ระเริงไฟใต้ตะวัน

๒.๒ น้องสาวนอกไส้



๒.๒ น้องสาวนอกไส้

แสงแดดที่อบอุ่นในยามเช้าส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามา เพียงนิด หากแต่ก็มากพอจะทำให้แพขนตางอนยาวเริ่ม ขยุกขยิกและค่อยๆ เปิดขึ้นทีละน้อยจนกระทั่งเต็มตา เจ้าของ ใบหน้าสวยหวานเหลือบมองไปยังนาฬิกาเรือนหรูข้างผนังซึ่ง กําลัง บอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสิบโมงเช้าแล้ว นี่เป็นครั้ง แรกในรอบหลายปีที่มณีบุษราตื่นสายขนาดนี้ หญิงสาวบอกตัว เองว่าคงเป็นเพราะอ่อนเพลียจากการเดินทางและร่างกายต้อง ปรับตัวเข้ากับเวลาของทวีปใหม่

ร่างอรชรประสานฝ่ามือเข้าหากัน พลางเหยียดตรงขึ้นไป เหนือศีรษะเพื่อบิดไล่ความขี้เกียจ ก่อนจะสะบัดผ้าห่มออก พาตัว เองไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วก็เดินลงไปชั้นล่าง บรรยากาศบริเวณห้องโถงค่อนข้างเงียบเชียบมีเพียงแม่บ้าน และสาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดอยู่เท่านั้น มณีบุษราจึงนึกได้ ว่าวันนี้เซอร์เกกับแม่ของเธอออกไปเที่ยวที่ซูโบติกาด้วยกัน

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณบัว” อันนาเอ่ยทักทายพร้อมกับเอามือ ประสานกันแล้วโค้งศีรษะให้อย่างนอบน้อมเมื่อเห็นหญิงสาวยืน ทําท่าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว

“ไม่อรุณแล้วจ้ะอันนา นี่สายมากแล้ว” มณีบุษราตอบกลับ อย่างล้อๆ ด้วยรอยยิ้มสดใสจนอันนาต้องยิ้มตาม

“คุณบัวจะทานอาหารเช้าเลยไหมคะ”

“ยังดีกว่าจ้ะ เอาไว้ตอนเที่ยงมื้อเดียวเลยล่ะกัน ว่าแต่คุณลุง กับคุณแม่ออกไปนานหรือยัง

“ไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ นายท่านสั่งกำชับให้ดิฉันดูแลคุณบัว เป็นอย่างดี เมื่อเช้าว่าจะขึ้นไปปลุกมาทานอาหารเช้าแต่เกรงว่า คุณบัวจะยังไม่ตื่นน่ะค่ะ”

“ขอโทษด้วยจ้ะอันนา ฉันสัญญาว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปฉัน จะตื่นแต่เช้าและจะลงมารับประทานอาหารให้ตรงเวลาโดยไม่ ให้เธอหรือใครต้องขึ้นไปปลุกแน่นอนจะ

“ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณบัวพักผ่อนตามสบายนะคะ ประเดี๋ยว

เที่ยงดิฉันจะตั้งโต๊ะอาหารรอค่ะ”

“ขอบใจจ้ะ”

จากนั้นมณีบุษราออกไปปั่นจักรยานเล่นรอบๆ คฤหาสน์ มอง ดูต้นไม้ใบหญ้ารวมถึงความร่มรื่นของสนามหญ้า แล้วจึงกลับ เข้ามาข้างในเมื่อได้เวลาอาหารเที่ยง เธอนั่งรับประทานอาหารและชวนอันนาซึ่งมายืนรอ อ่านวยความสะดวกคุยกันอย่างสนุกสนาน ทำให้สาวใช้ผมสี น้ำตาลหยักศกรู้สึกชอบความร่าเริงสดใสที่มีอยู่ในตัวของมณี บุษรามากยิ่งกว่าเดิม

เวลา 13.45 น. สนามบินนานาชาติกรุงเบลเกรด

เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวราคาเฉียดสามพันล้านดอลลาร์ พรั่ง พร้อมไปด้วยการตกแต่งที่หรูหราสะดวกสบายสมฐานะเจ้าของ ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีในระดับซูเปอร์วีไอพี บินตรงมาจาก สหรัฐอเมริกา ก่อนจะลดระดับเพดานบินและร่อนลงจอดอย่าง นุ่มนวลเมื่อถึงสนามบินนานาชาติของกรุงเบลเกรด ร่างสง่างาม ในชุดสูทเทาบรอนซ์แบรนด์ดังหรูหราของดีไซเนอร์ชื่อดังระดับ โลกก้าวลงมาจากตัวเครื่องด้วยท่วงท่าที่มาดมั่นประดุจดั่งพญา เหยี่ยวแดงซึ่งกำลังสยายปีกอวดรัศมีความน่าเกรงขามให้ทั่วผืน ปฐพีได้ย่าเกรง

เฮกเตอร์ อิวานโนวิช ชายหนุ่มวัยสามสิบสองกะรัตลูกครึ่ง อเมริกัน-เซอร์เบีย เจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลของวงการสายการบิน และกาสิโน โรยัล บุรุษผู้นี้ภายนอกดูทรงเสน่ห์ร้อนแรงเสมือน เปลวเพลิงที่พร้อมจะเผาผลาญให้อิสตรีน้อยใหญ่ให้มอดไหม้ หรือศิโรราบแทบเท้าของเขาอย่างง่ายดายเพียงแค่เขาทิ้งหาง ตามองให้ หากแต่ภายในกลับเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งขั้วโลกและหวงความโสดยิ่งกว่าชีวิต

นอกจากเฮกเตอร์จะหล่อเหลาราวกับเทพเจ้าแห่งสายฟ้าอย่าง ธอร์แล้ว เขายังร่ำรวยล้นฟ้าอีกด้วย ว่ากันว่าเงินของเขานั้น สามารถเอาไปเรียงต่อกันล้อมโลกทั้งใบได้ถึงสามรอบ

ทันทีที่ร่างกายเจ้าของความสูงหกฟุตสามนิ้วลงมายืนที่พื้น บอดี้การ์ดรูปร่างสูงสมาร์ตอีกเกือบสิบคนก็เข้ามาขนาบข้างซ้าย ขวาเป็นรูปตัวเฮซ สุภาพบุรุษมาดเจมส์ บอนด์เหล่านั้นเดินคุ้ม กันผู้เป็นเจ้านายไปเรื่อยๆ ด้วยท่าทีที่พร้อมจะปกป้องเสมอ จน กระทั่งถึงรถคันหรูที่เปิดประตูรอรับเขาอยู่แล้ว มือหนากระชับ เสื้อสูทเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะตวัดลำขาแข็งแรงขึ้นไปนั่งบน เบาะหลังของรถ แว่นตาสีชาที่บดบังดวงตาสีน้ำเงินถูกถอดออก จากนั้นเจ้าตัวจึงพลิกข้อมือมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาฝังเพชร ซึ่งมีเพียงสิบเรือนในโลกขณะที่รถคันนั้นเริ่มเคลื่อนตัวออกจาก สนามบิน

เฮกเตอร์สั่งให้เครื่องบินส่วนตัวบินตรงจากอเมริกามาเซ อร์เบียทันทีที่คนของเขาโทร.ไปรายงานว่า เซอร์เกแต่งงานใหม่ กับผู้หญิงชาวเอเชียและหอบหิ้วกันมาอยู่คฤหาสน์หลังงามใน เบลเกรด โดยที่ไม่ได้คิดจะบอกกล่าวหรือหารือกับเขาเลยสักนิด ทั้งๆ ที่กำลังยุ่งแสนยุ่งกับธุรกิจในอเมริกาแต่เขาก็ต้องเดินทางมาให้เห็นกับตา และอาจจะต้องจัดการบางอย่าง เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เรียบร้อย

ความหงุดหงิดทำให้เขาเหวี่ยงเสื้อสูทราคาแพงลิบลิ่วทิ้งไปไว้ เบาะข้างๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวเม็ดบนอวดแผงอกแกร่งที่ ประดับด้วยไรขนเป็นแนวและพับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอก และ ตอนนั้นเองที่ท่าทางของเขาดูสบายๆ มากขึ้น ทว่าร่างใหญ่ก็ยัง คงมีบุคลิกอันน่าเกรงขาม ในสายตาของคนอื่นๆ อยู่ดี

เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดยังหน้าคฤหาสน์บรีซไวท์ ร่างสูงก็ก้าว เท้านุ่มๆ เข้าไปในคฤหาสน์ทันที เหล่าบรรดาแม่บ้านพ่อบ้าน และสาวใช้ทั้งหลายต่างต้องรีบโค้งตัวให้อย่างนอบน้อม และอด ไม่ได้ที่จะมองตามด้วยความประหลาดใจเพราะเจ้านายหนุ่ม กลับมาโดยไม่บอกใครล่วงหน้า หัวหน้าแม่บ้านทำท่าจะเดิน ตามเข้าไปรับใช้ แต่มือใหญ่ยกขึ้นโบกเป็นเชิงบอกว่าไม่ ต้องการอะไร

“แด๊ดล่ะ” เสียงทุ้มถามติดขรึมผิดกับบุคลิกขี้เล่นที่คนใน คฤหาสน์เห็นจนชินตา

“นายท่านออกไปกับมาดามตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ อยู่แต่คุณหนู ลูกสาวของมาดามค่ะ”

ประโยคดังกล่าวทำเอาดวงตาคมกริบดั่งเหยี่ยวแดงวาวโรจน์ขึ้นฉับพลัน

“แล้วตอนนี้แม่นั่นอยู่ที่ไหน

“อยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ” แม่บ้านรีบบอกเพราะรู้ดีว่าตอนนี้เจ้า นายอยู่ในภาวะที่ไม่สบอารมณ์กับอะไรบางอย่าง

ในห้องนั่งเล่น ร่างอรชรกำลังนอนราบคว่ำหน้ากับโซฟาใหญ่ หนานุ่ม นิ้วเรียวกำลังกดเลื่อนหน้าจอไอแพด ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ อย่างสบายอารมณ์จนไม่รู้ว่าบัดนี้ตัวเองไม่ได้อยู่เพียงลำพังในที่ รโหฐานแห่งนั้นแล้ว

เท้าที่กำลังก้าวเข้ามาด้วยท่าที่คุกคามต้องชะงักศึก! เมื่อตา สะดุดกับบั้นท้ายกลมกลึงที่แอ่นโค้งขึ้นอย่างได้รูปของคนซึ่ง นอนอยู่ กางเกงขาสั้นที่เจ้าตัวสวมอยู่นั้นแนบเนื้อแม้จะไม่ถึงกับ สั้น แต่ก็ชวนมองไม่น้อย คล้ายกับเจ้าตัวจงใจใส่มันเพื่อโอ้อวด ความขาวเนียนของเรียวขาราวกับรู้ว่าต้องมีคนมองอย่างชื่นชม เป็นแน่

“เป็นคุณหนูในคฤหาสน์หลังใหญ่น่าสบายดีนี่”

เสียงทุ้มน่าฟังซึ่งสมกับใบหน้าหล่อเหลาดังขึ้น ทำให้มณี บุษราละความสนใจจากหน้าจอไอแพด พลางรีบพลิกตัวผุดลุก ขึ้นยืน แล้วจึงรีบแหงนเงยมองเจ้าของเสียงทันที ชั่ววินาทีนั้น เลือดสาวฉีดพล่านไปทั้งตัว ร่างกายมีนชาราวกับมีกระแสไฟแรงสูง ไหลผ่านยามเมื่อสบประสานสายตากับดวงตาสีน้ำเงินของคน ตรงหน้า

ร่างกายก่ายาพร่างพรมด้วยกลิ่นน้ำหอมชั้นเลิศ เขาสูงมาก เสียจนมณีบุษรารู้สึกเหมือนตัวเองเล็กจ้อยร่อยลงไปถนัดตา ใบหน้าหล่อเหลาดูเรียบเฉยเย็นชา ประดับด้วยนัยน์ตาสีน้ำเงิน จมูกโด่งคนเป็นสัน ริมฝีปากแสนหยิ่งผยองหยักลึกได้รูปงาม ไม่ บางหรือหนาจนเกินไป บ่งบอกถึงนิสัยที่ทะนงตนของเจ้าตัวได้ เป็นอย่างดี บริเวณขากรรไกรเป็นวันที่มีไรเราเขียวจางๆ นั้น ถูกสร้างมาให้เขาเป็นบุรุษที่หล่อเหลาสมบูรณ์แบบ ดวงตาคม เข้มยาวรีที่กำลังจ้องมายังเธอฉายแววเร่าร้อนเสมือนเปลวเพลิง ทำให้มณีบุษรารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว หรือถ้าเธอเป็นขี้ผึ้งอาจ จะหลอมละลายกลายเป็นของเหลวไปแล้วก็ได้

“ส…สวัสดีค่ะ” เจ้าของเสียงหวานรีบเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก ครั้นรู้ว่าตนเองมองเขานานเกินไปแล้ว

เฮกเตอร์กวาดมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรด ปลายเท้าอย่างไม่เกรงใจ ความสูงของเธอคงประมาณร้อยหก สิบห้าเซนติเมตรน่าจะได้ ผมสลวยสั้นตัดเป็นทรงบ๊อบแบบ หน้าม้าปาด ใบหน้ารูปหัวใจเนียนใสเป็นธรรมชาติ นัยน์ตาขลับเรียวเจือไว้ด้วย อาการตื่นตระหนกเหมือนลูกสมันน้อย จมูกโด่งเรียวรั้นรับด้วย ริมฝีปากเรียวบางรูปกระจับสีชมพูมันวาว ดูอ่อนวัยแต่ทว่าดึงดูด จนเฮกเตอร์ไม่อาจละสายตาไปจากความสดใสนั้นได้ง่ายๆ

เขาคิดว่าเด็กสาวคนนี้คงอายุไม่เกินสิบแปดปี ส่วนที่โดดเด่น ที่สุดบนร่างอ้อนแอ้นของเธอคงจะเป็นทรวงอกอันอะร้าอร่าม ยวนใจซึ่งพุ่งโซนดันเสื้อยืดขึ้นมาจนเห็นความกลมกลึงได้อย่าง ละลานตา ดังนั้นสายตาคมกริบจึงอ้อยอิ่งอยู่ตรงส่วนนั้นเสียนาน จากการประเมิน ‘ขนาด’ ด้วยสายตาอันเชี่ยวชาญเรื่องสรีระของ สตรีเพศ ดอกบัวคู่ที่เธอแบกรับน้ำหนักอยู่นั้นคงเป็นคัพซีซึ่งหา ได้ยากชะมัดเชียวล่ะในสาวเอเชียที่เขาเคยลิ้มลองมาก่อนหน้านี้ ผิดกับเอวที่เล็กคอดลาดลงไปยังสะโพกผายกว้างเป็นรูปนาฬิกา ทราย รับด้วยช่วงขาซึ่งเรียวยาวสลักเสลาราวกับแท่งเทียน ผิว กายส่วนที่โผล่พ้นออกมานอกร่มผ้าก็เปล่งปลั่งขาวสะพรั่งน่าจับ ต้องทุกสัดส่วน

ภาพนั้นมันทำให้เขานึกอยากจับเธอปอกเปลือกออก จนเหลือ แต่ความขาวละมุนเหมือนกล้วยหอม และจากนั้นก็จะค่อยๆ ละเอียดกินเธอเป็นอาหาร!?…

เฮกเตอร์ปล่อยให้ความปรารถนาภายในลุกโชติช่วงเต็มที หากปากกลับถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเข้มงวดและดุดัน

“เธอชื่ออะไร คงเป็นลูกติดแม่เลี้ยงของฉันสินะ

“ดิฉันชื่อมณีบุษราเป็นลูกสาวภรรยาของคุณลุงเซอร์เกค่ะ”

ถึงแม้พวงแก้มเนียนใสทั้งสองข้างจะแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระ เรือเพราะอายที่ถูกมองอย่างสำรวจตลอดร่าง แต่ริมฝีปาก งดงามราวกับกลีบกุหลาบก็แย้มเปื้อนเอ่ยแนะนำตัวเองกับผู้มา ใหม่ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ท่าทางวางอำนาจและใบหน้าที่หล่อ เหลาทรงเสน่ห์ของเขาทำให้เธอพอจะเดาได้ว่าบุรุษผู้นี้คงจะเป็น ใครไปไม่ได้นอกจาก…เฮกเตอร์!

“ไม่ทราบว่ามาทําอะไรที่นี่ หรือว่าตามแม่มาเรียนต่อปริญญา ตรีทีเซอร์เบีย แล้วมหาวิทยาลัยดีๆ ที่ประเทศไทยไม่มีให้เรียน หรือไง”

คนที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่าและมีนิสัยกะลิ้มกะเหลี่ย ชอบ ปากหวานใส่สาวๆ อยู่เป็นเนืองนิตย์พ่นคำพูดระรานใส่ ‘เด็ก อย่างไม่คิดจะรักษาน้ำใจ ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของเธอจะน่าหม่ำ เอ๊ย น่าเอ็นดูมากก็เถอะ หากแต่สถานะของน้องนอกไส้มันทำให้ เขาไม่ค่อยจะปลื้มสักเท่าไหร่

“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้คิดจะมาเรียนต่ออย่างที่คุณเข้าใจ ตอนนี้ดิฉันอายุยี่สิบสี่เรียนจบปริญญาโทแล้ว และมา ที่นี่ก็เพราะคุณลุงเซอร์เกชวนมา แม่ของฉันก็อยากให้มาอยู่เป็น เพื่อนท่านสักช่วงหนึ่งก็เท่านั้นค่ะ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์อย่างอื่น

คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันพลางยักไหล่อย่างเสีย ฟอร์มนิดๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เพลย์บอยตัวพ่ออย่างเฮกเตอร์ ประเมินอะไรที่เกี่ยวกับผู้หญิงผิดพลาด

เธออายุยี่สิบสี่ปีหรือนี่??

อย่างนี้เขาเรียกว่าหน้ามัธยม นมปริญญาโทนี่หว่า!

จากนั้นไหล่แกร่งก็ยกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำเงินของเขาเป็น ประกายวิบวับราวกับเมื่อครู่นี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียวมา ก่อน สัญชาตญาณนักล่าของเหยี่ยวแดงเริ่มทำงานอย่างเป็น อัตโนมัติ ถึงแม้เขาจะพยายามควบคุมมันเอาไว้แค่ไหนก็ตาม

“ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเธอเป็นน้องสาวของฉันน่ะใช่ไหม”

เฮกเตอร์เก๊กหน้าหล่อและส่งยิ้มที่สามารถละลายใจอิสตรีมา แล้วนักต่อนัก ให้คนร่างเล็กอย่างที่เคยทํากับสาวๆ อยู่เป็นประจํา หากทว่าเธอกลับไม่ได้มีท่าทางจะ หวั่นไหวไปกับเสน่ห์ของเขาเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังดูเฉยเมยเย็น ชาราวกับแม่ชีที่เก็บตัวอยู่แต่ในโบสถ์ ท่าทางแบบนั้นชวนให้ พญาเหยี่ยวแดงนึกอยากจะจับแม่สาวลึก แล้วพามาระเริงรัก กันบนเตียงแบบสุดเหวี่ยงขึ้นมาตงิดๆ

“ใช่ค่ะ และถ้าคุณจะคิดว่าดิฉันเป็นน้องสาวแท้ๆ ของคุณ จะ เป็นความกรุณาอย่างที่สุด

“ผมก็อยากจะคิดนะ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเราต่างก็รู้ อยู่แก่ใจว่าทั้งคุณและผมเกิดจากคนละพ่อคนละแม่ จริงไหมน้อง สาว….ที่รัก”

ประโยคหลังร่างสูงโน้มตัวลงมาพูดใกล้ๆ จนมณีบุษรารู้สึกได้ ถึงลมหายใจอุ่นๆ อย่างบุรุษเพศที่รวยรดลงมาบนผิวแก้มเนียน ใสของตัวเองให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์จนต้องรีบผงะออกห่าง

“คุณเฮกเตอร์!”

“ใช่นั่นล่ะชื่อผม เรียกซะเสียงดังเชียวกลัวจำไม่ได้หรือไง va…”

น้ำเสียงเขารื่นรมย์ขึ้นเมื่อเห็นว่าพวงแก้มนวลเนียนมีจุดสีแดง ปรากฏไปทั่ว อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อารมณ์จนเกินไป ไม่มีแบบนี้ ต้องเรียกว่ายั่วราคะได้อย่างดีเยี่ยมเชียวล่ะ แม่คุณเอ๊ย…
“แล้วคุณล่ะ ออะไร ผมหมายถึงชื่อเล่นนะ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ดวงตาวิบวับเป็นประกายจับแสง

“ชื่อบัวค่ะ”

“บัวเหรอ?” เฮกเตอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ชื่อเรียกยากชะมัด ขอเรียกว่าเบบี้แล้วกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นผุดพราย

“เห็นทีคงจะไม่ได้ค่ะ คำนั้นดิฉันสงวนไว้สำหรับคนพิเศษ

ริมฝีปากรูปกระจับที่เผยอบอกด้วยความห่างเหินและไว้ตัว หากแต่เป็นกิริยาที่ทำให้คนฟังอยากจะดึงร่างอรชรนั้นเข้ามาจูบ สั่งสอนซะให้เข็ดว่าไม่ควรจะกระด้างกับผู้ใหญ่แบบนี้

“ก็ผมนี่ไงคนพิเศษของคุณ อย่าลืมแม่น้อยว่าตอนนี้เราเป็น อะไรกัน” ชายหนุ่มหลุดปากเรียกเธอว่า ‘แม่ชีน้อย’ ตามบุคลิก ท่าทางที่เขาเห็น มือใหญ่จับคางมนและเขย่าเล่นคล้ายกับเกิด ความเอ็นดูสาวน้อยตรงหน้าขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน

ใบหน้าสวยหวานร้อนผ่าวแผ่ลามไปถึงลำคออย่างรวดเร็วกับ กิริยาสนิทสนมที่ชายหนุ่มแสดงออก กระแสบางอย่างพลันแล่น ปราศจากนิ้วของเขาเข้ามาหาปลายคางมนลงไปขมวดเป็น เกลียวแน่นที่ท้องน้อยและก่อให้เกิดความวาบหวิวซาบซ่าน มันเป็นปฏิกิริยาแปลกใหม่ ของร่างกายที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับมณีบุษรามาก่อนเลยสักครั้ง ผู้ชายคนนี้อันตรายเหลือเกิน เขาต้องรู้แหงล่ะว่าตัวเองหล่อเหลา เร้าใจแค่ไหนถึงได้ชอบปล่อยเสน่ห์เรี่ยราดแบบนี้ ซ้ำร้ายเสน่ห์ อันร้อนแรงของเขายังทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนน่าตกใจ คล้ายประหม่ากับการแตะเล็กต้องน้อยแบบนั้น หากแต่ความรัก นวลสงวนตัวที่มีอยู่อย่างล้นเปี่ยมและรู้ดีว่าอีกฝ่ายจงใจโปรย เสน่ห์ที่ทำให้มือบางรีบปัดมือใหญ่ออกราวกับเป็นของร้อน

“ขอโทษด้วยค่ะ ประเพณีไทยถือเรื่องการแตะเนื้อต้องตัว ระหว่างชายหญิงค่ะ

“หวงเนื้อหวงตัวแบบนี้ดูท่าคุณจะยังไม่เคย…เอ่อ ผมหมายถึง ยังไม่เคยมีแฟนน่ะ” เฮกเตอร์รู้สึกพอใจยังไงก็ไม่รู้กับความคิด แบบนั้นของตัวเองถึงแม้จะไม่ได้รับการยืนยันจากปากของเธอก็ เถอะ

“มันไม่เกี่ยวกันนี่คะ”

“ตอนนี้คุณมาอยู่ยุโรปแล้วนะแม่ชีน้อย เพราะฉะนั้นคุณก็ต้อง เรียนรู้วัฒนธรรมยุโรปสิ คุณรู้ไหมบางประเทศเขาทักทายกัน ด้วยการกอด บางประเทศทักทายด้วยการจูบ ผมสอนให้ก็ได้นะ เอาไหม” เสียงห้าวทุ้มเสนอตัวอย่างใจดี นัยน์ตาสีน้ำเงินเต้นระริกเป็นเชิงหัวเราะขบขัน

“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ คุณมาเหนื่อยๆ เชิญตามสบายเถอะนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”

ว่าแล้วร่างอรชรก็เอี้ยวตัวไปหมายจะก้มหยิบไอแพดที่วางอยู่ บนโซฟา หากแต่ร่างหนากลับใช้จังหวะนั้นขยับกายเข้ามายืน ซ้อนจากด้านหลัง ก่อนจะตวัดวงแขนแกร่ง โอบรอบเอวเล็ก พร้อมๆ กับรั้งเข้าไปแนบชิดแผงอกของตนทันที มณีบุษราตัว แข็งที่อไม่คิดว่าจะถูกจู่โจมแบบนี้ ความรู้สึกวาบหวามในระทึก ใจคุโชนขึ้นอีกระลอก

“ไม่รบกวนหรอกน่า ผมเต็มใจสอนให้คุณโดยไม่คิดค่า ตอบแทนเลยสักเหรียญ” ชายหนุ่มกระซิบด้วยน้ำเสียงนุ่มพร่า ข้างๆ หู

“ปล่อยดิฉันค่ะคุณเฮกเตอร์” เสียงหวานใสประดุจระฆังแก้ว ร้องประท้วง พลางดิ้นขลุกขลักเป็นพัลวัน นั่นเท่ากับทำให้ความ นุ่มนิ่มที่เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งเสียดสีกับความกลัดแกร่ง บนร่างใหญ่ ปลุกเร้าให้ความเป็นชายคึกคักขึ้นมาอย่าง ประเจิดประเจ้อ

“อย่าดิ้นแรงนักสิแม่ชีน้อย คุณก็รู้ว่ายิ่งดิ้นๆ อะไรๆ ระหว่าง เรายิ่งเสียดสีกัน ถ้ามันมากๆ เข้าผมอาจจะจับคุณสึกบนโซฟา ตัวนี้ก็ได้นะ”
ดวงตาใสแจ๋วเบิกกว้าง รับรู้อะไรบางอย่างที่กำลังตื่นตัวเป็น ล่ายาวอยู่แถวๆ สะโพกผายกลมกลึงของเธอ อีกทั้งคำพูดที่ โจ่งแจ้งของเฮกเตอร์ก็บ่งบอกชัดว่าเขากำลังคิดมิดีมิร้ายกับเธอ

“ปล่อยดิฉันค่ะ”

“ปล่อยน่ะปล่อยแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ขอกอดน้องสาวก่อน

“ตกลงว่าคุณจะไม่ปล่อยฉันใช่ไหมคะ” มณีบุษราเสียงแข็งขึ้น ถึงเสน่ห์ของเขาจะเหลือร้ายแต่เธอก็จะไม่ยอมปล่อยให้เขากอด จูบลูบคลำเอาตามใจชอบแน่… เอ๊ะเขายังไม่ได้จูบและลูบคลำ นา แต่แค่กอดมันก็มากไปแล้ว

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะรีบกระทุ้งข้อศอก สวนกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็วจนมือใหญ่ร่วงผล็อยลงข้างตัว จากนั้นมณีบุษราก็ไม่รีรอที่จะเล่นงานเขาต่อโดยการหมุนตัว กลับมาแล้วยกขาเรียวขึ้นเตะผ่าหมาก โดนกล่องดวงใจของพญา เหยี่ยวแดงเข้าเต็มๆ จนร่างสูงต้องทรุดตัวลงไปกองกับพื้นด้วย ความปวดหนึบ!

“โอ๊ย! ยัยแม่ชีน้อย แสบนักนะ” เสียงทุ้มสบ ด้วยความเจ็บ ปวดผสมโมโห ไม่คิดว่าแม่ชีสาวตัวเล็กๆ ท่าทางไม่ประสีประสา จะมีพิษสงร้ายกาจขนาดนี้ ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าสวยหวานอย่างคาดโทษ แต่แล้ว ก็ถูกดึงดูดให้มองลงต่ำกว่าเดิมเมื่อเหลือบไปเห็นการกระเพื่อม ไหวขึ้นลงของทรวงอกงาม ให้ตายเถอะ…ภาพนั้นมันช่าง กระตุ้นเร้าอารมณ์ยิ่งนัก!

“ฉันไม่ใช่แม่ชีเพราะยังไม่เคยบวช แต่ก็ไม่ชอบถูกผู้ชาย ลวนลามเอาตามชอบใจอย่างที่คุณทำ ถ้าคุณรังแกฉันอีกคราว หน้าคุณโดนหนักกว่านี้แน่

หญิงสาวทำเสียงข่มขู่ ท่าทางเหมือนแมวน้อยที่แยกเขี้ยวใส่ พญาเสือโคร่งทั้งๆ ที่ตัวเองตัวเล็กกว่า ก่อนจะหันไปหยิบเอาไอ แพดแล้ววิ่งปรือออกจากห้องนั่งเล่น โดยไม่คิดจะเข้ามาช่วย ประคองคนที่นอนเค้าก้อยู่บนพื้นจากฝีมือตัวเองแต่อย่างใด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ