บทที่ 16 ภรรยาเจ้าแน่ใจนะว่าทนได้
เย่หลิงยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วลูบจับแก้มอันร้อนระอุของตัว เอง แล้วพูดด้วยเสียงชั่วร้าย “รู้ว่าข้าทำได้ดีก็ดีแล้ว ข้าบอกไว้ ก่อนคนเฉกเช่นข้านิสัยไม่ได้ดีนัก ถึงเวลาหากรู้สึกว่าใช้ชีวิตร่วม กันต่อไปไม่ได้ อย่าได้ทำอะไรไร้สาระต่อข้า พูดตรงๆ ก็จบเรื่อง”
“ได้”
“ข้าก็ไม่อยากเอาเปรียบเจ้า พวกเราบันทึกบัญชีกันก่อนเถอะ ถึงเวลาหากแยกทางกันจะได้สะสางได้”
“ได้ เอาตามที่เจ้าว่า”
“ข้าทํากับข้าว เจ้าล้างจาน
“ได้”
ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลมีสตรีไม่กี่คนกำลังนั่งคุยเล่นยาม ว่าง พอเห็นพวกเขาสองคนเดินผ่านไปหนึ่งในนั้นจึงพูดด้วย ความแปลกใจ “นี่คือภรรยาที่พ่อหนุ่มฉินสือจึงเพิ่งแต่งเข้ามา ใหม่คนนั้นหรือ? แลดูตัวผอมบาง ทว่าตอนพูดกลับมีดูพลังยิ่ง”
อีกคนก็พูดขึ้นต่อ “นั่นแหละ เมื่อครู่ข้าได้ยินคนพูดมา ตอนที่ แยกบ้านยัยหนูคนนี้ทำเอาหลิวซื้อไว้วาจาจะกล่าว! ไม่ใช่คนที่จะ เอาเรื่องได้ง่ายๆ ”
“ไม่ใช่เป็นคนที่เอาเรื่องได้ง่ายๆ ก็ดีสิ” สตรีในตอนแรกเบะ ปาก คนในหมู่บ้านมีใครไม่รู้บ้างว่าเรื่องที่หลิวชื่อท่านั้นช่างน่า ขายหน้า “พ่อหนุ่มฉินสือจึงดูแล้วเป็นคนที่บริหารเรื่องในเรือน ไม่เป็น หากไม่มีคนคอยช่วย ต่อให้แยกบ้านแล้วไม่ช้าไม่เร็วก็ ต้องถูกสูบเลือดจนแห้งแน่!
คนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้า ความทรงจำที่ทุกคนมีต่อฉินสือจึง ต่างก็เห็นว่าเป็นพ่อหนุ่มซื่อๆ พูดน้อย แล้วยังถูกแม่เลี้ยงเอาเงิน ห้าสิบตำลึงเงินที่ได้จากการเป็นทหารนับสิบปีไปอีก!
นั่นคือห้าสิบตำลึงเงินเชียวนะ! คนมากมายที่รู้ต่างก็อิจฉา ตาแดง แอบนินทาว่าฉันสือจึงโง่ ขณะเดียวกันก็ว่ากล่าวตำหนิ ตระกูลฉิน
เย่หลิงไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกคนกล่าวถึง กลับเป็นฉินสื่อสิ่งที่ ชาเลืองตามองไปทางใต้ต้นไม้
“ต่อไปพวกเราจะทำความสะอาดเรือน กวางของเจ้าตัวนั้นก็ ควรจัดการเสีย ในบ้านยังขาดแคลนของใช้อีกมาก วันพรุ่งนี้ข้า จะไปดูที่อำเภอเมืองพร้อมกับเจ้า ใช่แล้ว ที่ดินสามหมู่ของที่บ้าน เป็นเช่นไรบ้าง? ”
เย่หลิงพร่ำบ่นถึงเรื่องต่อไปที่ควรทำก็พบว่ายังมีอีกหลายสิ่ง สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือการหาเงิน จากนั้นหาโอกาสซื้อที่ดินสร้าง บ้านในเร็ววัน
ฉินสือจิ่งหาได้รู้สึกรำคาญ แต่กลับยิ่งได้รับความรู้สึกเหมือน เป็นครอบครัวเดียวกัน
“ทนา เป็นต้นข้าวหมด ตรงที่นาแล้งมีปลูกผักอยู่บ้าง
“ที่ดินห่างจากที่นี่ไกลไหม? ” เย่หลิงถามอย่างแปลกใจ ใน สัญญาเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าที่ดินอยู่ไหน ทว่านางไม่ได้รู้ชัดเจน ถึงภูมิศาสตร์ของหมู่บ้านนี้จึงดูไม่ออก
“ไม่ไกล” ฉินสือจิ่งตอบอย่างเรียบง่าย
“เช่นนั้นพวกเราแวะดูระหว่างทางแล้วกัน แล้วยังเก็บผักที่จะ กินตอนเย็นกลับมาได้ด้วย” เย่หลิงรู้สึกสนใจขึ้นมา ให้ฉันคือ จิ่งพาตนไปดูที่นา
ไปถึงก็สังเกตเห็นว่าเป็นผักทั่วไปที่ปลูกกันอย่างยิ่ง หัวหอม และผักกาดขาว ผักทั่วไปในความทรงจำของนางอย่างข้าวโพด มะเขือเทศ มันเทศและมันฝรั่งกลับไม่เห็นมี ภายในใจของเ หลิงจึงครุ่นคิด หรือว่า โลกใบนี้ยังไม่มีการค้นพบพืชพวกนี้
นางจึงนึกถึงอาหารที่ทานที่บ้านหลี่เจิ้ง รสชาติต่างก็ธรรมดา มาก อาจเป็นเพราะเครื่องปรุงน้อยไปหรือเปล่า?
พอมองไปหลังเขาเย่หลิงก็คิดว่าตนหาโอกาสทางการค้าได้ แล้ว โดยยึดจากพืชหลากหลายชนิดที่ตนรู้จักในโลกสมัย ปัจจุบัน คาดว่าจะสามารถหาพืชหลายชนิดที่คนไม่รู้จักมาใช้ ประโยชน์ได้!
คิดได้เช่นนี้เย่หลิงจึงอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย แล้วโบกมือ “เย็นนี้กินเนื้อกวางตุ้นน้ำแกง! แล้วผัดผักอีกไม่กี่อย่างก็ได้แล้ว ตุ๋นน้ำแกงเยอะหน่อย กินอิ่มแล้วถึงจะทำงานได้! ”
“ภรรยา เจ้าแน่ใจนะว่าจะตุ้นเยอะหน่อย? จะรับไหวหรือ? ” ฉินสอจึงถามด้วยอาการนิ่งสงบ ใบหน้ามองไม่ออกว่ากำลังถาม เรื่องที่แปลกพิลึก
เย่หลิงนิ่งงันไปสักพักถึงจะได้สติกลับมา ใบหน้าแดงขึ้น มาทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ