บทที่ 5 ก็แค่ของเล่น
เพียงรอยยิ้มเดียวกับมือขาวผ่อง โบกไปมานั้น ก็ทำให้บรรดา โจรที่ถูกเคี่ยวกรําจนเกือบตายกลับมาเลือดลมสูบฉีดอีกครั้ง ต่างคนต่างยึดตัวตรง นั่งมาอย่างมั่นคง ไม่ยอมเสียท่าต่อหน้า หญิงงาม
ซย่าฉุนอวี่หายใจติดขัดเมื่อเห็นทุกคนส่งสายตาราวกับ เสือหิวที่เจอลูกแกะน้อย
ซย่าฉุนอคำราม “ยังจะมองอะไรกันอีก มองอีกคืนนี้ไม่ ต้องกินข้าว!”
เหล่าสมุนโจรโอดครวญ หัวหน้าสามช่างใจแคบนัก มอง ก็ไม่ได้หรือไร ไม่ได้ลูบสักหน่อย ไม่บุบสลายแม้แต่น้อย
พอเยี่ยเจียเหยาทักทายแล้วก็ไม่อยากรบกวนการฝึกของ พวกเขาอีก นางเห็นหญ้าข้างทางมีผลสีแดงๆ ของเชื้อเหม ย” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเยี่ยาวเหมย นางก็ดีใจขึ้นมา เจอ ของดีเข้าให้แล้ว! นางเคยได้ยินพ่อบอกว่า สมัยก่อนสิ่งนี้ขึ้น เต็มภูเขา ตอนนี้เนื่องจากพื้นที่ล้วนเป็นเมือง จึงหายากแล้ว คิดไม่ถึงว่าที่แห่งนี้จะมีอยู่เต็มไปหมด
เยี่ยเจียเหยาถลกแขนเสื้อขึ้น พับชายกระโปรงลงมือเก็บ
ผลไม้
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่บนเขาจะมีสตรีงดงามสักคน พวก โจรจึงไม่อาจควบคุมตนเองได้ ในเมื่อสัมผัสไม่ได้ ขอแค่มอง สักหน่อยก็ยังดี
เหล่าโจรได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ
คนงามมองมาทางนี้สิ คนงามมองมาทางนี้เร็ว
น่าเสียดายที่เยี่ยเจียเหยาไม่ได้มีใจตรงกันกับพวกเขา ใจ นางกำลังมุ่งมั่นอยู่กับผลแดงของเชื้อเหมยบนพื้น
ซย่าฉุนอวี้เห็นทุกคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หันกลับไป มอง ไม่รู้ว่านางผู้นั้นก้มลงเก็บอะไรอยู่ ก้มไปก้มมาไม่รู้เลยว่า มีสายตาทั้งหลายจ้องมอง
มารดามันเถอะ ต่อให้รังเกียจแค่ไหนนางก็เป็นสตรีของ เขา จะยินยอมให้บรรดาโจรจับล่วงเกินทางสายตาได้อย่างไร ดูเจ้าพวกช้าพวกนี้ น้ำลายจะหยดย้อยหกรดเสื้อแล้ว อย่า นอวีหมดอารมณ์จะฝึกสอนต่อ เขาเรียกเพิ่ง
“เจ้าคอยคุมอยู่ที่นี่ ใครกล้า โบยทันที ซย่าฉุนอสั่งการเสร็จก็รีบสาวเท้าไปหาเยี่ยเจียเหยา
พวกโจรต่างยินดีปรีดา คนที่พวกเขาเกรงกลัวคือหัวหน้า สาม เพิ่งอู่นี่นับเป็นตัวอะไรกัน อาซ้อช่างเป็นพระโพธิสัตว์ มาโปรดอย่างแท้จริง เคราะห์ดีที่อาซ้อมา มิเช่นนั้นหัวหน้า สามคงจะไม่จากไปเป็นแน่
ทุกคนต่างลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่ยังตำหนิสตรีผู้มาใหม่นี้อยู่
ในใจว่าถูกนางทําร้าย
“นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่” ย่านนอกดเสียงถาม
เยี่ยเจียเหยาพอใจตอบ” ไม่เห็นหรือไร ข้ากำลังเก็บผล เชื่อเหมย มันอร่อยมากนะ
“ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังทำตัวน่าขายหน้าอยู่” อย่าฉันอฉุด มือนางดึงให้เดินกลับไป
เมื่อถูกลาก ผลเชอเหมยที่เยี่ยเจียเหยาลำบากลำบนเก็บ ก็ร่วงลงมาจนหมด ทำให้นางโมโหอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้า ตำหนิเขา ทำได้เพียงก่นด่าอยู่ในใจ
ท่านนะที่น่าขายหน้า แค่เก็บผลไม้จะขายหน้าคนได้ อย่างไร ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าสมองคนแบบนี้ประกอบไปด้วย อะไรบ้าง
เมื่อถึงเรือน อย่าฉันอวถึงจะปล่อยมือ เริ่มอบรมนาง “อีก หน่อยไม่มีเรื่องอันใดอย่าเที่ยววิ่งส่งเดช เป็นคุณหนูมีสกุลแท้ๆ รู้จักสงวนตัวบ้างได้หรือไม่ เจ้าคิดว่าเป็นนางคณิกาขายรอย ยิ้มหรือไร ช่างไม่รู้จักหนักเบานัก ตัวเองขายหน้าก็พอ ยังจะ ทำให้ขาขายหน้าอีก หากยังมีครั้งหน้าอีก ข้าจะทำให้เจ้าได้ ขายรอยยิ้มอย่างสมใจเลยทีเดียว”
เยี่ยเจียเหยาฟังไปฟังมาจึงจะเข้าใจ ที่แท้เขาโกรธที่นาง ทักทายเหล่าโจร โกรธที่นางโบกไม้โบกมือทักทายแบบคนยุคปัจจุบัน
เยี่ยเจียเหยาวิ่งตามเขาไปพลางก็ยื่นจมูก “แต่งเป็นฮูหยิน โจรแล้ว ยังจะเป็นคุณหนูอะไรอีก ท่านไม่รู้สึกประหลาดอย่าง นั้นหรือ ข้านะเรียกว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม หาก ท่านชมชอบคุณหนูลูกผู้ดีนัก แล้วขึ้นมาเป็นโจรภูเขาทำไมกัน แต่งตามอะไรก็เป็นเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นท่านก็ทำพิธีล้างมือ กลับ ตัวกลับใจ ลงเขาไปเสีย ข้ารับรองว่าจะติดตามทำตัวเป็นคุณ หนูผู้ดีมีคุณธรรมจรรยา
ซย่า นอ หยุดฝีเท้า หันกลับมาจ้องนาง มุมปากกระดูก ขึ้น นี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกัน
“จะว่าไป ตั้งแต่เช้ายันค่ำท่านทำหน้าทิ้งตึงอยู่นั่นแหละ พี่ น้องในค่ายต้องไม่ชอบท่านอย่างแน่นอน ข้าก็แค่ช่วยท่านทำ คะแนนสร้างไมตรี ท่านไม่เพียงไม่ขอบคุณ ยังจะด่าข้าอีก เยี่ยเจียเหยาเบ้ปากทำท่าเหมือนถูกกลั่นแกล้ง แท้จริงแล้วนาง เสียดายเยี่ยฉ่าวเหมยของนางต่างหาก
ซย่าฉันอยิ้มเย็น “เจ้าถือว่าตัวเองเป็นฮูหยินค่ายโจรแล้ว จริงๆ หรือ พวกเราได้ผูกดวงวันเกิดหรือเปล่า ส่งของหมั้นกัน แล้วหรือยัง กราบไหว้ฟ้าดินดื่มเหล้ามงคลแล้วหรือไม่ พูดตาม ตรงเจ้ามันก็แค่ของเล่นเท่านั้น ข้าอารมณ์ดีก็เก็บเจ้าไว้ในห้อง หากอารมณ์ไม่ดีก็กำนัลให้คนอื่นได้ทันที ดังนั้น ไม่ต้องรีบร้อน เสนอหน้า อีกหน่อยยังมีเวลาให้เจ้าได้เสนอหน้าอีกเยอะ
เยี่ยเจียเหยาถึงจะโกรธแต่กลับยิ้ม “งั้นหรือ ข้าไม่รู้เลยว่าพวกธรรมดา แล้วท่านใช่ชาวบ้านทั่วไปว่าท่านเห็นข้าเป็นอะไร แต่พวกพี่น้องในค่ายเห็นข้าเรียก ว่าข้าอาซ้อ ในสายตาของทุกคนข้าเป็นภรรยาของท่าน หากท่านใจกว้างเช่นนั้น กลัวถูกสวมหมวกเขียวจน ล้นฟ้าหรือไร เช่นข้าก็หมดปัญญาพูดแล้ว
บุรุษหน้าเหม็นนี่เอาข่มขู่นาง หากตอกกลับเสียบ้าง คงจะถูกเขาตลอด
ซย่า นอหรี่ตา ริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างเลศนัย ค่อยเยื้องย่างเข้าเยี่ยเจียเหยาร่างมีกลิ่นสดชื่นเช่นเดียวกับลมภูเขา ทว่านางก็เข้าใจเช่น กันว่าภูเขานั้นเอาแน่เอานอนได้ สามารถโหมพัดกระหน่ำกลืนกินคนมอดม้วยเมื่อ
ริมฝีปากของเขาเกือบจะประชิดเข้าโด่งของเยี่ยเจียเหยาไปใบหน้าที่ใหญ่ตาไก่ชน*พระเจ้า แค่พูดต้องใกล้ขนาดเชียวหรือ
เสียงหัวเราะของเขายิ่งยังพิกล น้ำเสียงอ่อนโยน เหมือนกำลังพร่ำคำหวาน ข้ายกเจ้าผู้อื่น แต่ข้าสามารถ ขายได้ ขายราคาเท่าไหร่ส่งอยู่นอกด่าน ชาติอย่า หวังได้กลับอีกเลย
เยี่ยเจียเหยายืนไม่ไหวแล้ว นางหงายไปด้านหลัง หลงคิดว่าจะต้องล้มลงอย่างไม่เป็นท่า วงแขนของเขากลับยั้งเอว นางดึงเข้ามา จมูกของเยี่ยเจียเหยากระทบเข้ากับแผงอกก่ย่า นางร้องออกมาอย่างเผลอตัว
“จะลองดูก็ได้ อยู่ที่นี่ข้าเป็นใหญ่” อย่าฉุนอส่งเสียเป็น
ชา
ช่างเถอะ นับว่าเขาแน่! เยี่ยเจียเหยาปิดปากสนิท สตรีที่ ฉลาดไม่ยอมเสียเปรียบซึ่งๆ หน้า
เมื่อเห็นนางสงบเสงี่ยม ไม่กล้าต่อปากต่อคำอีก อย่านอ
ยิ้มเยาะอยู่ในใจ กล้าแข่งกันเขา ช่างไม่รู้จักประมาณตนแท้ๆ “ต่อไปอย่าได้แต่งตัวเช่นนี้อีก ขัดหูขัดตายิ่งนัก” อย่า นอวี่สำรวจชุดแต่งงานบนกายนาง มองอย่างรังเกียจ
เยี่ยเจียเหยาพึมพำ” หากไม่ใส่ชุดนี้ แล้วจะให้ใส่ชุดไหน หรือไม่ท่านช่วยไปถามหัวหน้ารองว่าตอนชิงคนมา เขาได้ ขโมยของมาด้วยหรือเปล่า เสื้อผ้าของข้าอยู่กับสินเดิมเหล่า
ซย่า นอครุ่นคิด จริงสิ ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าของนาง ในค่าย มีแต่เสื้อผ้าคนแก่ไม่เหมาะกับนาง เช่นนั้นเขาชี้หน้านาง กล่าว เตือนว่า “ห้ามหนีไปไหน เข้าใจหรือเปล่า
เยี่ยเจียเหยามองตาปริบๆ พยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย เมื่ออย่าฉันอจากไป เยี่ยเจียเหยาก็เอาหมอนของเขามา
นอน
“เป็นของเล่นมารดาเขาเถอะ ของเล่นบ้าบออะไรกัน ชาย โฉดหน้าเหม็น เจ้าโจรตัวซวย คอยดูเถอะ ข้าแกล้งเจ้าให้ตาย เลยทีเดียวเชียว”
เยี่ยเจียเหยานอนหมดแรงอยู่บนเตียง หลังจากระบาย
อารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่ รู้สึกหนทางช่างยาวไกลมืดมิด นาง
ต้องหาแผนการ ทำให้บุรุษตัวร้ายนั้นวางใจว่านางจะไม่หนี
เดิมที่คิดว่าเขาหน้าตาหล่อเหลา ทั้งยังแอบหลงเขาอยู่เล็กๆ ดู
ไปแล้ว นอกจากรูปกายหล่อเหลาแล้วเขาคงไม่มีอะไรดีอีก
ไม่รู้จักเคารพสตรี บ้าอำนาจ เย็นชา ไม่ว่าจะพิจารณาจากมุม
ไหน นางคงไม่มีทางชอบคนแบบนี้ หากเป็นยุคปัจจุบันนางคง
ตบเขาไปสักฉาดแล้ว
แต่ว่ายังคงต้องแสดงละครเพื่อดึงความไว้วางใจจากเขา และคนในค่าย นางถึงจะมีโอกาสหนีออกไป
เช่นนั้นเริ่มจากทำอาหารน่าจะดี เริ่มจากความอยาก อาหารของเขา ทำให้เขาคุ้นลิ้นกับรสมือนาง จนร่างกายเกิด ความคุ้นชินก็จะพัฒนาไปถึงจิตใจที่ยึดติดกับอาหารของนาง ค่อยๆ วางแผนไปทีละเปลาะ เปลี่ยนแปลงเขาไปทีละน้อย
จริงด้วย จัดการตามนี้แล้วกัน
เยี่ยเจียเหยากลับมามีความมุ่งมั่นอีกครั้ง อาหารเป็น ปัจจัยหลักของมนุษย์ รสชาติเป็นควาสำคัญอันดับหนึ่งของ อาหาร ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ยุคโบราณหรือมนุษย์ยุคปัจจุบันต่าง ก็มีข้อเรียกร้องต่ออาหารรสเลิศไม่ต่างกัน
จะทําให้เขาวางใจ ก็ลงมือจากอาหารรสเลิศนี่แหละ
ไม่นาน ย่านอวก็กลับมา ใบหน้าดุดันนั้นกล่าวว่า “ซึ่ง ไม่ได้แย่งชิงสิ่งของอื่นมา เจ้าก็ทนใส่ไปก่อนอีกสักสองสามวัน หากไม่ออกไปด้านนอกจะไม่สวมใส่อะไรก็ไม่เป็นไร
เยี่ยเจียเหยา “.…….
เจ้าคนบ้ากาม เจ้าคนเดียรัจฉาน เยี่ยเจียเหยาได้แต่ด่าอยู่ในใจ
“น่าประหลาดนัก โจรภูเขาอย่างพวกท่าน ครั้นลงเขาไป ก่อการ กลับไม่ช่วงชิงให้มากหน่อย สินเดิมของข้านั้นถือว่ามี มากมายเลยทีเดียว” นางกล่าวโทษ ครั้งนี้นับว่าปล่อยให้น้อง สาวที่กำเนิดจากแม่เลี้ยงของนางสบายไปจริงๆ
ในใจนางรู้สึกไม่ยินดี มีอย่างที่ไหนไม่ชิงทรัพย์กลับชิงแต่ คน ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แบบนี้ยังจะเรียกว่าโจรได้ อีกหรือ
ซย่าฉุนอวี่” ….
จะว่าไปก็ไม่ปกติจริงๆ ทิ้งสินเดิมเจ้าสาวที่มีมากมาย ขนาดนั้น จงใจแย่งชิงตัวคนนั้นไม่ค่อยเข้ากับวิธีการของ หัวหน้ารองเท่าไหร่นัก มีครั้งไหนบ้างที่หัวหน้ารองลงจากเขา ไม่ลงมือโหดเหี้ยม ปล้นชิงจนไม่เหลือหลอ นอกเสียจากว่า
จริงๆ แล้วไม่มีขบวนเจ้าสาวอยู่ ซย่าฉันอขมวดคิ้ว “มัวร่ำไรอะไรอีก รีบไปในชามาให้
เยี่ยเจียเหยาไปในน้ำมาอย่างเชื่อฟัง “ไม่มีน้ำร้อนแล้ว เย็นแบบนี้ได้ไหม”
ซย่า นอมองนางด้วยสายตาไม่พอใจ “ไม่มีน้ำร้อน เจ้า ก็ไม่รู้จักไปเอาที่ห้องครัวหรือไร
เยี่ยเจียเหยาเบ้ปาก “ท่านไม่อนุญาตให้ข้าออกไปเองนี่
ซย่าฉุนอวี่เอ่ยด้วยความโกรธ “ไม่ให้เจ้าไปเดินเล่นที่ที่ไม่ สมควรไป หรือเจ้าไม่รู้ว่าที่นี่คือรังโจร เจ้าไม่กลัวจะถูกถลก หนัง กินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกอย่างนั้นหรือ
เยี่ยเจียเหยาคิดอยู่ในใจ
หากเป็นเช่นนั้นก็เป็นการยืนยันว่าหัวหน้าสามอย่างท่าน ช่างไร้น้ำยา ไม่เช่นนั้นพวกลูกสมุนจะกล้าลงมือต่อสตรีของ ท่านอย่างนั้นหรือ
“ต่อให้ข้าไปพวกนางก็คงจะไม่มอบให้ วันนี้ข้ายังไม่
ได้กินข้าวกลางวันเลยด้วยซ้ำ ถามหาของกินกับพวกนาง ก็ บอกว่าหมดแล้ว ข้าบอกว่าจะลงมือทำเอง มีป้าคนหนึ่งกลับ สาดน้ำดับเตาไฟต่อหน้าต่อตา จากนั้นข้าจึงขโมยแตงกวาลูก หนึ่งหนีออกมา หากมิใช่เพราะข้าหนีได้ไว เกรงว่าจะถูกตาม มาแย่งแตงกวาคืนไป เยี่ยเจียเหยาเอ่ยเสียงอ่อย
ซย่าฉุนอวี่ที่กำลังดื่มน้ำได้ยินคำพูดนั้นพ่นน้ำออกมา เกือบจะสำลัก เขามองสตรีนางนี้ด้วยความคาดไม่ถึง นางสามารถทําเรื่องแย่งของกินเช่นนี้ได้ หรือเป็นเพราะหิวจนเป็น บ้าไปแล้ว
“ทะ ท่านมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน ข้าพูดความจริงนะเจ้าคะ เยี่ยเจียเหยาตอบอย่างหวาดๆ
ซย่า นอรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา “สมองเจ้าถูกลากินไป หมดแล้วหรือไร ถึงไม่รู้จักบอกว่าเจ้าเป็นสตรีของข้า
เยี่ยเจียเหยาตอบอย่างผู้บริสุทธิ์ว่า “ชุดที่ข้าใส่อยู่นี้ หาก มิใช่คนตาบอดสี มิใช่คนโง่ ย่อมดูฐานะของข้าออก ยังต้อง บอกด้วยหรือ ข้าเองก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน เหตุใดฐานะเช่นนี้ถึง ใช้ไม่ได้ผล ข้าเป็นคนมาใหม่อีกทั้งไม่เคยล่วงเกินพวกนาง หัวหน้าสาม คงไม่ใช่เพราะท่านอยู่ที่นี่ไม่รู้จักชื่อใจคนหรอก
*เชื่อเหมย (kill) ราสเบอร์รี่ชนิดหนึ่ง **สวมหมวกเขียว หมายถึง ถูกสวมเขา ***ตาไก่ชน หมายถึง ตาเหล่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ