ภรรยาวาสนาดี

บทที่ 13 ขาดทุนนิดหน่อยก็ไม่ได้



บทที่ 13 ขาดทุนนิดหน่อยก็ไม่ได้

ทุกคนต่างก็ “หรือ” หนึ่งที แล้วพลันกวาดสายตามองไปที่ศีรษะ ของฉินเหวินเถาทันที และเห็นเป็นปิ่นสีเงินหนึ่งอันที่สะท้อนแสง อาทิตย์ตอนกลางวันออกมาวิบวับ แล้วสะท้อนเข้าไปในสายตา ของทุกคน

ขนาดปืนนั้น อย่างน้อยก็น่าจะมีมูลค่าราวๆ หนึ่งถึงสองตำลึง เงิน

ครั้งนี้แม้กระทั่งเฉิงเต๋อเหรินก็ยังอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก แล้วรู้สึกว่าครอบครัวนี้ช่างน่าแปลกจริงๆ

หลิวซื่อเหมือนเป็ดที่ถูกบีบคอ ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรร้องไห้ คร่ำครวญยังไงดี

ฉินเหวินเถาก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าบนหัวของตัวเองสวมใส่ในอัน ใหม่ที่วันก่อนหลิวซื่อใช้เงินของฉันสือจึงซื้อให้นาง นางกลัวว่า เย่หลิงจะอยากได้ปั่นอันนี้ จึงขย่ำเท้าอย่างแรง แล้ววิ่งกลับไป ในเรือนที่พักทันที

ฉันต้าไร่ก็ไม่มีหน้าที่จะพูดต่อแล้ว จึงรีบเอานิ้วปั๊มลายนิ้วมือ ลงบนสัญญาแยกบ้านทันที ฉินสือวิ่งก็ปั๊มลายนิ้วมือลงไปเช่นกัน สัญญานี้ทั้งหมดสามฉบับ ตระกูลฉินและฉินสือจึงเอาคนละฉบับ หลี่เจิ้งก็เอาไว้หนึ่งฉบับ

พอเย่หลิงเห็นสัญญาที่ฉันสือจึงถือในมือ ก็ถอนหายใจออกมา ท้ายที่สุดก็สามารถแยกบ้านได้เสียที นางยอมไปนอนในถ้ำ กว่าจะอาศัยอยู่ข้างๆ คอกหมูอีกแบบนี้ต่อไป

พอสัมผัสได้ถึงความดีใจของคนข้างๆ ฉันซือจึงก็รู้สึกว่า อารมณ์ดีขึ้นตามไปด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับหัวของเย หลิง “เจ้าไม่มีทางได้นอนในถ้ำหรอก”

เย่หลิงส่ายหัว แล้วมองฉันซือวิ่งด้วยความสงสัย คนๆ นี้รู้ได้

ยังไงว่าตัวเองคิดอะไรอยู่?

” ในเมื่อแยกบ้านกันเสร็จ ข้าก็จะไม่รั้งพวกเจ้าอยู่กินข้าวต่อ ยามเที่ยงแล้วล่ะ! ” หลิวซื่อพูดด้วยเสียงดัง เสียเปรียบนิดเดียวก็ ไม่ยอมเลย

เฉิงเต๋อเหรินตบไหล่ของฉันซือจิ่ง “ไปเก็บข้าวเก็บของ แล้วไป กินข้าวที่บ้านข้า”

พอถูกฉีกหน้าต่อหน้าทุกคน หลิวซื้อจึงทำเสียง “ซี” ออกมา แล้วก็ไม่ให้ใครออกไปช่วยเหลือสักคน และคนอื่นๆ เอง ก็ยิ่ง ไม่มีทางจะมีน้ำใจออกไปช่วยเหลืออยู่แล้ว ทั้งครอบครัวกินข้าว อย่างคึกคัก ส่วนฉินสือวิ่งและเย่ฝูหลิงก็เก็บกวาดเรือนที่พักไป สักพัก

ที่บอกว่าเก็บกวาดนั้น จริงๆ แล้วก็แค่เก็บเสื้อผ้าตัวเก่าไม่กี่ตัว มีเตียงหนึ่งอันและผ้าห่มหนึ่งผืน ข้างนอกมีกวางหนึ่งตัว แล้วก็ ของเล่นกระจุกกระจิกเล็กน้อย ของน้อยมากจนน่าสงสาร

เฉิงเต๋อเหรินได้ยินตระกูลฉินจงใจกินข้าวเสียงดังเพื่อให้เสียง ดังออกมา จึงอดส่ายหัวไม่ได้ แค่หวังว่าฉินเหวินอานจะสามารถมองเห็นและเข้าใจกระจ่างแจ้งหน่อย

“ลุงเฉิง เราเก็บของเสร็จแล้วเย่หลิงอุ้ม

หลังจากที่ฐานะของเฉิงเต๋อเหริน นางก็เข้าใจว่าเขาเป็น

ควรจะเก็บทัศนคติไว้ในตอนนี้ ยังไงหลี่เจิ้งเป็นคนอำนาจสูงสุดข้างหน้าของนางอาจจะรบกวนคนอื่น

“” เฉิงเต๋อเหรินพยักหลิงไม่น้อยเลย อย่างน้อยนางปกป้องฉินดิ่ง “ในทิศตะวัน ตกบ้านข้าปล่อยวางไว้ตั้งนานแล้ว หากรังเกียจ สามารถ ไปพักอาศัย

เย่หลิงดีใจยิ่งนัก พยักหน้าทันที สกปรกก็เก็บ กวาดหนึ่งรอบก็นางสงสัยเพียงว่าฉันจึงได้คิดพิจารณาเรื่องครอบครัวหล เจิ้งมีบ้านหรือไม่

ทว่าภายในใจของนางเกิดความสงสัยว่า ทำไมหลี่เจิ้งถึงกับนางเยี่ยงนี้

เย่ฝูเองได้พบเจอด้วยความโชคได้แบบนี้

เฉิงเต๋อเหรินไม่รู้ความคิดของเย่หลิง แค่พาพวกเขาเอาของ ไปเก็บบ้านตัวเองก่อน นั่นเป็นบ้านหลังเก่าอย่างโดดเด่นหลังรอบๆ บ่อเล็กๆ
ยังไม่ทันมองอย่างละเอียด ก็อ้อมไปถึงตรงทางตะวันตกของ เมืองเพื่อไปกินข้าวในบ้านของหลี่เจิ้ง

พอเหยียบเข้าไปในบ้านของหลี่เจิ้งซึ่งเป็นบ้านอิฐ เย่หลิง สังเกตเห็นถึงข้างในเดือนมีหญิงคนหนึ่งที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ