ยอดนักสู้สยบฟ้า

บทที่ 6 ทำไมถึงได้แตกต่างมากมายขนาดนี้



บทที่ 6 ทำไมถึงได้แตกต่างมากมายขนาดนี้

แผ่นหยก? ทั้งยังเป็นหนึ่งคู่?

ทันใดนั้นในบ้านก็เงียบสงัดในบัดดล สายตาทุกคู่กวาดมอง ไปทางประตู

ต่างคิดว่าเย่เทียนนี่วิเศษวิโสมาจากไหน แม้แต่ของที่ล้ำค่า ขนาดนี้ยังสามารถเอามาได้

เย่จิ้งซานกับเย่น่าเองก็อึ้ง

แต่ไม่ได้เป็นเพราะแผ่นหยก แต่เป็นเพราะเย่เทียน สองคำนี้ ต่างหาก

“เย่เทียน? หรือว่าเสี่ยวเทียนจะกลับมาแล้ว?” เย่จิ้งซานทั้ง

ตะลึงทั้งยินดี วางแก้วลงแล้ววิ่งไปที่ประตู

“คุณอาครับ ผมคือเสี่ยวเทียน ผมกลับมาแล้วครับ”

เย่เทียนรีบเข้าไปประจันหน้าที่ด้านหน้าของเย่จิ้งซานทันที

ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปี ริ้วรอยบนใบหน้าของคุณอาเพิ่มมาก ขึ้น ร่างกายก็ผอมลงไปไม่น้อย แต่ก็ยังอบอุ่นมาก ๆ เหมือน เดิม

เย่เทียนไม่มีทางลืม เป็นผู้ชายคนนี้แหละที่เลี้ยงเขาจนโตมากับมือ ให้กำลังใจให้เขาสมัครเข้าไปเป็นทหาร!

เรียกได้ว่าถ้าหากไม่มีเย่จิ้งซาน ก็ไม่มีเทพสงครามหลิงเทียน

ในวันนี้!

“ดี ดี กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้วนะ!” เย่จิ้งซานตบไหล่กำ ยำของเย่เทียน ครู่หนึ่งดวงตาก็แดงขึ้น

“เสี่ยวเทียน เจ้าโตแล้ว” มองดูเย่เทียนที่สูงกว่าตนเองหนึ่ง ช่วงศีรษะ เย่จิ้งซานก็รู้สึกภาคภูมิใจมาก

“คุณอาครับ วันนี้เป็นวันเกิดของท่าน ผมจึงรีบกลับมาโดย เฉพาะ สุขสันต์วันเกิดนะครับ!” มุมปากของเย่เทียนมีรอยยิ้ม อยู่ ในดวงตากลับมีแสงสะท้อนที่แตกต่างกัน

เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนสีหน้าของเย่จิ้งซานขาวซีด พูดจาไม่ค่อยมีพลัง แม้แต่การเดินก็ยังดูเลื่อนลอย

นี่เป็นอาการของการได้รับบาดเจ็บ แถมการบาดเจ็บยังไม่ใช่ เบา ๆ อีกด้วย เย่จิ้งซานเพียงแค่ข่มอาการไว้เท่านั้น

หรือว่าจะเกิดเหตุร้ายในตระกูล?

แววตาของเย่เทียนดุดันขึ้นทันที

“คุณอาครับ ท่านเป็นเจ้าของงานวันเกิด จะยืนอยู่ได้อย่างไรครับ รีบนั่งลงเถอะครับ”

เย่เทียนเองก็ไม่เผยความ ประคองเยจิ้งซานให้นั่งลงไป

“เจ้าเด็กคนนี้นี่” เย่จิ้งซานโบกมือยิ้ม ๆ แต่ก็ไม่หลีกเลี่ยง “ดู เจ้าสิ คล้ำไปไม่น้อยเลย ชีวิตในค่ายทหารคงลำบากไม่น้อย เลยสินะ?”

“ดีมากครับ!” เย่เทียนสายศีรษะ “ผู้นำดูแลผมดีมาก ไม่ได้รับ ความลําบากอะไรเลยครับ”

เย่จิ้งซาน ‘อืม’ รับคำขึ้นมาคำหนึ่ง แต่กลับไม่ได้เห็นความ เคารพเชิดชูในแววตาของหลินขุย

ถ้าหากท่านจอมพลไม่ได้ลำบากจริง ๆ ละก็ เกรงว่าประเทศ หลงจะโดนบุกรุกเข้ามานานแล้ว

“ยัยหนู ยังจะยืนอยู่ตรงนั้นทำไมอีก? เจ้าไม่ได้ถามมาตลอด เหรอว่าพี่เสี่ยวเทียนจะกลับมาเมื่อไหร่? ทำไมตอนนี้ถึงยังมีกะ จิตกะใจยืนใจลอยอยู่อีก?”

ได้ยินคำนั้น เย่น่าที่อยู่ข้าง ๆ ก็แดงก่ำขึ้นฉับพลัน เดินขึ้น หน้าสองก้าวไปยืนอยู่ตรงหน้าเย่เทียนอย่างคล่องแคล่วน่ารัก

“พี่เสี่ยว… พี่เย่เทียน!”
เดิมที่เย่น่าอยากจะเรียกว่าพี่เสี่ยวเทียน แต่ท่ามกลางสายตา ของผู้คนมากมายเธอกลับพูดไม่ออก จึงรีบเปลี่ยนคำเรียก ยาน

เธอเติบโตมากับเสี่ยวเทียนตั้งแต่เด็ก เรียกพี่เสี่ยวเทียนมา เกือบจะสิบปีเต็ม!

แต่เวลาผ่านไปสิบกว่าปี เย่น่าสับสนมาก ว่าควรจะเรียก ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าว่าอย่างไรดี

โดยเฉพาะที่พวกเขาได้ถูกจับคู่แต่งงานกันมาตั้งแต่ตอนเป็น เด็ก

ในปีนั้นเธอมีความสุขเพราะเรื่องนั้นอยู่หลายวัน

แต่ในตอนนี้เห็นเย่เทียนที่ดูธรรมดาบ้าน ๆ กลับยิ้มไม่ออก

เลย

“ฮ่า ๆ เสี่ยวน่าโตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย? พี่เกือบจะจำไม่ได้แห

นะ!”

เย่เทียนยิ้ม ว่ากันว่าผู้หญิงพอเป็นสาวก็จะสวยขึ้น เมื่อก่อน ยังเป็นเด็กเดินตามเขาต้อย ๆ ตอนนี้กลายเป็นสาวสวยสะพรั่ง ไปเสียแล้ว

“ยัยหนูนี่…” เย่จิ้งซานหัวเราะเพื่อน ๆ เสียงหนึ่ง ดวงตามองไป ยังเย่เทียน “เสี่ยวเทียน มา รีบมานั่ง ฉันจะบอกให้นะ…”
“พูด ๆ ๆ ยังจะพูดอะไรอีก?” หวังซิ่วเหลียนเอ่ยปากตัดบทเย่ จิ้งซานทันที จ้องเย่เทียนอย่างไม่ใส่ใจตาเขม็ง

“นี่มันเวลาไหนแล้ว ถ้ายังจะพูดต่ออีกงานเลี้ยงนี้จะได้เริ่ม ไหม?”

บรรยากาศอึดอัดขึ้น เย่เทียนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจสักนิด เอ๋ย ปากกู้หน้าให้

“ต้องโทษที่ผมมาสาย คุณอา รีบเปิดงานเถอะครับ อย่าเสีย เวลาอยู่เลย”

เย่จิ้งซานหุบยิ้ม ถลึงตามองภรรยาครั้งหนึ่ง “เธอพูดแบบนี้ได้ ยังไง? เย่เทียนกลับมาครั้งหนึ่งไม่ใช่ง่าย ๆ นะ สงบปากสงบ คําเสียบ้างไม่ได้หรือไง?”

หวังซิ่วเหลียนร้อง ‘เฮอะ’ ขึ้นมาครั้งหนึ่ง “ฉันพูดผิดเหรอ? เพิกเฉยต่อแขกผู้มีเกียรติมากมายขนาดนั้น สมควรเหรอ?”

ระหว่างที่พูดก็กวาดสายตามองสำรวจเย่เทียนขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ หลายครั้ง สะบัดหน้าใส่อย่างดูถูก

“เธอ แดก ๆ…” เจิ้งซานคิดจะตอบโต้ กลับไอขึ้นมาอย่าง รุนแรง ใบหน้าซีดขาวไปทั้งหน้า

“คุณอาครับ อาสะใภ้พูดถูก พวกเราอาหลานยังมีเวลาพูดคุย กันอีก แต่จะมาเมินเฉยแขกไม่ได้นะครับ”
เย่เทียนขมวดคิ้ว ตบหลังเย่จิ้งซานเบา ๆ ดูเหมือนว่าอาการ บาดเจ็บของคุณอาจะร้ายแรงกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก

“ใช่ค่ะคุณแม่ แม่ก็พูดให้น้อย ๆ ลงหน่อยเถอะค่ะ” เย่น่า มองค้อนหวังซิ่วเหลียนหนึ่งที ประคองเย่จิ้งซานเข้าไปนั่งตรง ตำแหน่งประธาน

ไม่ง่ายเลยกว่าที่เจิ้งซานจะประคองอาการขึ้นมาได้ จ้อง หวังซิ่วเหลียนเขม็ง ตบเก้าอี้ข้าง ๆ ตัวเองเป็นนัยให้เย่เทียน

“ไม่ต้องไปใส่ใจเธอ เย่เทียน มา มานั่งข้าง ๆ อา!”

หวังซิ่วเหลียนร้อง ‘เฮอะ’ ออกมาคำหนึ่ง สะบัดหน้าอย่างอึม

ครีม

แต่กลับไม่เห็นว่าหลินขุยมองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือกทั้ง ตา ถ้าหากว่าเธอไม่ใช่อาสะใภ้ของเย่เทียนละก็ ตอนนี้เธอคง ได้กลายเป็นศพไปแล้ว

มองออกไปทั้งโลก ไม่ว่าคุณท่านจะเดินไปที่ไหนล้วนได้รับ ความเคารพราวกับแขกผู้มีเกียรติ นับประสาอะไรกับตระกูล เย่เล็ก ๆ?

เย่เทียนมาอยู่ข้างเย่จิ้งซานอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ กำลังคิด จะนั่งลงไป เสียงที่ไม่เข้ากับบรรยากาศก็ดังขึ้นในทันที

“นายคือเย่เทียน พี่ชายที่เป็นทหารคนนั้นของเสียวน่าใช่ไหม?”

“เย่เทียนหันกลับไป กลับเห็นผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่แต่งเนื้อ แต่งตัวเกินพอดีจ้องมองตัวเองอยู่ เขาก็ขี้เกียจจะใส่ใจ ยัง ไม่ทันนั่งลง ผู้ชายวัยรุ่นคนนั้นก็เดินหน้าหนึ่งก้าวเข้ามาขัด ขวางอยู่ตรงหน้าของเย่เทียน

“เสี่ยวอู๋ นายจะทำอะไรน่ะ?” เปจิ้งซานขมวดคิ้วมองอู่ทง ไม่ พอใจอยู่บ้าง

อู่ทงแย้มยิ้ม “คุณอาเย่ วันนี้เป็นวันเกิดของคุณ ต่อให้เสี่ยว น่าไม่นั่งที่นั่งตรงนี้ ก็ต้องให้คุณอาสะใภ้นั่งถึงจะถูก จะมาเป็น คนนอกคนหนึ่งอย่างเขาได้อย่างไร?”

พูดจบ สายตาก็มองไปที่เย่เทียนอีกครั้ง “นี่แก คนเราต้อง รู้จักตัวเอง แกเป็นแค่ลูกบุญธรรมคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีความ สัมพันธ์อะไรกับคุณอาเลยสักนิด ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเดินเข้า ประตูนี้มาด้วยซ้ำ แกลองพูดมาซิว่าแกมีสิทธิ์อะไรที่จะมานั่ง ตรงนี้?”

คำพูดของอู๋ทงโหดเหี้ยมมาก

เขาจีบเย่น่ามาตั้งนานแล้ว เย่น่ากลับไม่เคยมองเขาสักที

แต่กลับสนิทสนมกับไอ้บ้านนอกนี่ขนาดนี้ ทั้งยังเรียกพี่เสี่ยว เทียนอีก ทําเอาเขาโมโหจนแทบจะระเบิด
ถือโอกาสนี้ วันนี้ไม่สั่งสอนเขาให้ดี ๆ คงจะไม่ได้

“อู่ทง นาย..” เย งานกำลังคิดที่จะเอ่ยปากพูด แต่กลับถูก เย่เทียนยกมือห้ามเอาไว้

“ถ้างั้นคุณว่ามา ผมควรจะนั่งตรงไหน?” เย่เทียนเงยหน้าขึ้น มองอู่ทงอย่างนึกสนุก

อู่ทจมองเขาอย่างดูถูก “คนบ้าน ๆอย่างแก รีบไสหัวไปเสีย เถอะ อย่ามาอยู่ให้สกปรกพื้นของคุณอาเย่เลย”

เย่เทียนหัวเราะ ไม่มีท่าทีโกรธเลยสักนิด “ถ้าอย่างนั้นคุณ เป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาไล่ผมออกไป

“แม้แต่ฉันก็ไม่รู้จักงั้นเหรอ? เป็นไอ้บ้านนอกจริง ๆ!” อู่ทงคิ้ว กระตุก เสียงดังขึ้นส่วนหนึ่ง “น่าจะเคยได้ยินชื่อตระกูลอื่นะ?”

“ตระกูลอู๋?” เย่เทียนส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

“แก! แต่ก็ถูกแล้วล่ะ คนบ้านนอกอย่างแก จะมารู้จักคนระดับ นี้ได้อย่างไร” สีหน้าของอู่ทงยิ่งดูถูกเหยียดหยามขึ้นไปอีก ได้ยินมาว่าแกไปเป็นทหารนานแล้วนี่ มั่วไปถึงยศไหนแล้ว ล่ะ? คงจะไม่ได้แค่ยืนเฝ้าประตูใช่ไหม?

เห็นการแต่งตัวของเย่เทียนแบบนี้ ทั้งยังหนุ่มขนาดนี้ อู่ทงม องไม่เห็นอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง
เยเทียนสายศีรษะ “ผมปลดประจำการแล้ว ตอนนี้ดำรง ตำแหน่งอยู่ในกองทัพ”

ยังหนุ่มอยู่ก็ปลดประจำการแล้ว?

เยจิ้งซานกับเย่น่าขมวดคิ้ว

ปลดประจำการ ไม่เท่ากับตกงานหรอกเหรอ?

หวังซิ่วเหลียนเบะปาก ขี้เกียจที่จะมองเย่เทียน

“ฮ่า ๆ ๆ มิน่าล่ะถึงได้กลับมากะทันหัน” อู่ทงหัวเราะเสียงดัง อย่างกำเริบเสืบสาน ไร้ความหวาดกลัวใดใด “ฉันว่าแกน่าจะ ถูกไล่ออกนะ พูดว่าปลดประจำการเพราะไม่กล้าสู้หน้าท่า นอาเย่ถึงได้ล่ะมั้ง? ไหนจะดำรงตำแหน่งอยู่ในกองทัพนั้นอีก ไม่กลัวคนอื่นจะหัวเราะเยาะเอาเสียเลย!

“แกดูเทพสงครามเป่ยเย่ เพิ่งจะอายุสี่สิบกว่าก็ได้เป็นจอมพล แล้ว! อายุแบบแกนี่ก็มีทหารใต้บัญชาเป็นแสนคนแล้ว ไหน เลยจะเหลวแหลกแบบแก?”

คำพูดของอู่ทงเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและการดูถูก เหยียดหยาม “เป็นทหารเหมือน ๆ กัน ทำไมถึงได้แตกต่าง ขนาดนี้นะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ