รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อประธานซาต

บทที่2 ความทุกข์ทรมาน



บทที่2 ความทุกข์ทรมาน

บทที่2 ความทุกข์ทรมาน

หลินโยว์หลินหันหน้ามากลับทำให้ฉินเฟยมีโอกาสเห็น ความงามที่แท้จริงของชายหนุ่มผู้ซึ่งแอร์สาวคลั่งไคล้ ผิว เขาขาวใสกว่าเธอมาก ดูเหมือนไข่มุกที่เพิ่งจะผงาดออก จากฝา ดวงตาคู่นั้นสุกใสราวกับดวงจันทร์ที่งามที่สุดใน ฤดูใบไม้ผลิ จมูกโด่งเป็นส้นเหมือนกับศาลาโบราณกลาง สวน ผิวหน้าราบลื่นไปตามกาลเวลา ให้ความรู้สึกว่าไม่ ได้อ่อนต่อโลก

ฉินเฟยมั่นอกมั่นใจในความสวยของตัวเองมาก แต่เมื่อ อยู่ตรงหน้าเขา เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยไร้ค่า

“ดูเหมือนว่าคุณจะสนใจใบหน้าของผมนะ” หลินโยว่ หลินขมวดคิ้วแน่น พูดด้วยน้ำเสียงไร้ชีวิตชีวา พูดออกมา อย่างแน่วแน่และดุดัน

ผู้หญิงคนนี้ช่างใจกล้าบ้าบิ่น ทุกคนที่รู้จักเขาย่อมรู้ ว่า เขาไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องถูกตัวไม่ว่าจะเป็นส่วนไหน ของร่างกายก็แล้วแต่ แน่นอนว่าต้องมีข้อยกเว้น ประการ แรกก็คือเขาอนุญาตด้วยตัวเอง ประการที่สองก็คือตอนที่ อยู่บนเตียง ช่วงทีช่วงเวลานั้นเขาจะผ่อนปรนมาก

แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าโผล่มาจากหุบเขาลูกไหนอยู่ๆก็มาถูกต้องตัวเขาโดยไม่รับอนุญาต ซ้ำยังใช้น้ำเสียงอัน สิเน่หาเรียกเขาที่รัก กวนใจขณะที่เขาดูหุ้นของบริษัทอยู่

หลินโยว์หลินชินกับการที่ผู้หญิงให้ท่า แต่ว่านี่เป็นครั้ง แรกที่เขาเห็นวิธีการจู่โจมให้ท่าอย่างไม่กลัวตายเช่นนี้ แต่เหมือนอย่างคำโบราณที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะ ร้อยครั้ง เธอไม่เห็นถามสักนิดว่าเขาชอบแบบไหน อยู่ๆก็ จู่โจมเลย แบบนี้ตายสถานเดียวเท่านั้น

แม้ว่าหน้าตาเธอจะดีแต่ว่าก็ไม่มีข้อยกเว้น

ฉินเฟยตกใจกับรอยยิ้มอันเย็นชาที่มุมปากเขา เธอจึง รีบถอนมือออกอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ห่วงว่าจะเสียหน้าต่อ พนักงานต้อนรับ

เป็นไปตามที่พูด อย่างกับจะเป็นจะตาย สีหน้าเหวี่ยงกัน ไปหมด

หลินโยว่หลินเห็นว่าเธออยู่เป็น เขาถึงได้ขมวดคิ้ว เอนกาย พลันหันไปหาแอร์สาว น้ำเสียงแข็งและโหด เหมือนกับไฟที่ลุกโชนกลางฤดูหนาว “ถ้าหากว่าคุณยัง ต้องการทำงานที่สายการบินนี้ต่อไปอีกล่ะก็ รีบไปให้พ้น หน้าผม”

แอร์สาวเดิมทีกำลังตัดสินว่าท่าทีที่หลินโยว์หลินปฏิบัติต่อฉินเฟยนั้นไม่ใช่แฟนกัน ใจก็แอบยินดี แต่เมื่อ ถูกคำพูดอันหนาวเหน็บของหลินโยว์หลินเข้าไป ทําเอา หล่อนถึงกับตัวแข็งทื่อ หน้าซีดเหมือนกระดาษเปล่า หล่อนคิดเสมอมาว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง ต่อให้ไม่ ชอบก็จะไม่กระโตกกระตากโวยวาย แต่ไม่คิดเลยพอเขา โมโหขึ้นมา ทำเอาคนตกใจแทบบ้า

เธอก็เป็นคนฉลาด คาดเดาสถานการณ์ได้นับว่ามีสติ ปัญญา สู้คนขยันทำมาหากินไม่ได้

พนักงานเสิร์ฟจากไปด้วยความอับอายขายหน้า เห็นได้ ชัดว่าตอนนั้นฉินเฟยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยถามสาเหตุก่อนหน้านี้ แต่ว่า เธอก็คิดว่าควรที่จะเริ่มเปิดปากอธิบายด้วยตัวเอง แต่ถ้า หากว่าเธออธิบาย เขาจะหาว่าเธอเรื่องเยอะรึเปล่า

เธออธิบายจะยิ่งทำให้เขาเสียเวลารึเปล่านะ

ฉินเฟยลังเลอยู่สองนาน ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า และสะกิดไหล่เขา พร้อมเอ่ยปากด้วยความสุภาพมากๆ “เอ่อ…คุณคะ ที่ฉันทำเมื่อครู่นี้เพราะว่า…”

ฉินเฟยยังไม่ทันได้พูดให้จบ หลินโยว่หลินก็เงยหน้า ยกมือขึ้นหยุดเธอ “ผมไม่มีเวลาฟังคุณอธิบายหรอกนะ ผมไม่ได้เพิ่งเคยเจอผู้หญิงแบบคุณวันนี้ ผมแนะนำให้คุณใช้เวลาที่สวรรค์ประทานให้หลายชั่วโมงต่อจากนี้ อย่าได้คิดไปไกล ผมหลินโยว์หลินแต่ไหนแต่ไรมาไม่ เคยชอบผู้หญิงที่เสนอตัวเข้ามาในอ้อมกอด”

ฉินเฟยถูกเขาทำเอาสำลัก เธอมองอย่างอึ้งตะลึงงัน สมองที่นึกว่าจะโกรธกลับสับสนขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเอาคำ พูดไหนออกมาเถียงกลับเขาดี

เธอใช้เวลานานกว่าจะคลายลมหายใจออกมา ยิ้มโชว์ ฟันซี่โตก่อนจะพูดว่า “เสียดายที่วันนี้ฉันไม่ได้พกกระจก มาด้วย ไม่อย่างนั้นจะได้ให้คุณยืมส่องดูตัวเองซะหน่อย พฤติกรรมคุณแบบนี้ คิดจะให้ฉันเสนอตัวกระโดนกอดน่ะ เรอะ น้อยๆหน่อยเถอะพ่อคุณ”

พอพูดจบ ฉินเฟยก็บิดตัวไปทางด้านข้าง ไม่สนว่าเขาจะ ทำอะไรป่าเถื่อนน่ากลัวทางด้านหลัง

อย่างรวดเร็ว ในห้องเครื่องผู้โดยสารก็หลงเหลือเพียง เสียงลมหายใจและเสียงเครื่องยนต์เป็นครั้งคราวเท่านั้น เงียบฉี่กว่าตอนที่มีคนคอยซุบซิบกันอยู่ที่ข้างหูเป็นไหนๆ ฉินเฟยวางหมอนไว้ด้านบน เตรียมที่จะหลับ

เธอก็ได้ยินเสียงจากลำโพงดังขึ้น “ผู้โดยสารที่รักทุก ท่าน โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกำลังรัดเข็มขัดนิรภัย อยู่ ขณะนี้เครื่องบินกำลังประสบกับฝนฟ้าคะนอง กัปตัน กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้เครื่องบินอยู่นิ่ง ขอให้ทุกท่านไม่ต้องตกใจ เมื่อหน้ากาก ออกซิเจนตกลงมาตรงหน้าโปรดใส่หน้ากากภายใต้ การนำของแอร์โฮสเตส โปรดให้ความร่วมมือ ขอบคุณ ค่ะ!”

ฉินเฟยรู้สึกเสมอว่าเครื่องบินเป็นสิ่งของที่วิเศษมาก มัน สามารถทำให้ฝันของคนหลายร้อยคนเป็นจริงด้วยการ บินอยู่เหนือท้องฟ้า แต่ในเวลานี้เจ้าของวิเศษสิ่งนี้ก็ไม่ สามารถหลบหนีน้ำมือของพระเจ้าได้ เหมือนกันสายลม พวยพุ่งสู่ดอกไม้ที่เอาแต่ส่ายไปมาไม่หยุดนิ่ง พลิกไปก็ พลิกมา

ความสงบเงียบในห้องโดยสารถูกเสียงลมรบกวน เสียง คนแก่และเด็กร้องกันระงม เสียงกรีดร้องดังสลั่นหู

แม้แต่เหล่าพนักงานต้อนรับซึ่งปกติปีหนึ่งสามร้อยหก สิบห้าวันอยู่ประจำเครื่องซะสามร้อยหกสิบวันก็ยังพากัน หน้าเสีย เหงื่อเต็มหน้าผาก แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ ทำให้พวกเขายังรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้ พวกเธอเดิน อย่างลำบากไปตามห้องโดยสาร ปลอบใจผู้โดยสารบาง คนที่รู้สึกหวาดกลัว

สภาพอากาศอันบ้าคลั่งนั่นยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ความตั้งใจของแอร์โฮสเตสก็คือปลอบประโลมผู้โดยสาร แต่ว่าระหว่างที่พูดอยู่นั้นเธอก็เผยให้เห็นถึงความตื่น ตระหนกของตนเอง นั่นยิ่งทำให้ผู้โดยสารหวาดหวั่นยิ่ง ขึ้น
ทั้งเครื่องบินเหมือนจะมีแค่หลินโยว์หลินและฉินเฟย เท่านั้นที่ยังสงบนิ่งอยู่

หลินโยว์หลินถูกเสียเอะอะโวยวายที่ดังมาเข้าหูทำเอา หงุดหงิด เมื่อหันไปเห็นผู้หญิงข้างๆทำหน้าเฉยๆ เขาก็ รู้สึกสนใจจึงถามขึ้นว่า “คุณผู้หญิง ทำไมถึงไม่กลัว”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่กลัว” เพราะว่าเรื่องก่อนหน้านี้ ทำให้ฉินเฟยไม่ค่อยประทับใจในตัวหลินโยว่หลินเท่าใด นัก น้ำเสียงที่ใช้พูดจึงไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่

หลินโยว่หลินชี้ไปยังผู้คนที่พากันร้องไห้กันระงมรอบๆ และตะโกนถามหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ “ทำไม คุณไม่เหมือนพวกเขาล่ะ”

“แต่ละคนมีวิธีแสดงออกถึงความกลัวไม่เหมือนกัน ฉัน ไม่ชอบแสดงความอ่อนแอออกมาเมื่อกลัว” ฉินเฟยตอน หน้านิ่งๆ

หลินโยว่หลินพูดจาประชดประชัน “กลัว แต่ว่าไม่ อ่อนแอ คุณนี่มันปากแข็งชัดๆ หลอกแม้กระทั่งตัวเอง”

ฉินเฟยหัวเราะแล้วหัวเราะอีก แต่ว่ารอยยิ้มนั้นยังไม่ถึง ขอบตาก็ต้องจับตัวกลายเป็นน้ำแข็ง “ขี้เกียจจะพูดกับ คุณแล้ว ปากจัดขนาดนี้ ชีวิตคุณคงจะต้องมีเรื่องให้ต้อง ระวังมากเลยสินะ”
ตอนแรกหลินโยวหลินก็ไม่ได้อะไรว่าคำพูดของเธอนั้น จะแฝงความหมายอะไร ผ่านไปนานถึงได้รู้สึกตัวว่าเธอ กำลังเหน็บแนมเขาอยู่

ฉินเฟยหันกายไป มองทะลุผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่ออก ไปมองดูก้อนเมฆในท้องฟ้าทั้งด้านล่างและด้านบน

ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่กลัวอะไรเลยสักนิด เครื่อง บินเจอกับหลุมอากาศ สิ่งแรกที่เธอคิดถึงกลับไม่ใช่ชีวิต ตัวเองที่จะรักษาไว้ไม่ได้ แต่กลับนึกถึงนิยายที่เคยอ่าน สมัยก่อน เปรียบเทียบชีวิต ที่เธอกังวลกว่าก็คือถ้าหากว่า ตายแล้วจะแวะเวียนไปอยู่ที่ราชวงศ์ไหน จะบังเอิญได้ไป เจอใคร

แต่เรื่องพวกนี้หากว่าบอกเล่าแก่ชายข้างๆนี้ไป เธอ รับรองได้ว่าเธอคงจะโดนบดขยี้จนติดดินแน่ ดังนั้นเธอจึง ไม่มีทางหยิบยื่นกระบอกปืนกระบอกนี้ให้กับเขาด้วยตัว เองหรอก

เป็นเวลานานผ่านไป เครื่องบินก็ยังไม่เข้าสู่จุดที่ สามารถบินได้อย่างราบเรียบ ยังคงตกหลุมตกบ่ออยู่ ตลอดทาง นกตัวใหญ่แต่เดิมที่เคยให้ความรู้สึกปลอดภัย แก่ผู้คนตอนนี้ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรือสำเภาเล็กลำ หนึ่งซึ่งถูกพายุฝนโหมกระหน่ำอย่างหนักหนาสาหัส รู้สึก ได้ว่าอีกไม่นานก็จะถูกกระแสคลื่นอากาศและแรงเสียด ทานบดขยี้จนถึงกระดูก
ฉันเฟยผู้ไม่เกรงกลัวสิ่งใดนั้นอยู่ๆก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

หมอนั่นจะหมั้นแล้ว ต้องขอเจอหน้าซะหน่อยเถอะ ถ้า หากว่ามาตายเอาตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นช่วงเวลาที่ผ่านมาคือ อะไร ความบริสุทธิ์ใจของเธอจะกลายเป็นอย่างไรไป

พอคิดถึงตรงนี้ ร่างของฉินเฟยก็เริ่มสั่นเทา แม้แต่ฟันก็ ยังสั่นไหว หนังศีรษะก็สั่นจนเริ่มเกิดอาการชา เหงื่อเย็น ผุดขึ้นบนหน้าผาก หัวใจเต้นจนแทบจะหลุดออกมาจาก ล่าคอ

ณ เวลานั้น ทางด้านนอกห้องโดยสารล้วนปกคลุมไป ด้วยความมืดมิด

ฉินเฟยอยากร้องไห้โฮออกมาดังๆ แต่ชีวิตคนเมื่อถึงจุด อันมืดมิด เธอไม่เคยขลาดกลัวเท่านี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึง กัดริมฝีปากตนเอง เพื่อระงับความหวาดกลัวนั้นเอาไว้

หลินโยว่หลินรู้สึกปวดแปลบที่ส่วนหลัง เขาเพิ่งจะรู้สึก ตัวว่ามือของผู้หญิงด้านข้างโอบรอบเอวของตัวเองตั้งแต่ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฝ่ามือนั้นหยิกเนื้อบริเวณเอวเขาเอาไว้ ราวกับว่าจะดึงมันออกมา

“คุณผู้หญิง วิธีที่คุณจัดการกับความกลัวของคุณดูเหมือนจะเป็นวิธีที่อ่อนที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา อีกอย่าง มันยิ่งน่ารําคาญที่สุดด้วย เพราะว่ามันสร้างปัญหาให้ผม มาก” หลินโยว่หลินสายตาเย็นชา ขยับมือเธอออกอย่าง ไร้ความปรานี

“มาให้ฉันกอดหน่อยนะ กอดนิดหนึ่งก็ยังดี” มือของฉิน เฟยยกขึ้นสวมกอด หนำซ้ำยังรัดแน่นยิ่งกว่าเดิมอีก

ครั้งนี้ หลินโยว่หลินไม่ได้ดึงมือเธอออกอีกต่อไป เพราะ ว่าสายตาอันน่าสงสารของหญิงคนนั้นทำให้ใจของคน เลือดเย็นไร้อารมณ์อย่างเขาสั่นไหวได้

ถ้าหากว่าเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงไม่มีทาง กว่าคนที ระเบียบจัดเช่นเขา จะปล่อยให้คนมาทำให้เสื้อสูทเขายับ ยู่ยี่เช่นนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะใช้พละกำลังมากมายเพื่อ ที่จะขัดขืนพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของเธอ

“คุณว่าเราจะตายกันไหม” ฉุนเฟยต้องการที่จะชวนเขา คุยเพื่อที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของตนเอง

“ตายแล้วยังไง ไม่ตายแล้วยังไง” ชีวิตของหลินโยว่หลิน นั้นผ่านเรื่องราวที่มีความหมายมามากมาย เรื่องที่เขาควร จะทํา เรื่องที่เขาไม่ควรทําล้วนทํามาแล้วมากมายนัก นับ ว่าถ้าตายไปก็ไม่เสียดาย

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเฟยเห็นคนที่กำลังเผชิญหน้ากับความเป็นความตายแล้วยังสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้าน เช่นนี้ เธอช่างประหลาดใจนัก แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่อง ปกติ และยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายแบบเขาก็คงจะมีทัศนคติอัน หยิ่งยโสเห็นตัวเองเหนือกว่าใครแบบนี้แหละ

ฉินเฟยคงจะติดเชื้อจากเขา ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง แต่ว่าคนทั้งคู่ก็ยังนั่งอย่างสงบในอ้อมแขนของเขา เธอ รู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่มั่นคงและทรงพลัง เธอ พูดออกมาด้วยจิตใจอันสงบ “ถ้าหากว่าพวกเราตาย แล้ว จะต้องพูดอะไรกับใครเป็นประโยคสุดท้าย คุณจะพูดกับ ใคร และพูดอะไร”

“ผมไม่ได้อยากพูดอะไรกับใคร” พอหลินโยว์หลินพูด ประโยคนี้ออกมาเขาก็รู้สึกเศร้าบ้างเล็กน้อย

อารมณ์เช่นนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยมีมาก่อน ไม่รู้ว่า ทำไมถึงได้มาปรากฏเอาในสถานการณ์เช่นนี้ นี่แหละนะ อาจจะเป็นเพราะว่าคนพอใกล้จะตาย อารมณ์ก็จะอ่อน ไหวเป็นพิเศษใช่อย่างนั้นรึเปล่า

เขามีคู่หมั้นคนหนึ่ง ตามเหตุและผลแล้วเขาควรจะพูด อะไรกับเธอสักหน่อย แต่ว่าเขาก็ไม่อยาก

“แล้วคุณล่ะ” หลินโยว่หลินหันไปทางฉินเฟยก่อนจะถาม
“ฉันอยากพูดกับคนที่อยู่ในใจฉัน แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่เคยได้รู้จักเขา” น้ำเสียงของฉินเฟยนั้นฟังสบายๆ ฟัง แล้วผ่อนคลายทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมา

“แฟนคุณ”

“ถ้าหากว่าไม่มีเหตุเกิดขึ้น เขาก็เป็นคู่หมั้นของฉัน แต่ว่า เกิดเรื่องขึ้น เขาเลยกลายเป็นคู่หมั้นของคนอื่นไป” ฉิน เฟยไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเอาเรื่องนี้พูดไปหัวเราะไป เล่า ให้กับชายแปลกหน้าฟัง

“หัวเราะซะน่าเกลียด หยุดหัวเราะ” หลินโยว่หลินพูดจา แดกดัน

“ฉันหลับในอ้อมแขนคุณสักครู่ได้ไหม” ฉินเฟยกลัวว่า เขาจะไม่ยอม มือน้อยๆจึงคว้าชายเสื้อเขาเอาไว้ พร้อม พูดเสริมว่า “เห็นแก่ที่คู่หมั้นของฉันกลายเป็นคู่หมั้นของ คนอื่น อย่าปฏิเสธฉันเลยนะ ยิ่งเห็นแก่ว่าเราอาจจะตาย กันนั้น ยิ่งอย่าปฏิเสธฉันเลยนะ”

หลินโยว่หลินไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน บนกายมีหญิง สาวนั่งพิงอยู่ ในใจเปี่ยมไปด้วยแสงสว่างปนความร้อน และเรื่องราวความวุ่นวายในอดีต

เขารู้ดีว่านั่นเป็นความสงสารอย่างหนึ่ง
แต่ว่าเขาหลีนโบว์หลินโหดเหี้ยมและไร้อารมณ์ต่อตัว เอง จะไปเห็นอกเห็นใจผู้หญิงแปลกหน้าที่เพิ่งจะพบเจอ รู้จักกันได้อย่างไรล่ะ ต้องเป็นเพราะว่าเครื่องบินเจอกับ พายุฝนแน่ๆ ถึงได้ทำให้เขาปวดหัวขึ้นมา

ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ