ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 78-3 ม้าผอมแย่งชิง สองพี่น้องเข้าวัง



ตอนที่ 78-3 ม้าผอมแย่งชิง สองพี่น้องเข้าวัง

เถาสวายกบะหมี่น้ำร้อนๆ เข้ามาในห้อง พออนเสวียนนั่งได้ กลิ่นหอมของน้ำมันงา น้ำย่อยในท้องก็เริ่มทำงาน กระดิกนิ้วชี้ รอ จนชามบะหมี่วางลงตรงหน้า

พอเถ้าฮวาถอยออก เขาก็หยิบตะเกียบม้วนเส้นเข้าปาก ไปคำหนึ่ง ยังไม่ทันไร ก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง พอเคี้ยวไปสองที หน้าก็เปลี่ยนสี ปุ๋ยๆ บ้วนใส่ถาด แล้วลองจิบน้ำแกงคำเล็กๆ ดู พอน้ำแกงไหลลงไปในลำคอ ก็ทนไม่ไหว สำลักสองที แล้ว ไอออกมา ก่อนก้มหน้า สำรอกลงพื้น

เถาฮวาเห็นแล้วก็ตื่นตระหนกกิ่ง ละล่ำละลัก “นายท่าน บะหมี่ บะหมี่ไม่อร่อยหรือเจ้าคะ

อนเสวียนนั่งไม่สบอารมณ์สุดๆ “ยังใช้คำว่าอร่อยได้อีก หรือ เจ้ามาชิมเองมา! ตอนที่ท้องกำลังหิว กลับกินไม่ได้ อารมณ์จึงขุ่นมัวลงไม่น้อย

พอเถาสวายกชามบะหมี่ขึ้นซดน้ำแกง ก็ขมวดคิ้ว รสชาติ แปลกๆซึมเข้าไปในปาก ปุ๋ย” นางบ้วนใส่ถาดตาม น้ำแกง เค็มปี เหมือนใครทำเกลือหกใส่ ร่วมกับรสเผ็ดจัดของพริก ไทย
ไม่ถูกต้อง ต่อให้ตนได้ใจขนาดไหน ก็ไม่มีทางใส่เกลือ มากขนาดนี้ ยิ่งไม่ได้ใส่พริกไทยด้วย

พออวนเสวียนนั่งเห็นว่า ขนาดคนทำยังสำรอก ก็ยิ่งเสีย อารมณ์ จับตะเกียบวางลงบนโต๊ะแรงๆ “ใช้ไม่ได้เรื่องสักนิด แล้วก็ลุกพรวดขึ้น เดินเข้าไปด้านใน

เถาวาได้สติ รีบวางชามลง แล้วเดินตาม “นายท่าน บ่าวจะไปทำให้ใหม่นะเจ้าคะ

อนเสวียนนั่งไม่หันกลับ “ขนาดบะหมี่ธรรมดาๆ เจ้าก็ยัง ทำไม่เป็น แล้วจะทำอะไรได้อีก เอาเถอะ ถ้าข้าจะกิน ค่อย เรียกแม่ครัวทำให้ เจ้านะ ซึ่งไม่ได้

ใจของเถาฮวาถูกกรีดจนเลือดแทบหยด ความประทับใจ ที่เพิ่งเกิดขึ้น ถูกทำลายลงในพริบตา แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยไป เช่นนี้ จึงใช้มือกดลำคอ บีบให้เสียงใส

“นายท่าน เช่นนั้นบ่าวเปลี่ยนชุดให้ และปรนนิบัติก่อน เข้านอนนะเจ้าคะ

“พอเถอะๆ” เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ อารมณ์วาบหวามที่เกิด ขึ้นก็หายไป อีกทั้งนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปขานชื่อ อ ขึ้นเสวียนนั่งจึงหมดอารมณ์

“เจ้าออกไปเถิด ไปเอาน้ำให้ข้าหนึ่งกะละมัง ข้าล้างหน้า เสร็จ ก็นอนเลย”

เถาชวาเสียใจหนักมาก ที่วันนี้พลาดโอกาสดีไป และไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะมีอีกหรือไม่ อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา จึงได้แต่ ข่มใจไว้ ก่อนพูดเสียงสั่น “เจ้าค่ะ นายท่าน แล้วจึงออกไป พลางเจ็บใจ

เด็กรับใช้คนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู อายุราวสิบสองสิบสาม เติบโตในบ้านสกุลอวิ๋น ชื่อถานเซียง เที่ยวเอ๋อร์ไม่สะดวกที่จะ จับตาดูสถานการณ์ได้ตลอด จึงกำชับให้นางจับตาดูสามม้า ผอมให้ดีๆ และต้องรายงานถ้ามีความเคลื่อนไหว ซึ่งคืนนี้ถาน เซียงก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนหลักทั้งหมด โดยนาง เพิ่งไปที่ประตูห้องครัวแอบดูมา แล้วเห็นกับตาว่า ตอนเหลียน เหนียงต้มน้ำ ได้ฉวยโอกาสขณะที่เถาฮวาไม่ทันสังเกต ใส่ เกลือและพริกไทยจำนวนมากลงไปในหม้อ ซึ่งทั้งสองอย่าง ละลายในน้ำเดือดอย่างรวดเร็ว ไหนเลยจะเห็นร่องรอย บวก กับการปรุงรสของเถาฮวา น้ำแกงชามนั้นรสจัดขนาดไหน ไม่ ต้องบอกก็รู้

ตอนนี้ก็เช่นเดียวกับที่ผ่านมา ถานเชียงรีบวิ่งไปเรือนห ยิง รายงานกับเคี่ยวเอ๋อร์

โดยบอกต่อว่า เถาฮวาสะบัดหน้า เดินเท้าออกจาก ห้องนายท่าน ตรงไปยังห้องครัว ซึ่งเหลียนเหนียงนั่งอยู่หน้า เตาดินเผา กำลังพัดและเฝ้าไฟอยู่

พอเหลียนเหนียงได้ยินเสียงฝีเท้า ก็หันมอง นางเช็ดหน้า แล้ว ใบหน้ากลับมาสะอาดและขาวดังเดิม ทำให้ดูเยือกเย็น ดุจน้ำแข็ง บริสุทธิ์ดุจหยก หลังจากเหลือบมองเถาฮวาที่กำลัง ขุ่นเคือง นางก็พูดอย่างอ่อนโยน
“นายท่านอยากได้ใช่ไหม

เถาฮวาเท้าสะเอว ก้าวไปข้างหน้า ยิ้มเย็นชา ก่อนด่า “ก็ ใช่น่ะสิ นั่งสารเลว หน่อย…ทำเป็นดี ที่แท้ก็ตอแหล! ใส่เครื่อง ปรุงรสเพิ่มลงไปในบะหมี่ ทำให้ข้าต้องขายหน้าต่อหน้านาย ท่าน!”

เหลียนเหนียงวางพัดใบกล้วยลง กะพริบตา แววตาตื่น ตกใจ พลางพูดเสียงอ่อน

“เถาฮวาเจ้าพูดอะไรน่ะ ข้าต้มน้ำอยู่ตรงนี้ ส่วนเจ้าปรุงรส อยู่อีกด้าน ข้าจะใส่เครื่องปรุงรสเพิ่มลงไปในบะหมี่เจ้าได้ อย่างไรกัน

เถาฮวาแน่ใจว่านางเป็นคนทำ แต่คนทำบะหมี่กับมือคือ ตน ถ้าตนไม่มีหลักฐาน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถโทษนางได้ ต้องโทษตัวเองที่ดูเบานางไป อีกอย่าง เหลียนเหนียงรู้สึก ขมขื่นใจที่ถูกคุณหนูใหญ่ส่งมาทำงานในครัว ทำให้ไม่มี โอกาสพบหน้านายท่าน ถ้าตนแฉว่าถูกนางกลั่นแกล้ง นาย ท่านก็จะเรียกนางไปสอบถาม และนางก็จะได้โอกาสสัมผัสชิด ใกล้นายท่าน ซึ่งเท่ากับติดกับดักนางหรอกหรือ

ครั้งนี้เถาฮวาจึงได้แต่เสียเปรียบ จึงก้าวเข้าไปจ้องมอง

เหลียนเหนียง

“อย่านึกว่าทำให้ข้าเสียโอกาสครั้งนี้แล้ว เจ้าจะเหินบิน ได้! ทำไม นึกว่าข้าจะแฉเจ้า เพื่อให้นายท่านเรียกเจ้าเข้าไป แล้วเจ้าจะได้พบหน้านายท่าน ฝันไปเถอะ! ข้าไม่มีทางหลงกลเจ้าหรอก มีข้าอยู่ทั้งคน เจ้าเลิกคิดหาทางใกล้ชิดนายท่านได้ เลย! วันนี้นายท่านไม่แตะต้องข้า ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ แตะต้องไปตลอด ถ้าเจ้าเคารพข้าบ้าง ต่อไปถ้าข้าได้เป็นอนุ ไม่แน่ว่าอาจให้เจ้าได้อยู่ดีมีสุขบ้าง แต่ตอนนี้หึๆ เจ้าไม่มี ทางทําอะไรตามใจหรอก! ข้าไม่ปล่อยนั่งสารเลวอย่างเจ้าไว้ แน่!”

ว่าแล้วก็เตะเตาใบเล็กคว่ำด้วยความโมโห ก่อนหันกาย เดินจากไป

ข้างเตาไฟ เหลียนเหนียงค่อยๆ ยืนขึ้น คลายมือออก พัด ใบกล้วยหล่นลง ปืนในเตาถูกเผาจนได้ยินเสียงดัง เปรียะๆ ท่ามกลางแสงสีส้มแดงจากเปลวไฟที่ขยับ ทำให้เกิดเงาดำๆ บนแก้มขาวๆ ไร้ที่ติของนาง มุมปากที่บางและอ่อนนุ่มเผยให้ เห็นรอยยิ้มแปลกๆ ซึ่งไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของนางอย่างสิ้น เชิง

เรือนผู้หญิง อวิ๋นหวานชื่นกับชูซย่าเพิ่งกลับ

พอก้าวเข้าห้องที่เงียบสงบ ชูซย่าก็ได้ยินเสียงท้องร้อง โกรกกรากของคุณหนูใหญ่ จึงหัวเราะปูดออกมา “ไปห้องครัว เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ ทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ทาน

แต่ยังไม่ทันหันกาย อวิ๋นหว่านในก็คว้าข้อมือนางไว้ “ไป ไหน? เจ้าบ้านก็บอกแล้วว่า ถ้าอยาก ก็ไปสั่งจากเทียนซึ่ง เหลาได้ นายท่านอุตส่าห์เลี้ยงทั้งที เจ้าจะประหยัดไปทำไม!

ว่าแล้วก็นั่งลง เขียนรายการอาหารมาหนึ่งแผ่น ส่งให้ซย่า “ตามนี้ล่ะ พอสั่งเสร็จก็บอกให้คนของเขาเอามาส่งที่จวน รองเจ้ากรม

พอซูซย่าเห็นรายการอาหารยาวเหยียด ก็คิดในใจ คุณ หนูใหญ่โหดจริงๆ ไม่เกรงใจสักนิด! จึงหัวเราะคิกคัก ก่อนหัน เดินออกไป

ในห้อง เดี๋ยวเอ๋อร์เข้ามาเล่าเรื่องที่ถานเซียงมารายงาน ตนให้คุณหนูใหญ่ฟัง

และแล้ว แค่ไม่กี่วัน สองในสามก็เริ่มปะฉะดะแล้ว

เพียงแต่จิตใจคิดแย่งตำแหน่งของเหลียนเหนียง แรงกว่า ที่ตนคาดเดา การใช้วิธีทุบหม้อจมเรือ สู้ตายเพื่อให้ได้ใกล้ชิด กับนายท่าน โดยยอมทำผิด เพื่อให้นายท่านได้เห็นหน้านั้น ต่อให้ไม่สำเร็จ ก็ทำให้เถาฮวาถูกนายท่านโกรธ เสียโอกาส ไปครั้งหนึ่ง

ทั้งสองคุยกันไป ราตรีก็กลงเรื่อยๆ

ชูซย่ากลับมาพร้อมเด็กรับใช้จากเทียนซึ่งเหลาสองคน แต่ละคนยกกล่องอาหารสามชั้นไว้ในมือ หยุดยืนอยู่หน้าประตู หลังจากให้ค่าเหนื่อยกับเด็กทั้งสองแล้ว นางกับเดี่ยวเอ๋อร์ ยกกล่องอาหารเข้ามา

ทั้งสองเปิดกล่องอาหาร แล้วนำกับข้าวออกมาวางทีละ จาน จนเกือบเต็มโต๊ะ ทำให้ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ของอาหารและควันไฟ ทั้งหมดเป็นกับข้าวเลื่องชื่อของเทียนซึ่งเหลา มีกับแกล้มที่ทานกับสุราอย่าง ยำผ้าขี้ริ้ว ผัดเอ็นเนื้อ กระเพาะแพะผัดกระเทียม ไก่นึ่งซีอิ๊ว ของกินเล่นก็มี สาหร่าย ปูดองเหล้าจีน ตีนไก่อบ ซึ่งแต่ละอย่างมีผักข้างเคียง ตามฤดูกาลให้

“คุณหนูใหญ่ เยอะขนาดนี้ กินคนเดียวหมดหรือ ระวัง กระเพาะขยายนะเจ้าคะ มะรืนยังต้องเข้าวังอีก” ตอนซูซย่าสั่ง อาหาร ก็ค่อนข้างลำบากใจอยู่

อนหวานชื่นจึงดึงมือของเมี่ยวเอ๋อร์และซูซย่า ให้มานั่ง ด้วยกันที่โต๊ะอาหาร

“หมดแน่นอน ก็ข้าไม่ได้กินคนเดียวนี่ ยังกลัวว่าจะไม่พอ ด้วยซ้ำ”

คุณหนูใหญ่เป็นกันเองเสมอ ทั้งสองจึงได้แต่มองตากัน

ตัดสินใจไม่ปฏิเสธ นั่งลงตามใจอนหวานชิ้น

เดี๋ยวเอ๋อร์ชี้ไปที่กับข้าวพลางหยอก “กับข้าวแบบนี้ กิน กับเหล้าดีที่สุด”

พูดได้ถูกจุด อวิ๋นหว่านในหัวเราะดุจระฆังเงิน “เจ้าคิดเห มือนข้าเงียบ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ