ตอนที่ 4 แหวนเท้าวิเศษ
ตอนที่ 4 แหวนเท้าวิเศษ
ช่วงเวลาพลบค่ำ หิมะหยุดตกแล้ว ท้องฟ้ายังมืดครึ้มไม่มีแสง อาทิตย์อัสดง
หลินซีนเยียนกับเสี่ยวอวี่ที่ถูกขับไล่จากจวนฉิน แต่ละคนเดิน แบกข้าวของของตนเองออกมาที่นอกจวน รถม้าที่เก่า ๆ คัน หนึ่งได้มารออยู่ก่อนแล้ว
ชายแก่ผมขาวผู้เป็นคนบังคับรถม้า เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินมา ก็กระโดดลงจากรถม้าแล้วเอาบังเหียนที่อยู่ในมือยัดเข้าในมือ เสี่ยวอรี่
“ฮูหยินบอกแล้วว่าเส้นทางนี้ยาวไกล ในจวนมีเรื่องจัดการ มากมายจึงไม่มีคนไปส่งคุณหนูสี่ รถม้าคันนี้ คุณหนูใช้แล้วก็ วังที่นั่น ไม่ต้องเอากลับมาแล้วขอรับ ”
“มันจะมากเกินไปแล้ว”เสี่ยวอวี่เห็นรถม้าที่เต็มไปฝุ่นเคอะ ซ้ำ ยังมีรูเล็กที่แตกออกมาหลายรู รถม้าคันนี้เห็นชัด ๆ ว่าเป็นรถ ที่พังไปนานแล้ว “รถม้าแบบนี้ใครจะนั่งได้ หากคุณหนูสี่ล้มลง มาจะทําอย่างไร”
“ไหนเลยจะใช่คุณหนู คิดว่าตนเองยังเป็นคุณหนูจวนแม่ทัพ อยู่หรือไง ข้าเพิ่งจะลงมาจากรถม้าก็ไม่เห็นจะล้มเลย ไม่เอา ก็ช่าง ถ้าไม่เอาพวกเจ้าก็เดินไปแล้วกัน “ชายแก่กล่าวว่าเสร็จ แล้วก็หันตัวเดินเข้าไปในจวน
หลังจากประตูบ้านปิดลง เสี่ยวอวี่มองไปยังหลินซีนเยียน อย่างน้อยใจ “คุณหนู ท้องฟ้าใกล้จะมืดลง ตอนนี้ไล่พวก เราออกมา ตั้งใจจะให้เราไปนอนค้างแรมกลางป่าเขาแน่เลย เจ้าค่ะ”
“นอนค้างแรมกลางป่าเขารี”หลินซีนเยียนยิ้มแล้วเอามือลูบ หัวของเสี่ยวอวี่ “เด็กโง่ เจ้า คิดง่ายจริง”
“คุณหนู หมายความว่า…”เสี่ยวอ ไม่เข้าใจ
หลินซีนเยียนส่ายหน้า “ช่างเถอะ เข้าให้เจ้าไปเอาของที่ร้าน ยา ไปเอามาแล้วหรือยัง”
เสี่ยวอวี่พยักหน้าและหยิบผงแป้งออกมาจากถุงห่อผ้า ท่าน หมอบอกว่าผงยานี้เป็นยาเบื่อหนู มีพิษร้ายแรงมาก เพียงใช้ ทั้งถุงนี่ก็สามารถฆ่าวัวตายได้หลายตัว”
หลินซีนเยียนรับผงยามาแล้วก็หยิบกริชที่อยู่ในถุงห่อผ้าของ ตนเองออกมา กริชที่คมกริบ ในยามพลบค่ำส่องประกายเป็น แสงสีขาว
“คุณหนู ท่าน…” เสี่ยวอวี่เบิกตาโต
หลินซีนเยียนโรยผงขาวลงบนกริช “ไปเถอะ พวกเราจะได้ เป็นอิสระหรือไม่ ก็รอดูคืนนี้แล้วกัน”
“คุณหนู ข้าเริ่มกลัวแล้ว”เสี่ยวอวี่เดินตามหลังหลินซีนเยียนไป และกอดถุงห่อผ้าของตนเองอย่างแน่นหนาโดยไม่รู้ตัว หลินซีนเยียนยิ้มบาง ๆ รอยยิ้มเหมือนช่วงแสงอาทิตย์อัสดง
“วางใจเถอะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
เสี่ยวอวี่ไม่รู้ว่าในชั่วขณะนั้น รอยยิ้มแบบนี้ได้ประทับไว้ใน ความทรงจำของนางแล้ว จนกระทั่งหลายปีต่อไป นางได้ ข้ามผ่านความทุกข์ทรมานมาตั้งหลาย โดยพึ่งพาความทรง จำที่อบอุ่นเช่นนี้
ตอนที่ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตูเมือง ประตูเมืองปิดไป แล้ว อย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ฉะนั้นหลินซีนเยียนจึงพาเสี่ย วอวี่ไปค้างแรมในโรงเตี๊ยมที่อยู่ใกล้ ๆ
จองห้องเล็กที่อยู่ลับตาคนหนึ่งห้องแล้ว เสี่ยวอวี่ลากรถม้าไป พักผ่อนที่หลังโรงเตี๊ยม หลินซีนเยียนก็กลับห้องไปเปลี่ยนชุด เป็นบุรุษ
สตรีทั้งสองคนอยู่ข้างนอก ใส่ชุดสตรีไม่ค่อยสะดวก
ตอนที่เสี่ยวอวี่กลับมาที่ห้องก็เห็นหลินซีนเยียนในชุดบุรุษ นางตะลึงจนเบิกตาโต “คุณหนู แต่งกายได้แนบเนียนมาก แม้แต่ข้ายังดูไม่ออกเลย ขนาดลูกกระเดือกตรงคอยังทำได้ เหมือนมาก”
หลินซีนเยียนยิ้ม“ วิธีแต่งหน้าของญี่ปุ่นที่เคยเรียนก็ยังมี ประโยชน์บ้าง นี่เป็นของเจ้า รีบเปลี่ยนเถอะ ข้าจะไปหาอะไรกินก่อน เจ้าเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ตามข้าไปทีหลัง”
เสี่ยวอ รับเสื้อผ้ามาแล้วพยักหน้า อดที่จะสังเกตไม่ได้ว่าคุณ หนูของนางจะมีฝีมือแบบนี้ด้วย
แต่ว่า ญี่ปุ่นมันคืออะไร
ท้องฟ้ามืดลงแล้ว เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี ดังนั้นห้อง รับแขกที่โรงเตี๊ยมจึงดูครึกครื้น หลินซีนเยียนหาโต๊ะนั่งที่ติด กับมุม แล้วสั่งอาหารกับเสี่ยวเอ๋อมากอย่าง
“ได้ยินว่าแม่เล้าที่หอชุนเยว่ตายอย่างแปลกประหลาดมาก เมื่อคืนนี้”
“เบื้องหลังหอชุนเยวอาจมีความเกี่ยวข้องกับเหล่าพวกมี อิทธิพลในเมืองอวิ๋น ไม่รู้จริงๆเลยว่าเป็นใครที่กล้าลงมือฆ่า คนในหอในเยว่ ”
“ก็ใช่สิ แต่ว่าหลังจากคนจากกรมอาญาไปตรวจดูก็บอกว่า เป็นเพียงอุบัติเหตุ”
“ชูววว เบาเสียงหน่อย เรื่องที่กรมอาญาไม่กล้าแม้แต่ไป ตรวจสอบ เราอย่าไปพูดเลยดีหว่า
ชายหนุ่มที่อายุไม่มากหลายคน เพิ่งเข้ามาในร้านแล้วเดิน ขึ้นชั้นสองเข้าห้องไป หลินซีนเยียนที่กำลังจิบน้ำชาอยู่ก็ได้ ฟังบทสนทนาของพวกเขา คนในกรมอาญาไม่กล้าไปแตะต้อง เป็นอ๋องอู่เสวียน
อ๋องอู่เสวียนกำลังตามหานางอยู่ ไหนบอกว่าหลังจากได้ เสพสุขกันแล้วก็ไม่รู้จักกันแล้วไง นางหลบหนีไป ก็ถูกในเขา แล้วไม่ใช่
หลินซ๊นเยียนขมวดคิ้วและวางถ้วยชาลง ไม่มีอารมณ์อยาก ดื่มชาแล้ว
อาหารที่สั่งไปมาเร็วมาก ไม่นานเสี่ยวเอ๋อก็ยกอาหารกึ่ อย่างนั้นมาวางบนโต๊ะแล้ว หลินซีนเยียนรู้สึกอึดอัดใจ เธอใช้ ตะเกียบเขี่ยอาหารไปมา ไม่มีอารมณ์กินเลยสักนิด
ทันใดนั้น เสียงกระดิ่งเงินที่ไพเราะก็ดังมา นางรีบเงยหน้า ขึ้นก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเข้ามาใน โรงเตี๊ยม
ทั้งหมดมี เจ็ดถึงแปดคน บนตัวอบอวลไปด้วยกลิ่นยา ชาย แก่ที่อยู่ด้านหน้าดูเหมือนขาจะเดินไม่สะดวก เขานั่งอยู่บนรถ เข็นโดยมีคนเข็นรถให้จากด้านหลัง
เสียงกระดิ่งดูเหมือนว่าเป็นกระดิ่งที่อยู่บนข้อเท้าของชายแก่ หลินซีนเยียนสำรวจไปอย่างละเอียด แววตาเป็นประกายขึ้น
ที่ชายแก่ใส่เป็นกำไลข้อเท้า ฝีมือประณีต มีกระดิ่งเล็กๆและ เพชรฝังอยู่เพียงขยับก็มีเสียงกระดิ่งที่ไพเราะส่งออกมา
ในสายตาของคนอื่น นั่นอาจจะเป็นแค่กระดิ่งที่ใช้ของ มาตกแต่งเท่านั้น แต่ว่าในสายของผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธ กระดิ่งอันนี้เป็นผลงานที่ทรงคุณค่าอย่างมาก
สามปีมานี้ นางถูกขังอยู่ในกรงของจวนแม่ทัพ ไม่ได้ก้าวเท้า ออกไปจากประตูบ้านเลยสักก้าว เดิมทีคิดว่าจะไม่มีโอกาสมา เจอสิ่งเหล่านี้แล้ว แต่ตอนนี้ผลงานที่สมบูรณ์แบบมาปรากฏ อยู่ตรงหน้า นางอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหา
“ท่านลุง ข้าขอดูกำไลข้อเท้าของท่านได้หรือไม่ ท่านลุง ไม่ต้องกังวล ข้าเพียงแค่ขอดูเท่านั้น รับรองว่าจะไม่ทำมัน พัง”หลินซีนเยียนใช้ถ้อยคำด้วยน้ำเสียงอย่างอบอุ่นและ จริงใจ กำไลข้อเท้าดึงดูดเธอ ทำให้เธอละสายตาไปจากมัน ไม่ได้เลยสักนิด
เมื่อชายฉกรรจ์สองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชายแก่ได้ยิน สีหน้าก็ เปลี่ยนทันที ปากอยากจะบอกปฏิเสธแต่เห็นชายแก่โบกมือส่ง มาเบา ๆ “ได้”
เมื่อเจ้าของอนุญาตแล้ว หลินซีนเยียนก็ก้มตัวลงไปมองกำไล ข้อเท้าของเขาอย่างละเอียด
ในโรงเตี๊ยมเสียงดังอึกทึก ท่าที่นางมองก็ดูแปลกประหลาด เหมือนคว่ำอยู่ข้อเท้าของชายแก่อย่างต่ำต้อย
ชายแก่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นเห็นว่านางตั้งใจดูอย่างนี้ ดวงตา หรี่ลงอย่างไม่รู้ตัว แต่คนติดตามที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา กลับ ทำเหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างไรอย่างนั้น
ยอดเยี่ยมมาก หลินซีนเยียนทนไม่ไหวที่จะส่งเสียงออก ด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็ยื่นมือเข้าไปใกล้
ช่วงขณะนั้น ขาของชายแก่นั้นหลบเท้าไปด้านหลังนิดๆ แต่ ว่าก่อนที่จะหลบก็ได้ยิน คาชาเสียงหนึ่ง หลินซีนเยียนได้ ถอดกําไลข้อเท้าของเขาออกแล้ว
“เอ่อ…ต้องขออภัยอย่างยิ่ง กำไลข้อเท้านี้งานฝีมือล้ำเลิศ วิธี การประกอบใส่เข้าด้วยกันก็พิเศษหามีที่ไหนเปรียบ ข้าเลย อดไม่ได้ที่จะอยากลองพิสูจน์ว่าความคิดของตนเองนั้นถูก ต้องหรือไม่”หลินซีนเยียนฝืนยิ้มอย่างทำตัวเก้อเขิน กำไลข้อ เท้าสองชั้นที่อยู่ในมือของนาง มีเสียงกระดิ่งดังขึ้นตามด้วย การกระทำของนาง
นางไม่ได้สังเกตว่า ตอนที่นางถอดกําไลออกมาชายชรา และคนติดตามของเขาต่างก็ทำหน้าตกตะลึงกันอย่างคาดไม่ ถึง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ