ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 441 ลูกเหมือนพ่อแล้ว



บทที่ 441 ลูกเหมือนพ่อแล้ว

อันหลิงหยุนไม่มีกิริยาตอบสนองอยู่พักใหญ่ เมื่อตอบ สนองขึ้นมาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จึงอุ้มลูกที่อยู่ในอ้อม กอด เดินกลับไปที่เตียง แล้วจูบเบาๆหนึ่งครั้ง จากนั้นจึง วางลูกชายลง เปิดผ้าห่อตัวของดูเพื่อจะดูให้แน่ใจว่าเป็น เด็กผู้ชายจริงๆหรือไม่

เป็นเด็กผู้ชายจริงๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่อันหลิงหยุ นก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เองกงชิงวี่นั่งลง แล้วถามนางว่า: “เจ้าชอบเด็ก ผู้ชายขนาดนั้นเชียวหรือ?”

อันหลิงหยุนถาม: “เป็นเด็กผู้ชายทั้งหมดเลยหรือ เพคะ?”

นางเองก็บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร นางเพียงแต่รู้สึกว่า เป็นเด็กผู้ชายทั้งหมด อาจจะเป็นการรับรู้ที่แม่มีต่อลูก จึง สามารถรู้เพศของลูกได้

“ทั้งหมด”

ขณะที่พูดประโยคนี้ สีหน้าของกงชิงวี่ดูเรียบเฉย แสดง ให้เห็นว่าไม่ดีใจ ผิดหวังจนไม่ต้องพูดก็ดูออก

เขาอยากมีลูกสาวสักคน ที่เป็นเหมือนกับอันหลิงหยุน ถึงจะเคยพูดว่าไม่ได้อยากมีลูกสาว แต่ตอนที่เขาเห็นป่า ยสู้สู้อุ้มเด็กคนแรกออกมาเป็นลูกชาย และอุ้มเด็กอีกคน ออกมาก็เป็นลูกชาย ในใจของเขาก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อยโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย เขาหวังว่าหากมีลูกสาวสัก คนก็คงจะดี แต่สุดท้ายกลับไม่มีแม้แต่คนเดียว

พอเห็นท่าทางของอันหลิงหยุนในตอนนี้ อารมณ์ของ กงชิงวี่ก็ยากที่จะสงบลงได้

เขาไม่อยากมีลูกอีกแล้ว เพื่อความปลอดภัยของนาง

แต่ว่า……

หากมีลูกสาวของตัวเองก็ดี

อันหลิงหยุนเองก็ไม่ได้เกรงใจ ถึงจะเข้าใจความคิดของ กงชิงวีดี แต่ก็ยังพูดว่า: “ลูกสาวแน่นอนว่าดี แต่มีลูกชาย นั้นดีกว่าแน่นอน อย่างน้อยในอนาคตก็ไม่ต้องกลัวว่าจะ ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้ชอบ

ลูกชายของหม่อมฉัน ถ้าหากจะแต่งงาน ก็ต้องแต่งกับ คนที่ชอบ ไม่เช่นนั้นก็ให้อยู่เป็นโสด ไม่ต้องแต่งงาน”

กงชิงวี่หน้าถอดสี: “เป็นโสดอะไรกัน?”

“ก็เป็นพระอย่างไรล่ะเพคะ” อันหลิงหยุนอุ้มลูกชาย แล้วไปวางไว้ตรงที่อยู่กันสามคน แล้วจึงอุ้มหยุนจิ้นไป วางลง มองดูแล้วถามว่าคนไหนคือคนโต

กงชิงวี่ยิ้ม: “ลองเดาดูสิ”

อันหลิงหยุนพิจารณาอย่างละเอียด จริงๆแล้วก็ไม่ได้ คิดอะไรเป็นพิเศษ จึงชี้ไปที่คนแรกที่อุ้มขึ้นมา: “คนนี้คือคนโตเพคะ”

คนโตดูเหมือนว่าจะตื่นเต้น มือทั้งสองข้างกำไว้แน่น แล้วเริ่มขยับไม้ขยับมือ ยิ้มแย้มหัวเราะกับอันหลังหยุน

ตอนนี้ที่เหลืออีกสองสามคนก็พากันตื่น ดื่มตาขึ้นแล้ว เริ่มมองอันหลิงหยุน

“an an……

ทั้งหมดหันมาตะโกนร้องเรียกอันหลิงหยุน เสียงไม่ดัง มาก แต่ก้องกังวาน เหมือนกับว่าแต่ละคนกำลังอยากจะ ให้อันหลิงหยุนลองทายดูว่าใครเป็นใคร

หยุนจิ่นแปลกใจ: “เจ้านาย ปกติแล้วนายน้อยทั้งหลาย ไม่ได้เป็นแบบนี้ ทำไมพอเห็นท่านแล้วกลับมีท่าทีที่ดูตื่น เต้นเช่นนี้?”

“คงจะเป็นเพราะสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก แต่ก็มีคน หนึ่งที่ไม่ยอมส่งเสียงมิใช่หรือ?” อันหลิงหยุนชี้ไปที่คนที่ หยุนจิ่นวางลง เขาดูซื่อ นอนเหยียดแขนเหยียดขาจ้อง มองดูอันหลิงหยุนอยู่อย่างนั้น อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกใจ คนแรกที่ทายถูกอย่างง่ายดายก็เพราะโชคช่วย แล้วตอน นี้คนนี้ล่ะ?

“เจ้านาย ท่านทายถูกได้อย่างไร?” หยุนจิ่นแปลกใจ

ไม่เพียงแค่หยุนจิ่น กงชิงวี่เองก็รู้สึกแปลกใจ “สายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ดูๆไปแล้วก็คงจะใช่” อันหลิงหยุนมั่นใจ

เจ้าห้าขยับปาก ยังคงเงียบอยู่ อันหลิงหยุนก้มหน้าลง ไปจูบ แล้วจึงไปดูเด็กๆที่เหลืออีกสามคน แล้วจึงชี้คน หนึ่ง: “เจ้าสอง”

“เจ้าเดาจริงๆหรือ?” กงชิงวี่ชักจะไม่แน่ใจ ทำไมถึงได้ ทายถูกอย่างง่ายดายเช่นนี้

อันหลิงหยุนทานต่อ “นี่คือเจ้าสาม ส่วนนั่นคือเจ้าสี่”

ทายถูกทั้งหมด กงชิงวี่ทำหน้าเซ็ง: “เชอะ!”

อันหลิงหยุนค่อยๆจูบเรียงทีละคนๆ เด็กทั้งหมดล้วน หัวเราะมองนางอย่างชอบใจ อันหลิงหยุนรู้สึกตื้นตันใจ เป็นอย่างมาก ชาติที่แล้วนางไม่มีอะไรเลย แม้แต่ญาติ สนิทสักคนก็ไม่มี ชาตินี้มีพ่อที่เห็นลูกชาวเป็นชีวิตของ ตน มีสามีที่รักใคร่ห่วงใยนาง และตอนนี้ก็มีลูกชายที่ว่า นอนสอนง่ายและน่ารักอีกห้าคน แล้วมีอะไรที่นางจะ อยากได้อีกล่ะ?”

อันหลิงหยุนถาม: “ตั้งชื่อหรือยังเพคะ?”

กงชิงวี่มองอันหลิงหยุน อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก: “ยังไม่ ครบสามเดือนเต็ม ยังตั้งชื่อไม่ได้”

“เพราะอะไรเพคะ?” อันหลิงหยุนทำหน้าแปลกใจ กงชิง วี่โบกมือ สื่อความหมายว่าให้ทุกคนออกไปก่อน หยุนจิ๋น ยิ้ม แล้วจึงพาทุกคนออกไปด้านนอก เมื่อประตูปิดลง อัน หลิงหยุนก็ถูกกงชิงวี่กอด แล้วก้มหน้าลงจูบนาง
“ท่านทำอะไร?” อันหลิงหยุนขัดขืน แต่กงชิง ยอม ปล่อยที่ไหนกัน แล้วจึงอุ้มอันหลิงหยุนเพื่อที่จะไปสระ กำมะถัน ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อาบน้ำก๋ามะถันจึง จะดีที่สุด

“ที่รัก…..” อันหลิงหยุนไม่วางใจลูกๆ แต่จริงๆแล้วตอน นี้บรรดาลูกๆกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ คิดว่ากำลังหยอก ล้อกันอยู่ จึงไม่ได้กลัว แต่กลับหันไปหัวเราะให้พวกเขา

อันหลิงหยุนเริ่มขัดขืน: “ท่านอย่าทำอะไร ประเจิดประเจ้อสิเพคะ เดี๋ยวข้าจะให้ท่านเอง”

“เจ้าพูดจริงหรือ?” กงชิงวี่ดันตัวอันหลิงหยุนพิงเข้ากับ ฝาผนัง กอดอันหลิงหยุนแล้วหายใจแรง อันหลิงหยุนทำ หน้าเบื่อหน่าย ทำไมถึงได้เหมือนกินยาเข้าไปแบบนี้ เหมือนมีแสงเปล่งประกายออกมาจากตาทั้งสองข้าง?

“ท่านอ๋อง ท่านไม่กลัวลูกชายของท่านจะหัวเราะเยาะ เอาอย่างนั้นหรือ?”

“กลัวอะไร ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยถูกหัวเราะเยาะมาก่อน”

อันหลิงหยุนหมดคำพูด: “ท่านอ๋อง…….ยังไม่ได้พูดถึง เรื่องตั้งชื่อเลยเพคะ”

กงชิงวี่ทนไม่ไหว จูบไปอีกหนึ่งที: “คืนนี้จะต้องนอนกับ เจ้าให้ได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าคงจะต้องอกแตกตาย แน่!”

อันหลิงหยุนเกือบจะหัวเราะจนหยุดไม่ได้ หัวเราะจนเหนื่อย!

กงชิงวี่กัดฟัน แล้วก้มหน้าลงมาจูบอีกหนึ่งครั้ง

อันหลิงหยุนหันมองเด็กๆ: “ทำไมยังไม่ตั้งชื่ออีกล่ะ เพคะ? หรือว่าจะต้องรอให้ถึงสามเดือนก่อนถึงจะตั้งชื่อ ได้?”

“ชื่อที่มีเกียรติ นอกจากนามสกุลแล้ว ชื่อก็เป็นสิ่งล้ำค่า เช่นกัน เด็กในประเทศต้าเหลียงของเรา ต้องรอให้อายุ ครบสามเดือนก่อนจึงจะตั้งชื่อได้

เวลาตั้งชื่อยังต้องช้สี่วิธีและหกข้อห้ามในการตั้งชื่อ สี่ วิธี คือ วิธีแห่งศรัทธา อาศัยสถานการณ์จริงในการเกิด ในการตั้งชื่อวิธีแห่งความชอบธรรมอาศัยฤกษ์ดีในการ ตั้งชื่อ วิธีแห่งลักษณะเฉพาะ ตั้งชื่อตามสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ ผู้เป็นพ่อวิธีแห่งอุปมานใช้ชื่อของทุกสรรพสิ่งในการตั้ง ชื่อ

หกข้อห้ามได้แก่ ห้ามใช้ชื่อประเทศ ห้ามใช้ชื่อที่เป็น ชื่อทางการของประเทศ ห้ามใช้ชื่อภูเขาและแม่น้ำของ ประเทศ ห้ามใช้ชื่อของโรคบางชนิด ห้ามใช้ชื่อของสัตว์ ห้ามใช้ชื่อพิธีกรรมและเงิน……

ดังนั้นการตั้งชื่อนั้นเข้มงวดมาก”

“เช่นนั้นถือว่าเข้มงวดจริงๆ เช่นนั้นท่านอ๋องว่า ลูกทั้งห้า คนของพวกเขาควรจะตั้งชื่ออย่างไรดีเพคะ?”

“ตั้งอย่างไรอะไรกัน? รออีกสามเดือนก็ตั้งชื่อ ส่วนจะชื่อว่าอะไรนั้น ข้าจะเป็นคนตั้งเอง ไม่ต้องรบกวนคนอื่น หรอก”

“เช่นนั้นถ้าหากไทเฮากับฮ่องเต้ทรงตรัสถามล่ะเพคะ?”

“หากทรงถามก็ทูลว่าตั้งเสร็จแล้ว” กงชิงไม่ได้คิดจะ หารือเรื่องนี้

อันหลิงหยุนรู้สึกขำ: “ท่านอ๋องว่าอย่างไรก็อย่างนั้น หม่อมฉันจะตั้งชื่อเล่นให้พวกเขาเอง

“ชื่ออะไร?” กงชิงวี่จูงอันหลิงหยุนไปดุบรรดาลูกๆ เกิด ครั้งเดียวห้าคน ช่างน่าตกใจจริงๆ ตอนนี้ในเมืองหลวงไม่ พูดคุยกันเรื่องอื่นเลย นอกจากเรื่องที่พวกเขาเกิดลูกครั้ง เดียวถึงห้าคน เกรงว่าคงเฉลิมฉลองกันนานแล้ว

ตอนนี้จะตั้งชื่อ ก็คงต้องให้โอกาสนี้แก่นาง

อันหลิงหยุนรู้สึกขำ: “เจ้าใหญ่ เจ้าสอง เจ้าสาม เจ้าสี่ น้องห้า!”

กงชิงวี่ผงะไปเล็กน้อย ทำสีหน้าตกใจ: “นี่ก็ถือว่า เป็นชื่อเล่นด้วยหรือ?”

แบบนี้ใครก็ตั้งได้!

อันหลิงหยุนรู้สึกพอใจ แล้วจึงเดินเข้าไปหาลูกๆ แล้ว ค่อยๆจูบเรียงทีละคนๆ เด็กตัวน้อยๆต่างยิ้มร่าด้วยความ พอใจ แล้วจึงนอนหลับกันต่ออย่างสงบ
อันหลิงหยุนประหลาดใจ “ท่านว่าเด็กตัวเล็กแค่นี้ ทำไมจึงได้รู้มากเช่นนี้ ตอนที่หม่อมฉันอุ้มเจ้าใหญ่ เขา เช็ดน้ำตาหม่อมฉันด้วย เขาตัวเล็กแค่นี้ก็รู้ความแล้ว รู้จัก เป็นห่วงหม่อมฉันแล้ว!”

“เช่นนั้นไม่ดีหรอกหรือ เหมือนพ่อแล้ว!”

กงชิงวี่กอดอันหลิงหยุนจากทางด้านหลัง ไม่อยาก ปล่อยมือ!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ