไปนอกคฤหาสน์แทน หากแต่ มือใหญ่รีบเอื้อมมาตั้งต้นแขนกลมกลึงเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวสิบัว”

“ปล่อยฉันค่ะ” ดวงตาเรียวหวานตวัดมองเขาอย่างไม่พอใจ

“แค่จับแขนแค่นี้มันจะเป็นอะไรนักหนาล่ะบัว

“คุณจะเอายังไงกับฉันบอกมาสิคะ หรือคิดว่าตัวเองเป็น เจ้าของบ้านแล้วจะทำยังไงกับฉันก็ได้ คุณไม่ใช่สุภาพบุรุษ หยาบคาย ชอบรังแกผู้หญิง ฉันไม่อยากให้คุณมาแตะต้องตัวฉัน”

เฮกเตอร์แทบจะยกมือขึ้นกุมขมับ ให้ตายเถอะ เธอบอกว่า ไม่ใช่แม่ชีแต่ทำไมถึงได้ทำท่าเย่อหยิ่งหวงเนื้อหวงตัวกับเขา แบบนี้ ไอ้ที่หวงกับผู้ชายคนอื่นมันก็โอเคอยู่หรอก แต่ขอเถอะ แม่คุณอย่ามาทำท่าเช่นนี้กับเขาได้ไหม นี่เขาพญาเหยี่ยวแดง ผู้ทรงเสน่ห์เชียวนะ เดินไปไหนก็มีแต่สาวๆ ทั้งสายตาให้ ไม่เคย คิดจะง้องอนผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่เธอทำท่าเหมือนเขาเป็น กิ้งกือไส้เดือนก็ไม่ปาน เดี๋ยวพ่อโมโหมากๆ เข้าก็จัดการปล้ำทํา เมียให้รู้แล้วรู้รอดซะหรอก ตัวเล็กๆ หน้าอกอิ่มๆ แบบนี้ยิ่งไม่ ค่อยได้เจออยู่ด้วย อ้าว…เฮ้ย! แต่เขายังไม่อยากมีเมียนี่หว่า หรือว่าน้องสาวนอกไส้ของเขามีเวทมนตร์ด้วยถึงได้ทำให้ความ เป็นตัวตนของเขารวนได้ขนาดนี้

…โอวไม่! นี่เราโดนแม่ชีน้อยร่ายมนตร์ใส่อย่างนั้นหรือ??…..

ยังไม่ทันที่เฮกเตอร์จะหายจากอาการงุ่นง่าน รถลีมูซีนคันหรู แล่นมาจอดยังหน้าคฤหาสน์ เซอร์เกก้าวลงมาจากรถพร้อมกับ อาภาศิริ บุรุษสูงวัยกว่าเปิดยิ้มอย่างดีใจที่เห็นลูกชายคนเดียว ยืนอยู่กับมณีบุษรา

“ไงเจ้าลูกชาย มาได้ไง ไหนบอกว่าจะมาเดือนหน้า” เซอร์เก ทักทายเฮกเตอร์ก่อน

“ได้ยินข่าวว่าแดดแต่งงานใหม่ ผมก็เลยจะมาแสดงความ ยินดีสักหน่อย” บอกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเจตนาตอน แรกของเขาไม่ใช่เช่นนี้ นัยน์ตาคมเข้มมองไปทางสตรีที่ยืนอยู่ข้างๆ บิดาของตัวเอง หน้าตาของเธอละม้ายคล้ายกับมณีบุษรา มาก ถึงจะมากวัยแล้วแต่ยังดูสะสวยและสง่างามอย่างหาที่ดีไม่

“นี่คุณอาภาศิริ ภรรยาของแดดเอง”

“ยินดีต้อนรับครับมาดามอิวานโนวิช” พญาเหยี่ยวแดงโค้ง ศีรษะลงเล็กน้อย

“สวัสดีค่ะคุณเฮกเตอร์ ตัวจริงหล่อกว่าที่คิดไว้เสียอีกนะคะ” อาภาศิริกล่าวทักทายตอบพร้อมกับยิ้มให้

“ส่วนนั่นหนูบัวลูกสาวของคุณอาภาศิริ” เซอร์เกแนะนำมณีบุษ ราให้เฮกเตอร์รู้จักต่อ

“เรารู้จักกันแล้วล่ะครับแดด และตอนนี้เราสองคนก็สนิทกัน มากพอสมควร” เขาเน้นคำว่า “สนิท แล้วหันมามองร่างเล็กที่ยืน ทำหน้านิ่งเฉยอยู่ข้างๆ

“แล้วนี่จะอยู่นานไหม”

“ไม่รู้สิครับแด๊ด ทำไมเหรอ?”

เซอร์เกกับอาภาศิริหันไปสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “แก๊ ดกับคุณอาภาศิริจะไปฮันนีมูน ว่าจะให้แกช่วยดูแลหนูบัวแทน

“ได้สิครับแด๊ด ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เฮกเตอร์แบมือยักไหล่ใน ท่าทางแบบสบายๆ
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณลุง บัวอยู่ได้ค่ะ” คนที่ยืนเงียบมากได้สัก พักก็โพล่งเสียงขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจ ซึ่ง นั่นทำให้ริมฝีปากหยักได้รูปของอีกคนกระตุกยิ้มยวนยั่วเป็นเชิง เจ้าเล่ห์ทันที

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่าทูนหัว เราคนกันเองทั้งนั้น

มณีบุษราแทบจะยังเสียงกรี๊ดเอาไว้ไม่อยู่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิด อยากจะกรี๊ดมาก่อนในชีวิต เฮกเตอร์เรียกเธอว่า “ทูนหัว ต่อ หน้าลุงเซอร์เกและแม่ของเธออย่างคล่องปาก แล้วแบบนี้ผู้ใหญ่ ทั้งสองจะคิดยังไง โอ๊ย…อยากจะหาอะไรมาตัดลิ้นคนช่างพูด นัก!

“ให้เฮกเตอร์อยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะหนูบัว ลุงจะได้สบายใจ “นั่นน่ะสิบัว แม่ไม่อยากให้บัวอยู่คนเดียว แม่เป็นห่วง” อาภา ศิริสนับสนุนอีกแรง แล้วแบบนี้มณีบุษราจะไปแย้งอะไรได้กันเล่า

“ตกลงตามนั้นนะบัว ผมว่างน่าไม่ต้องเกรงใจหรอก”

ดวงตาเรียวหวานหันขวับไปมองคนพูดอย่างเคืองขุ่น เฮก เตอร์แลเห็นความโกรธกรุ่นที่ฉายชัดออกมาจากดวงตาของเธอ แต่เขากลับขยิบตาพร้อมกับยิ้มที่มุมปากด้วยความระรื่น มณีบุษ ราทําอะไรไม่ได้นอกจากพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ให้ดีที่สุด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ