บทที่ 4 พยัคฆ์ร้ายลงภูผา ฝูงหมาป่า กระจัดกระจาย
“ได้!* ฟู่หยุนยิ้ม เดินเข้ามาทางเย่เทียนทีละก้าว ๆ
“เจ้าหนุ่ม ฉันแค่รับเงินมาทำงานไป แกจะมาแค้นฉันไม่ได้ นะ!”
พูดแล้วก็กำหมัดแล้วเหวี่ยงหมัดพร้อมพลังลมจากหมัดต่อย เข้าไปทางเย่เทียนทันที
เขาไม่ออกแรงจนสุด กลัวว่าหมัดเดียวก็จะทำให้เย่เทียน กลายเป็นเนื้อเหลว ๆ ได้
เย่เทียนมองเขาอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าไม่มีความเคลื่อนไหวใด ใด กระทั่งแม้แต่ตาก็ไม่กะพริบ!
“เฮอะ กล้าเป็นศัตรูกับตระกูลสวีของฉัน นี่คือจุดจบ!” ท่าน หญิงสวีร้อง ‘เฮอะ’ เสียงเย็นครั้งหนึ่ง ราวกับเห็นเย่เทียนโดน ต่อยตายในหมัดเดียวแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“คุณย่าครับ รอเก็บเย่เทียนแล้ว เย่จิ้งซานนั่นก็ปล่อยเอาไว้ ไม่ได้นะครับ” สวีเทียนหมิงเสนอแนะเบา ๆ
ในเมื่อเย่เทียนมาเพื่อสวีเทียนเฉิง ตัดหญ้าก็จำเป็นต้องถอนรากถอนโคน
“เรื่องนี้แกไปจัดการ!” ท่านหญิงสวีสั่งไปตามคำ
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเย่จิ้งซานไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ห้างสรรพ สินค้าของตระกูลสวีของฉันสร้างเสร็จไปนานแล้ว ในเมื่อเขา ไม่ยอมร่วมมือ นั่นก็ไม่มีความจําเป็นต้องอยู่ต่อไปแล้ว”
สวีเทียนหมิง ‘อั้ม’ ตอบรับออกมาหนึ่งคำ ผ่อนลมหายใจออก มาในที่สุด
ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสวีเทียนเฉิงต้องตายทั้งหมด!
แต่นาทีต่อมา ทั้งสองคนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกัน
เพราะว่าในตอนที่หมัดของฟู่หยุนกำลังจะโดนตัวของเย่ เทียนนั้น กลับหยุดอยู่โดยไม่มีลางบอกเหตุเลย
ถึงแม้ว่าเห่เทียนจะไม่ได้ขยับเลยสักนิด แต่หมัดนั้นไม่
สามารถเข้าไปได้อีกแม้แต่มิลลิเมตรเดียว
แต่ก็ไม่ใช่เพราะเย่เทียนลงมือแล้ว แต่เป็นฟู่หยุนที่เมื่อกี้รู้สึก ได้ถึงความอันตราย ขนลุกไปทั่วทั้งร่าง!
ความรู้สึกแบบนั้นทำให้ใจของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้!
เขามีลางสังหรณ์บางอย่างว่าถ้าหากหมัดนี้ต่อยออกไปแล้วจะต้องเกิดเรื่องที่น่ากลัวมาก ๆ แน่!
“แกเป็นใครกันแน่?” ฟู่หยุนจ้องเย่เทียนเขม็ง เห็น ๆ กันอยู่ว่า คนตรงหน้านั้นธรรมดามาก ๆ กลับทําให้เขามีความรู้สึกบาง อย่างที่ลึกจนเกินจะคาดเดาได้
นานมากแล้ว เขาไม่ได้เจอคนแบบนี้
“คุณฟู่? คุณเป็นอะไร? ก็แค่ลูกบุญธรรมจิ๊บจ๊อยของตระกูล เย่คนหนึ่งก็เท่านั้นเอง ฆ่าแล้วก็แล้วไป!” ท่านหญิงสวีขมวดคิ้ว พลางเอ่ยปากพูด
ฟู่หยุนไม่ได้พูดอะไร ยังคงพิจารณาเย่เทียน
หรือว่าเขาจะเข้าใจผิด?
ในตอนนี้เย่เทียนก็เอ่ยปากอย่างเย็นชา “ศักยภาพของคุณก็ พอใช้ได้ ทำไมต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของคนอื่น?”
หัวคิ้วของฟู่หยุนขมวดมุ่น “แค่หาข้าวกินไปวัน ๆ เท่านั้น ฉัน ขอแนะนำให้แกไปซะ เป็นศัตรูกับตระกูลสวีมีแต่ทางตายทาง เดียวเท่านั้น!”
ได้ยินคำนี้แล้วท่านหญิงสวีก็ไม่พอใจอยู่บ้าง “คุณฟู่ ห้ามให้ เขาหนีไปเด็ดขาดเชียวนะ ฉันให้ยี่สิบล้าน จะต้องเอาหัวเขา มาให้ได้!”
พอได้ยินคำนี้ฟู่หยุนก็ยินดีลงมือในทันที
เย่เทียนสายศีรษะ “อาขุย อ่อนให้เขาสองกระบวนท่า
“ทราบ!”
หลินขุยที่เก็บความโกรธไว้เต็มท้องตั้งนานแล้วก้าวมาข้าง หน้าก้าวหนึ่ง เขามองฟู่หยุนด้วยสีหน้าห้าวหาญและทรงพลัง “คุณท่านสั่งให้ฉันอ่อนให้แกสองกระบวนท่า ฉันก็จะอ่อนให้ แกสองกระบวนท่า จะได้ไม่หาว่าฉันรังแกแก”
“กำเริบเสืบสาน!” ฟู่หยุนร้อง ‘เฮอะ’ สมญานามของเขาคือทั่ว ทั้งหรงเฉิงไร้คู่ประมือ พอถูกคนอื่นดูถูกแล้วแน่นอนว่าต้องไม่ พอใจ!
“ดูซะ!”
เห็นเขากระโดดขึ้นสูง เตะเข้าไปทางหน้าอกหลินขุย คิดจะ ลองเชิงมวยของเขา
เห็นแบบนี้แล้ว ในที่สุดท่านหญิงสวีก็ยิ้มออกมา ราวกับ ควบคุมทุกอย่างได้
แต่ไหนแต่ไรมา ฟู่หยุนก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง
แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเตะนี้ของฟู่หยุนจะเตะไปบนหน้าอกของหลินขุยเต็มแรงจริง ๆ แต่หลินขุยก็ยังยืนอยู่ที่เดิม แม้แต่เท้าก็ไม่ขยับ
“แกมีแรงแค่นี้เองเหรอ?” หลินขุยน้ำเสียงหยิ่งยโส
“เป็นไปได้ยังไง…” ฟู่หยุนใจสั่น ส่งท่ามวยจีนเข้าไปอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีทางสั่นสะเทือนหลินขุยได้แม้แต่มิลลิเมตรเดียว เหมือนเดิม
“ไม่ เป็นไปไม่ได้!” ฟู่หยุนอึ้งไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรก ที่เขารู้สึกจนตรอกเช่นนี้
ท่านหญิงสวีกับสวีเทียนหมิงรู้สึกทึ่มในชั่วพริบตา
นี่มันเรื่องอะไรกัน? เจ้าหมอนี่ทำไมถึงได้เก่งกาจขนาดนี้?
สวีเทียนหมิงขมวดคิ้วแน่น มองเย่เทียนที่ยังคงมีท่าทีสบาย ๆ มาโดยตลอด ในใจก็มีลางสังหรณ์อัปมงคลชนิดหนึ่ง
“สองกระบวนท่า ฉันจะลงมือแล้ว!”
หลินขุยหัวเราะเย็นเยียบออกมาครั้งหนึ่ง ยื่นมือไปจับฟู่หยุน
ฟู่หยุนสะดุ้งในใจแรง ๆ คิดจะหนีแต่ก็สายเกินไปแล้ว
ถึงแม้ว่าหลินขุยจะมีรูปร่างใหญ่ แต่เขากลับรวดเร็วมาก
ไม่อนุญาตให้ฟูหยุนมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยสิ้นเชิง มือใหญ่ ๆ ข้างหนึ่งของเขาจับไปที่แขนของฟู่หยุนเบา ๆ ยกขึ้นอย่าง โหดเหี้ยมแล้วทุ่มลงพื้นแรง ๆ
ดังโครม!
ฝุ่นตลบไปทั่ว!
ฟู่หยุนหมอบอยู่บนพื้น สีหน้าซีดขาว ลุกขึ้นมาไม่ได้อยู่ครึ่ง ค่อนวัน
“แก… แกเป็นใครกันแน่?” ในใจของฟู่หยุนตื่นตระหนกไม่มีที่
สิ้นสุด
ฝีมือของคนคนนี้น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้ ต้องไม่ใช่เด็กเมื่อ
วานซืนแน่ๆ!
หลินขุยมองเขาอย่างเย็นชาปราดหนึ่ง “หลินขุย!”
“หลินขุย?” ฟู่หยุนร้องเสียงแหลม ดูเหมือนจะนึกอะไรบาง อย่างออกมาได้ สีหน้าเหลือเชื่อสุดขีด!
“ที่แท้ท่านก็คือท่านผู้นั้น หลินขุยที่มีสมญานามว่าพยัคฆ์ร้าย ลงภูผา ฝูงหมาป่ากระจัดกระจาย?”
“อ๋อ? แกรู้จักฉันด้วย?”
ได้ยินที่หลินขุยพูดเช่นนี้ฟู่หยุนก็อึ้งไปในทันที ร่างกายสั่นไป ทั้งร่าง!
ถึงแม้ว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่หลายปี ชื่อของหลินขุยพยัคฆ์ร้าย เป่ยเย่ยังคงมีชื่อเสียงโด่งดังกึกก้อง!
ได้ยินมาว่ากําลังของคนคนนี้น่าหวาดกลัวมาก เป็นทหารเสือ อันดับหนึ่งของเทพสงครามหลิงเทียน!
ทุกครั้งที่สังหารศัตรูก็จะพุ่งไปอยู่ด้านสุด เหมือนกับเสือร้าย ตัวหนึ่งที่พุ่งเข้าไปยังฝูงหมาป่า ดังนั้นชื่อเสียงของพยัคฆ์ร้าย ลงภูผา ฝูงหมาป่ากระจัดกระจายจึงเลื่องลือไปทั่ว!
เขาไม่เคยคิดไว้เลยสักนิดว่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จะมา ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
ตอนนี้ที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ถือว่ายังโชคดีจริง ๆ
เดี๋ยวก่อนนะ!
ฟู่หยุนกำลังเตรียมจะเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ทันที
ในเมื่อท่านนี้คือพยัคฆ์ร้ายหลินขุย ถ้าอย่างนั้นคนที่อยู่ข้างๆ ก็คงจะเป็น…
ฟู่หยุนกลืนน้ำลายหนึ่งอีก ตัวอ่อนไปทั้งตัว ตกใจจนแทบจะ เป็นลมไป…
เห็นว่าฟู่หยุนที่โดนซัดหมอบไปในกระบวนท่าเดียว ท่าน หญิงสวีกับสวีเทียนหมิงก็เบิกตากว้างอ้าปากค้าง!
โดยเฉพาะท่านหญิงสวี เธอรู้ศักยภาพที่แท้จริงของฟู่หยุนดี ที่สุด หลายปีมาแล้ว เขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน
วันนี้จะมาประมาทเลินเล่อจนพ่ายแพ้ได้อย่างไร?
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกยังอยู่ด้านหลัง
เห็นเพียงฟู่หยุนลุกขึ้นยืนตัวสั่น ห่างจากเย่เทียนมาก คุกเข่า ลงดังตุ๊บ ร่างปวกเปียกราวกับโคลน แทบจะเอาศีรษะซุกอยู่ ในเป้ากางเกง
“ผู้… ผู้น้อยสมควรตาย ที่ไม่รู้ว่าท่านจอม…
“เรียกคุณท่าน!” หลินขุยรีบแก้ไขทันที
“ครับ ๆ ๆ!” ฟู่หยุนตกใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว รู้ว่าท่านนี้ไม่อยากเปิดเผยฐานะ ก็รีบแก้คำ “คุณท่านท่านนี้ เป็น ข้าที่เห็นโลกมาน้อย ไม่รู้จักผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ผู้น้อย เสียมารยาทต่อท่านแล้ว ขอท่านผู้ยิ่งใหญ่ปล่อยผมไปเถอะ! ขอร้องล่ะ ขอร้องท่านล่ะ!”
ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติฟู่หยุนอาจจะยังสงสัยฐานะของเย่ เทียน แต่วันนี้ข่าวที่เทพสงครามหลิงเทียนให้เกียรติมาเยือนห รงเฉิงนั้นรู้กันทั่วทั้งเมือง
ไม่อาจสงสัยได้โดยสิ้นเชิง!
เพราะว่าเขาเพิ่งจะกลับจากที่ตามท่านหญิงสวีไปต้อนรับเทพ สงครามหลิงเทียนที่สนามบิน แต่กลับไม่ได้เห็นตัวจริง ทําได้ เพียงกลับมาด้วยความเสียดาย
นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่ตระกูลสวี!!!
พอคิดถึงการที่ตัวเองได้ไปล่วงเกินท่านเทพองค์นี้เข้า ฟู่หยุ นก็แทบจะตบปากตัวเอง ในเวลานั้นแม้แต่ความคิดอยากตาย ก็ยังเกิดขึ้นแล้ว
ท่านนี้!
อย่าว่าแต่ตัวเองเลย ต่อให้มองไปไกลทั่วทั้งโลกก็มีแค่ไม่กี่ คนเท่านั้นที่กล้าล่วงเกิน?!
ยายแก่สวีที่น่าตายนั่น ตระกูลสวีของแกไปยั่วโมโหอีกฝ่ายได้ยังไงกันนะ?! เก่ง เก่งจริง ๆ!
เย่เทียนเงยหน้ามามองเขาอย่างเย็นชาปราดหนึ่ง “หลายปี มานี้คุณช่วยตระกูลสวีทำเรื่องที่สู้หน้าผู้คนไม่ได้มาไม่น้อย สินะ?”
ประโยคเดียวก็ข่มขวัญจนฟู่หยุนนิ่งอยู่กับพื้นไปเลย
คุณท่านไว้ชีวิตด้วย ผู้น้อยจำใจต้องท่า ทั้งหมดเป็นยายแก่ นั่นให้ผู้น้อยทำ! ขอเพียงท่านไว้ชีวิตผู้น้อย ท่านจะให้ผู้น้อย ทำอะไรก็ได้! ขอร้องท่านล่ะ ผู้น้อยจะโขกหัว…
ฟู่หยุนอายุอานามใกล้จะหกสิบแล้ว ตอนนี้กลับคุกเข่าน้ำหู น้ำตาไหลอยู่ตรงหน้าเย่เทียน โขกหัวจนหัวแตกแล้วก็ยังไม่ กล้าหยุด!
“พอแล้ว!” เย่เทียนโบกมืออย่างรำคาญ โยนนามบัตรใบหนึ่ง ออกไป “ให้เวลาแกสองวัน ไปหาคนหนึ่งคนทางเหนือ เอาเงิน ที่แกเก็บมาหลายปีนี้ออกมา ใช้ชีวิตที่เหลือล้างบาปซะ”
“ครับ ๆ ๆ ขอบคุณคุณท่าน ขอบคุณคุณท่าน!”
ฟู่หยุนโขกหัวไปด้วย เก็บนามบัตรบนพื้นไปด้วย เห็นตัว อักษร ตัวที่เขียนว่าสนามรบเป่ยเย่กับหมายเลขหนึ่งแถวด้าน บนก็ทั้งตกตะลึงทั้งยินดี ทั้งร่างเปียกไปหมดไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็รักษาชีวิตน้อย ๆ นี้ไว้ได้แล้ว!
“ไสหัวไปซะ!”
“ครับ ๆ ๆ!” ฟู่หยุนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า ไม่สนใจตระกูลสวี เลยสักนิด ทั้งหมอบทั้งคลานหนีไป
เย่เทียนไม่ได้เตือนเขาว่าในเมื่อเจ้านั่นรู้ฐานะของเขาแล้ว ก็ จะไม่สามารถเล่นลูกไม้อะไรกับเขาได้อีก
พริบตาเดียวทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ก็เงียบสงัด!
คนตระกูลสวี รวมทั้งท่านหญิงสวีทั้งหมดล้วนตะลึงค้างกันอยู่ ที่เดิม
แม้แต่หลินเสว่ ถึงจะกอดศพของน้องชายอยู่ แต่ก็ไม่กล้า ร้องไห้ออกมา
เกิดคลื่นระลอกใหญ่ขึ้นในใจของท่านหญิงสวี เธอกำลังคิด อยู่อย่างต่อเนื่องว่าตกลงแล้วเจ้าเย่เทียนนี่ไปพบเจออะไรมา นึกไม่ถึงว่าข่มขู่จนฟู่หยุนที่คิดว่าตัวเองแน่ที่สุดที่อยู่ตรงหน้า ตัวเองจนกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
จนกระทั่งตอนนี้เธอถึงจะกระจ่าง ประโยคที่บอกว่าจะให้ ตระกูลสวีไปตายเป็นเพื่อนที่เย่เทียนพูดก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่ สักแต่จะพูดแน่….
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ