บทที่3 แบ่งสมบัติแล้วต่างคนต่างอยู่
“ต้มอะไรละ? ไม่กี่วันก่อนไข่ที่บ้านเอาไปขายแล้ว พอดี เลยที่บ้านเธอมี แบ่งครึ่งหนึ่งไปให้หลินเหล่ยบำรุงสมอง หน่อย และอีกครึ่งหนึ่งเอาไปให้หยางเหว่ยที่บ้านกู่หลาน ต่อไปนี้อย่าให้คนหน้าไม่อายอย่างหลินฟางหัวเรียกฉัน ว่ายายนะ ฉันไม่มีหลานที่หน้าไม่อายแบบนี้ หน้าของ ตระกูลหลินไม่รู้จะเอาไปไว้ไหนแล้ว เมื่อก่อนคนที่หน้า ไม่อายมากแบบนี้ น่าจะเอาไปถ่วงน้ำ ยังมีหน้ามากินไข่ กิน เธอคงอดอยากมากสินะ!”
หยูบ้านเหลียนพูดไปด่าไป คำพูดที่พูดออกมาไม่มีความ ปรานีเลย
“แม่ ฟางหัวเธอเสียใจมากอยู่แล้ว แม่จะพูดแบบนี้ได้
อย่างไร…….
หวังซูอิงตอบสวนกลับไปหนึ่งครั้ง แต่ความมั่นใจยังไม่
พอ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หยูป้านเหลียนก็ไม่ปรานีใครเช่น
กัน
เธอคุ้นชินกับการทำเลวอำมหิตต่อหน้าหวังซูอิง มือไปก็ไปตบหน้าหวังซูอิง ตบไปและด่าไปว่า “ผู้หญิง หากิน กล้าที่จะมาเถียงกับฉันหรือ ฉันจะสั่งสอนเธอเอง!”
หลินฟางหัวรีบดึกหวังซูอิงไปอีกฝั่ง ถึงหลบฟ้ามือของ เธอได้
เพราะหยูบ้านเหลียนใช้แรงมากเกินไป ตัวของเธอได้พุ่ง มาข้างหน้า
ถ้าไม่มีเจ้ากุ้ยจือประคองเธอจากข้างหลัง ตอนนี้เธอคง ล้มหัวทิ่มไปแล้ว
เมื่อเธอยื่นได้แล้ว จากความอายกลายเป็นความโกรธ เธอไป คว้าไม้กวาดที่อยู่ข้างๆ และหันด้ามไม้กวาดขึ้นมา เตรียมที่จะฟาดไปที่หวังซูอิง “เธอกล้ามาก เธอกล้าหลบ หรือ! ค่อยดูนะฉันจะตีเธอให้ตาย!”
พึ่งเงยหน้าขึ้น ก็เห็นในมือของหลินฟางหัวถือมีดที่พึ่ง ลัดมาใหม่ๆ และจ้องมองเธออย่างเย็นชา
“เธอ……..เธอจะทำอะไร?”
หยูป้านเหลียนตกใจจนไม่กล้าที่จะขยับไปไหนเลย และ พูดอย่างติดๆ ขัดๆ
“ยายคิดว่าหนูจะทำอะไรละ?”
หลินฟางหัวยิ้มมุมปาก“ฉันเป็นคนที่เคยตายไปหนึ่งครั้งแล้ว แต่ยมทูตไม่รับฉันไว้ ฉันเลยต้องกลับมา และต่อ ไปนี้ฉันจะใช้ชีวิตดีๆ ใครที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ ฉันก็จะ ทําให้เขาดีใจไม่ออกเหมือนกัน เช่น…..คุณยาย
พูดจบ เธอใช้มีดฟันลงไปที่โต๊ะอย่างแรง
“ปัง”
บนโต๊ะปรากฏรอยฟันที่ลึกและเห็นได้ชัดเจน
“บ้าไปแล้ว……..ไปแล้ว….…… หมูบ้านเหลียนตกใจจน ล้มลงไปนั่งที่เก้าอี้เอ่ยพึมพำ
เจ้ากุ้ยจือเห็นแบบนี้ และรีบเอ่ยปากเตือนว่า “ฟางหัว รีบวางมีดลง ถึงอย่างไรก็ตามพวกเราก็เป็นครอบครัว เดียวกันนะ เธอจะเอามีดมาขู่ยายของเธอได้อย่างไร?”
“ตอนนี้มาพูดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วตอนที่แม่ ของฉันทำงานและพวกเธอไม่ทำอะไรเลยทำไมไม่พูด ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันละ? และตอนที่ยู่หลานรังแกแม่ ของฉันทำไมพวกเธอไม่พูดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน? คุณยายที่มาแย่งไข่ของฉันไปทำไมไม่เห็นพูดว่าเป็น ครอบครัวเดียวกัน?” หลินฟางหัวพูดด้านสีหน้าที่เยาะ เย้ย
“ฉัน…..”
เจ้ากุ้ยจือพูดอะไรไม่ออก เธอนิ่งอยู่พักหนึ่งและหันไป พูดกับหวังซูอิงที่ตกใจกับการกระทำของหลินฟางหัวว่า “พี่สะใภ้ คุณรีบไปเตือนฟางหัวหน่อยนะ คุณยายท่าน อายุมากแล้ว เขารับความตกใจนี้ไม่ไหวหรอก”
หลินฟางหัวหัวเราะอย่างเสียดสี “ฉันดูแล้ว ตอนที่ยาย ด่าคนสติของยายมาเต็มเปี่ยมเลยนะ”
“ฟางหัว เธอรีบวางมีดลง เดี๋ยวจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บ นะ มีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน!” ถึงตอนนี้หวังซูอิงถึงได้สติกลับ มา และรีบพูดไกล่เกลี่ย
“อยากให้ฉันวางมีดลง ก็ไม่ได้ยากนะ”
หลินฟางหัวมองไปที่หยูบ้านเหลียนและค่อยๆพูดออก มาว่า “บ้านตรงทางเข้าหมู่บ้านทั้งสองหลังนี้เป็นของแม่ ฉัน และถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากแม่ของฉัน พวกคุณไม่มี สิทธิ์ที่จะเข้ามาอีก!”
“เธอพูดอะไรนะ? บ้านเหล่านี้เป็นของตระกูลหลิน ทำไม พวกฉันจะเข้ามาไม่ได้! คนที่ต้องออกไปควรเป็นพวกเธอ มากกว่า!”
ได้ยินแบบนี้หยูบ้านเหลียนเหมือนหมาที่ถูกเหยียบหาง เธอร้องออกมาด้วยความใจร้อน
เจ้ากุ้ยจือเหมือนเข้าใจอะไรบางสิ่งบางอย่าง และลอง ถามไปว่า “ฟางหัวอย่างที่จะแบ่งสมบัติแล้วต่างคนต่างอยู่ หรือ?”
“ถูกต้อง ฉันต้องการแบบนี้” หลินฟางหัวพยักหน้า
ตอนแรกเธอแค่อยากให้หวังซูอิงกับหลินเจี้ยนจุนหย่า กัน แต่เธอยังไม่ได้ถามหวังซูอิงเลย เธอก็ไม่สามารถไป ตัดสินใจแทนแม่ตัวเองได้
“แม่ หนูคิดว่าเราตกลงได้นะ”
เจ้ากุ้ยจือคิดไปคิดว่า และไปกระซิบที่หูของหมูบ้าน เหลียน
เมื่อกี้หยูป้านเหลียนยังใจร้อนอยู่ แต่เมื่อได้ยินคำพูด ของลูกสะใภ้ชายรองแล้วอารมณ์ถึงได้เย็นลง
สินสอดของหลินฟางหัวเธอได้เอาไปแล้ว และเมื่อ แต่งงานคนของตระกูลหลี่เธอก็จะกลายเป็นคนของตระ กูลหลี่เต็มตัว
ตระกูลหลี่เป็นตระกูลที่มีลูกผู้ชายเยอะในหมู่บ้านต้า หวังไม่มีคนที่จะกล้าไปทีเรื่องด้วย
เหล่าหลี่เป็นผู้ใหญ่บ้านอีกด้วย คิดที่จะควบคุมหลินฟาง หัวอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
ถึงหวังซูอิงจะเก่งแค่ไหน แต่เงินที่หามาก็ไม่พอที่จะพา หลินหยวนหัวไปหาหมออยู่ดี แต่ละเดือนก็ต้องการการ ช่วยเหลือจากหลินเจี้ยนจุน
ถ้ามีวิธีที่จะตัดพวกเธอทิ้งไป หยูป้านเหลียนจะทำอย่าง แน่นอน
แต่เมื่อกี้ถูกหลินฟางหัวขู่ ทำให้หยูป้านเหลียนอับอาย ขายหน้า หยูบ้านเหลียนไม่ยอมให้หลินฟางหัวได้ในสิ่งที่ หวังง่ายแบบนี้หรอก หมูบ้านเหลียนเงียบอยู่พักใหญ่
เจ้ากุ้ยจือรู้ความคิดของแม่ตัวเอง และหันไปอธิบายกับ หลินฟางหัว “ฟางหัว การแบ่งสมบัติแล้วต่างคนต่างอยู่ เป็นเรื่องใหญ่ให้พวกเรากลับไปปรึกษากันก่อนได้มั้ย? พรุ่งนี้เราจะให้คำตอบเธอได้มั้ย?”
“ก็ได้” หลินฟางหัวเก็บมีดกลับไป
เธอไม่กลัวว่าหยูป้านเหลียนจะตุกติก เพราะเธอมีวิธีให้ พวกเธอยอมตกลง
“งั้นตามนี้นะ พวกเราไปก่อนนะ!”
เจ้ากุ้ยจือประคองหยูบ้านเหลียนเดินออกไป
เมื่อถึงกลางหมู่บ้าน หยูป่านเหลียนยังไม่ยอม และค่า ออกมา “หลินฟางหัวคนไม่มีความซื่อตรง เป็นคนที่เลือด เย็นและดุร้ายจริงๆ เธอกล้าที่จะเอามีดมาขู่ฉันหรือ เสีย แรงที่ฉันเลี้ยงมาจนโต!”
“คุณแม่ใจเย็นๆก่อนนะ เธอก็แค่ร่าเริงได้วันสองวัน เท่านั้นแหละ หลังจากที่เธอเข้าไปที่ตระกูลหลี่แล้ว….……..
เจ้ากุ้ยจือพูดไม่จบ แต่หยูป้านเหลียนก็เข้าใจในสิ่งที่เธอ พูด แสดงสีหน้าที่ดีใจ “จริงด้วย ไอ้หลี่ต้าเกนคนนั้นขืนใจ ภรรยาตายไปแล้วสองคน เมื่อหลินฟางหัวคนไม่มีความ ซื่อตรงนั้นเข้าไป หลี่ต้าเกนจะให้เธออยู่อย่างสงบสุข หรือ? ฮึม ! ขืนใจเธอตายซะจะดี! คนไม่มีความซื่อตรง! กล้าไมาเคารพฉันหรือ!”
“ใช่แล้ว คุณแม่ ฉันว่าหลินฟางหัวแสดงเป็นคนที่เข้ม แข็ง แต่ความจริงแล้วเธอน่าจะกลัวจนขาอ่อนไปหมด แล้ว……” เจ้ากุ้ยจือชื่นชมยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น และพูดออกมา
เจ้ากุ้ยจือพูดไม่ผิด มีคนกลัวจนขาอ่อนไปแล้ว
แต่คนกลัวจนขาอ่อนคนนั้นเป็นหวังซูอิง
หลังจากที่หยุป่านเหลียนและเจ้ากุ้ยจือกลับไปแล้ว หวัง ซูอิงร่ำไรเอากระเป๋าผ้าทอเล็กๆออกมาจากกระเป๋าและ ส่งไปให้หลินฟางหัวและพูดด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงว่า “ฟาง หัวเธอไม่รู้ว่าหลี่ต้าเกนคนนั้นโรคจิตขนาดไหน แม่ไม่มี เงินห้าร้อยหยวนที่เป็นค่าสินสอดคือให้ตระกูลหลี่ แต่ แม่ไม่มีทางให้ลูกแต่งงานกับหลี่ต้าเกนแน่นอน ลุกไป ทะเลาะกับพ่อและยายด้วย แม่คิดว่าพวกเขาคงไม่ช่วย ลูกแล้วแน่เลย ห้าหยวนนี้เป็นเงินเก็บทั้งหมดของแม่ พรุ่ง นี้เช้าอาเธอจะมาที่นี่ เธอไปกับเขานะ…….
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ