ตอนที่ 79-1 ท่านสามไล่คน
ช่วงเฉลิมพระชนมพรรษาเจียไทเฮา ในวังประดับประดาด้วย ดวงโคมและผ้าหลากสี ทำให้บรรยากาศคึกคัก แต่เพราะมี การจัดงานเลี้ยง ผู้เข้าออกจึงถูกตรวจตราอย่างเข้มงวด
พอเข้ามาในวัง จากประตูเจิ้งหยางที่อยู่ชั้นนอกสุด อวิ๋น หวานชื่น เมี่ยวเอ๋อร์ และอวิ๋นหว่านลงก็ถูกจัดให้ลงจากรถม้า มาให้นางในคนตัว จากนั้นจางเพื่อไม่ค่อยพาไปเปลี่ยนเป็นนั่ง เกี่ยวคนเล็กของวัง ซึ่งเป็นที่นั่งแบบติดร่มมีพู่โดยรอบ
เกี้ยวของวังถูกแบกผ่านอาคารกระเบื้องหลังคาแดง กําแพงสูง เลี้ยวลดคดเคี้ยวไปตามระเบียง จนมาถึงตึกใจซึ่ง
หลังลงจากเกี้ยว จางเพื่อให้เข้ามาทำความเคารพแล้วว่า
“ตึกใจซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนของแขกที่เข้าวังมา ขณะงาน เลี้ยงสังสรรค์ที่ศาลาปทุมหอมในสวนหลวงยังไม่เริ่ม เชิญคุณ หนูอนรออยู่ที่นี่ก่อน แล้วพอใกล้เริ่มงาน ข้าจะมารับไป หนักชุ่ยหมิง ถึงตอนนั้น คุณหนูอนค่อยติดตามพระสนมเอก ไปศาลาปทุมหอม ส่วนในตึกใจซึ่งมีคนในวังคอยดูแลอยู่ ถ้า ต้องการอะไร ก็บอกพวกเขาได้ เชิญคุณหนูอวิ๋นตามสบาย
อวิ๋นหว่านในถอนสายบัวงามๆ ตอบ “รบกวนใต้เท้าจางแล้ว”
จากนั้นสามสาวก็หันกายเดินเข้าไป
ตึกใจซึ่งเป็นอาคารโครงสร้างไม้สามชั้น ชั้นบนสุดเป็น หอกลอง
พอก้าวเข้าห้องโถงใหญ่ชั้นล่าง ก็เห็นเสาหินระเบียงแดง ลวดลายมังกรแหวกว่าย ผนังสีทองสุกสกาว ในและนอกห้อง บางส่วนเปิดเชื่อมต่อถึงกัน ด้านนอกฝั่งที่สาวๆ ยืนอยู่เป็นฝั่ง ทะเลสาบเฉิงเทียน และทางเดินไปสวนหลวง สถานที่ที่จัดงาน เลี้ยง
ที่นี่แม้เป็นสถานที่เล็กๆ ในวังซึ่งใช้ต้อนรับแขก แต่ก็เต็ม ไปด้วยบรรยากาศหรูหราของชนชั้นสูง สาวๆ ยืนอยู่ด้านข้าง ส่วนในห้องเป็นที่รวมตัวกันของหนุ่มๆ ลูกผู้ดีมีสกุลซึ่งมาก่อน เวลา จึงต้องอยู่ที่นี่ รองานเลี้ยงเริ่ม
ซึ่งจริงๆ แล้วชั้นล่างมีห้องชุดที่เงียบสงบให้แขกที่เป็น ผู้ชายนั่งพักผ่อน แต่หนุ่มน้อยทั้งหลายกลับนั่งกันไม่ติด เดิน ออกมายืนพิงระเบียงรับลมชมวิว ดูทะเลสาบ คุยเล่นกันตาม อัธยาศัย
ก่อนหน้านี้อวิ๋นหว่านชิ้นไม่เคยคบหาสมาคมกับชายหนุ่ม ชนชั้นสูง แม้แต่เฉินจ้าว ก็เพิ่งมีโอกาสพบกันไม่กี่ครั้งหลังเกิด ใหม่ ซึ่งตามปกติแล้วไม่สะดวกที่จะพบหน้ากัน ตอนนี้จึงได้แต่ เงยหน้า หันมองไปรอบๆ
ในตึก คุณชายลูกท่านหลานเธอแต่ละคนหน้าตาหล่อ เหลาสง่างามในชุดผ้าแพรยาวพร้อมมงกุฎมุกแบบเต็มยศสถานะไม่ต้องพูดถึง พวกเขาสามารถเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงไท
เฮาได้ ย่อมไม่ต่ำต้อย ล้วนดูดีมีระดับทั้งสิ้น อวิ๋นหว่านลงจึง
หน้าแดง เหงื่อซึมฝ่ามือ เพิ่งตามองพลางข่มกลั้นความตื่นเต้น
ไว้ในใจ แล้วสำรวจมองให้ดีๆ ดูว่ามีคนที่ตนพอจะตกได้หรือ
ไม่ ขณะเดียวกันก็เดินยึดอกบิดเอวเล็กน้อย พยายามเผยให้
เห็นส่วนโค้งเว้า
อวิ๋นหว่านชิ้นหยุดสายตาอยู่ที่หนุ่มๆ ลูกผู้ดีกลุ่มหนึ่ง เพราะเห็นคนคุ้นเคยผู้หนึ่ง และคนผู้นั้นก็ได้ยินเสียงความ เคลื่อนไหวที่หน้าประตูพอดี จึงหันร่างสูงหลังตรงมา มองตาม เสียง
เขาสวมชุดแพรยาวสีฟ้า คาดเข็มขัดปักลาย รูปร่างได้ สัดส่วน ใบหน้าหล่อสวย แม้ดูหยิ่งเล็กน้อย แต่ก็โดดเด่นสุด ในบรรดาหนุ่มๆ ผู้มีสกุลรุนชาติ
อนหวานชื่นหรี่ตาลง ขณะเดี๋ยวเอ๋อร์พูดเสียงต่ำ “เป็น คุณชายรองมู่หรง” เกิดมาหล่อก็จริง แต่เสียดายที่ข้างนอก สุกใส ข้างในเป็นโพรง
แหงล่ะ คุณชายรองแห่งจวนกุยเพื่อโหวที่สง่าผ่าเผย มี หรือจะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงของชนชั้นสูงเช่นนี้ อีกอย่างเขาก็ยัง มิได้ตกแต่งฮูหยินสักหน่อย อวิ๋นหว่านชื่นจึงมิได้พูดอะไร
พอมหรงไม่เห็นอวิ๋นหวานชื่น ก็อึ้งเช่นกัน เหตุใดปีนี้นาง ถึงได้เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ในวังด้วยเล่า อาศัยลำดับชั้น ของอวิ๋นเสวียนนั่ง อีกทั้งไม่มีบารมีในวังหลัง ลูกสาวบ้านสกุลอวิ๋นย่อมไม่มีสิทธิ์
แต่พอคิดให้ลึกลงไปอีกขั้น ใบหน้าของมู่หรงไปก็ปรากฏ รอยยิ้มเย็นชา
นางมักพูดอยู่ได้ว่า ตนกับอนหว่านเฟยไม่ทำตาม ประเพณีก่อนแต่ง แล้วสุนัขชายหญิงอย่างนางกับคนผู้นั้นเล่า ไม่เหมือนกันหรอกหรือ ใครจะเชื่อว่าไม่มีสัมพันธ์ส่วนตัวกัน ถ้าไม่มีคำสั่งและการยินยอมจากฉินอ๋อง ลูกสาวรองเจ้ากรม ฝ่ายซ้ายตัวกระจ้อยร่อยอย่างนาง จะมีสิทธิ์มางานเลี้ยง อลังการเช่นนี้หรือ
ทว่าวันนี้ นางดูสดใส แต่งเนื้อแต่งตัวไม่เหมือนเมื่อก่อน งดงามอย่างน่าอัศจรรย์
ทรงไม่มองอยู่นาน เกิดกลัวขึ้นเล็กน้อย จึงกำมือ ใจที่
เย็นอยู่จางหาย ปรากฏความไม่พอใจอยู่บ้าง
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่พอใจ รู้แต่เพียงว่า การแต่งตัว ของนางในวันนี้ มิใช่เพื่อตนเอง โดยความงามเช่นนี้ เกรงว่า ตนเองคงยากเชยชม จึงอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงออกมาทางจมูก ก่อนก้าวเข้าไป ทักทายเสียงต่ำ
“คุณหนูอนก็มาด้วยหรือ
อนหวานชิ้นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มิได้เสียมารยาท แต่ ใบหน้าได้เขียนชัดเจนว่า “ข้ารู้จักเจ้าด้วยหรือ” แล้วจึงไม่ แยแสสนใจ ในกายเดินจาก เหลือเพียงเงาด้านข้างให้มู่หรงไทมองตาม
สิ่งที่ทำให้คนรับไม่ได้สุดๆ มิใช่การด่าทอ แต่เป็นกิริยา
ไม่สนใจใยดี ทำสีหน้าเย็นชาใส่ มู่หรงไทจึงยิ่งไม่สบอารมณ์ แต่กลับรู้สึกผิดหวัง สูญเสียและเสียใจอย่างไม่มีที่ไม่มีขลุ่ย
นี่ก็แปลกแล้ว ชาติก่อนตอนแต่งงานใหม่ๆ ที่นางยังไม่
ป่วย เขารู้สึกว่านางสวย แต่ก็มิได้สวยจนตกเอาหัวใจเขาไป
ได้เช่นนี้ เหมือนมีดอกไม้เลื่องชื่อดอกหนึ่งถูกย้ายเข้ามาปลูก
ในดินของเขา ทุกอย่างล้วนเป็นของเขา แต่เขากลับชอบความ
ร้อนแรงของอวิ๋นหว่านเฟย แต่ตอนนี้ เหมือนเขากำลังมองดูด
อกไม้ดอกนี้ถูกผู้อื่นเด็ดเอาไป ใจที่คนยุกยิกยากทานทนเช่นนี้
ทำให้เขาทนไม่ไหว
แต่ไม่เป็นไร พอวันนี้ผ่านพ้นไป ผู้ที่เด็ดดอกไม้อาจยาก รักษาชีวิตตัวเองให้อยู่รอด
และเมื่อคนผู้นี้ล้ม ก็ไม่จำเป็นต้องกลุ้มเรื่องย้ายดอกไม้ กลับมาไม่ได้อีก เมื่อเขาไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้
ขณะทรงไท่กำลังครุ่นคิด หนุ่มๆ ชนชั้นสูงก็มองไปที่
ประตู แล้วหยุดสายตาอยู่ที่อวิ๋นหวานชื่น ทุกคนอึ้ง รีบหันมาก ระซิบกระซาบกัน
“คุณหนูบ้านไหนกันนี่” มีคนถาม
“ไม่แน่ใจ…ไม่เคยเห็นมาก่อน มีคนสงสัย
“หน้าตาท่าทางแบบนี้ อยู่ในเมืองหลวงไม่โด่งดังได้ไงไม่มีเหตุผล มีคนเคือง
“รีบไปสืบดูสิ ว่าอยู่บ้านไหน…สักพักถ้าคนมากันมากขึ้น คู่แข่งจะมากตาม…” มีคนหยอก หนุ่มๆ ชนชั้นสูงกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในวัยคะนอง ท่าทางดื้อดึง ทะลึ่งทะเล้น ชอบพูดจาหยอกล้อ และชัดเจนดี
ว่าการมางานเลี้ยงในวันนี้ เนื้อแท้คือ มาหาคู่ในงาน ก็ยิ่งไม่
ยับยั้งชั่งใจ
ส่วนอวิ๋นหว่านลง อย่าว่าแต่ไม่เคยเห็นบรรยากาศเช่นนี้ เลย แม้แต่ผู้ชาย นางก็ไม่ค่อยได้พบเห็น จึงหน้าแดงแต่แรก แล้ว
แต่เดี๋ยวเอ๋อร์กลับใจกล้า ไปที่ไหนก็เหมือนบ้านของ ตนเอง เอาแต่หัวเราะคิกคัก ด้วยทนไม่ไหวจริงๆ ก่อนพูดข้าง หูอวิ๋นหวาน น
“คุณหนูใหญ่ ทำไมบ่าวรู้สึกเหมือนถือเนื้อชิ้นหนึ่งเดินบน ท้องถนน พอเห็นกลุ่ม…สุนัขล้อมเข้ามา มือไม้ก็มีแต่เหงื่อ กลัว ว่าสุนัขเหล่านี้จะแย่งชิ้นเนื้อของบ่าวไป
อนหวานชิ้นเอียงคอเล็กน้อย เหล่ตามองเที่ยวเอ๋อร์ ก่อน แสร้งทำเป็นโกรธ
“เจ้าว่าพวกเขาเป็นสุนัขก็แล้วกันไป คิดไม่ถึงว่าจะว่าคุณ หนูบ้านเจ้าเป็นชิ้นเนื้อด้วย
คนงามไม่มีท่าทีโกรธเคืองแม้แต่น้อย ยิ่งทำท่างอนใส่ซึ่งเป็นท่าที่ยากพบเห็นอย่างหนึ่ง เมื่อเทียบกับคนงามที่งาม อย่างเป็นธรรมชาติซึ่งเพิ่งเห็นเมื่อครู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่ม ชั้นสูงพากันหายใจเข้าลึกๆ เดิมทีเพียงคิดกันเล่นๆ แต่ตอนนี้ กลับคิดจริงจังขึ้นมา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ