พิษรักองค์ชายโฉมงาม

ตอนที่ 5 เข้าราชวัง



ตอนที่ 5 เข้าราชวัง

หลีไม่คุกเข่าอยู่ตลอด กลางเดือนฟ้าอากาศร้อนมาก อาทิตย์อยู่ บนหัวเธอแผ่เผาอย่างร้อนแรง เลือดบนหน้าผากหยุดลงแล้ว เหงื่อไหลผ่านบาดแผลทำให้แสบและเจ็บปวดมาก

คุกเข่าไปแล้วหนึ่งชั่วยาม เธอรู้สึกทนไม่ค่อยไหวแล้ว ร่างกาย เซไปมา ป้าที่เฝ้าเธอ เห็นเธอคุกเข่าได้ไม่ดี ถีบไปทีนึง ถีบจนหลีโม่ตา

มีนไปหมด คล้ายจะเป็นลมไป

เธอทําสายตาโหด สองมือประคองพื้น ถีบไปอย่างป้านั้น ป้า นั้นไม่ทันตั้งตัวตอนเธอถีบ เสียงบล้มลงกับพื้นไป หัวกระแทก กับฟันอย่างแรง หลีโม่กระซักคอของนางไว้กล่าวอย่างโหด เหี้ยม “เจ้าเป็นคนรับใช้แก่ๆ ยังกล้ารังแกข้า?อยากตายหรือ ไง!”

“เจ้า… “ป้ามองสายตาของเธอแล้ว ตกใจอึ้งไป สักครู่ถึง กล่าวด้วยสีหน้าโหด “เป็นท่านเสี่ยงที่ให้ข้าน้อยมาเฝ้าคุณหนู ใหญ่ คุณหนูใหญ่กล้าขัดคำสั่งของท่านเสียงหรือ?”

หลีโม่ยิ้มอย่างเย็นชา แล้วคุกเข่าลงทับที่หลังมือของนาง หัว เช่าออกแรง ผ้ายันปวดจนร้องเสียงดัง

หลีไม่กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “ท่านพ่อให้ข้าคุกเข่าต่อหน้า ป้ายวิญญาณบรรพบุรุษ ตอนนี้ข้าก็คุกเข่าอยู่แล้วใช่ไหม?
ป้านันทนความปวดไม่ไหว ยอมถอยก่อนค่อยว่ากัน ได้แต่ ออกเสียงขอร้อง “คุณหนูใหญ่โปรดให้อภัย ข้าน้อยรู้ตัวผิดไป

แล้ว

หลีโม่อย่างคงไม่ขยับ ยังคุกเข่าบนหลังมือของนางดั้งเดิม สีหน้าท่าที่เยือกเย็นเหมือนรูปปั้นน้ำแข็งเช่นนั้น

เมื่อถึงเวลาประมาณยามเซน มีมาม่านางในอาวุโสสองท่าน มาจากราชวัง บอกว่าฮองเฮาจะเรียกพบคุณหนูใหญ่สำนักเลี้ยง

เสี้ยหลีโม่

มาจนได้!

หลีโม่สายตาสะดุ้ง นี้ถึงเป็นการรบที่ยากสุด ถ้าไม่ทันระวัง คง ตายโดยไม่มีที่นั่งเลย!

ตอนที่มาม่าพาเธอออกไป คุณนายหลินหลงยิ้มแล้วเดินไป ตรงหน้าของหลีโม่ ยื่นมือไปจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้หลีโม่เล็กน้อย “อย่างไรก็จะเข้าราชวังพบฮองเฮา จะทรุดโทรมเช่นนี้ได้ อย่างไร?”

มือของนางเลื่อนผ่านแขนของหลีโม่ไป ใช่แรงบีบ ความเกียจ เกิดขึ้น ปูด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลงกล่าว “เสี้ยหลีโม่ ถ้าเจ้าไม่ตายอยู่ ในราชวัง ข้าก็จะทำให้เจ้าตายอย่างน่าเกลียด ”

หลีไม่มองนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทันใดนั้น ยื่นมือตบไปบน หน้าของนางที่นั่ง ตบ หลีไม่ใช้แรงหมดทั้งตัว ตบจนคุณนาย หลินหลงล้มลงกับพื้น
หลีโม่กล่าวทีละพยางค์ทีละคำ “คำพูดเดียวกัน มอบให้เจ้า รอให้ช้ากลับมาเถอะ”

พูดจบ หันกลับไปมองที่สองมาม่า ไม่อ่อนไม่ได้กล่าว “เชิญมา

ม่านทาง ”

สองมาม่ามองซึ่งกันและกันทีนึง ในใจต่างรู้สึกแปลกใจ คุณ หนูใหญ่นี้แม้จะทรุดโทรม แต่อารมณ์ไม่ลดแม้แต่นิด กลับกัน มี ความรู้สึกแข็งแกร่งยิ่งนัก

เพียงแต่เธอไม่รู้จริงๆหรือว่าคราวนี้เข้าราชวัง นั้นรอดยาก

แล้ว?

คุณนายหลินหลงมือสัมผัสใบหน้าไว้ สายตาที่โหถ้าเธอยัง สามารถมีชีวิตออกจากราชวัง เธอจําไว้แล้ว ถ้านางยังสามารถมี ชีวิตออกจากราชวังได้ จะต้องเอาคืนนางร้อยเท่าพันเท่าแล้ว ค่อยให้นางตายไป

ราชวังยังคงเตรียมรถม้า ให้หลีโม่ เพียงแต่เธอนั้นไม่สามารถ นั่งอยู่ในรถม้า มาท่านสั่ง เธอได้แต่นั่งอยู่กับหัวรถเช่นนั้น

รถม้าในราชวัง ประชาชนที่ตาถึงก็จะดูออก ก็คงรู้ว่าหญิงสาว กายสวมชุดเจ้าสาวสีแดง แต่ทั้งหน้าทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล นั้นคือใคร เพราะว่า วันนี้ประชาชนที่มามุงดูนั้นไม่น้อยจริงๆ ข่าว คราวเผยแพร่อย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้กันหมด คุณหนูใหญ่สำนักเสี้ ยงปฏิเสธขึ้นเกี้ยวแต่งงาน จนทำให้ต้องเหลียงโมโหหนัก

บางคนว่าเธอมีความกล้าหาญ แต่บางคนก็ว่าเธอโง่ แต่ไม่ว่า จะบอกว่าเธอเป็นยังไง ก็รู้ๆกันว่าเธอเข้าราชวังคราวนี้มีเพียงทางเดียว นั้นก็ตาย

ถอนงานแต่ง องเหลียง ก็เท่ากับเปิดความคิดกับฮองเฮา ถึง จะโดนตัดหัวก็ไม่ถือว่าเป็นไปอยู่แล้ว

หลีโม่เหมือนดั่งหุ่นเช่นนั้นที่ไร้สีหน้าท่าทาง สายตามองด้าน หน้า แสงอาทิตย์เริ่มค่อยๆผ่านบนหัวของเธอไป เธอรู้สึกเวียน หัวมาก ทั้งตัวไม่มีแรงเลยแม้แต่นิด ภาพทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า เหมือนดั่งอยู่ในความฝันเช่นนั้น แม้แต่ดวงอาทิตย์ ก็ยังมัวไป หมด

รถม้าเดินหน้าไปตามทางพื้นหินสีเขียว เสียงกีบม้านตัน เหมือนเสียงกริ่งที่เร่งชีวิต

เธอแทบจะไม่รู้เลยวันนี้ยกเลิกงานแต่ง จะมีผลที่ตามมา อย่างไร?แต่ผลที่แย่ที่สุด ก็ยังแย่ไม่เท่ากับที่เธอต้องแต่งงานเข้า าหนัก องเหลียง

ในตำหนักอ๋องเหลียงมีเมียน้อยนับสิบคน มีครึ่งนึงเป็นพิการ ตรวจสอบพบว่า ในสามปีนี้ ตำหนักอ๋องยกศพเมียน้อยออกมา ไม่น้อยกว่ายี่สิบกว่าคน

อ๋องเหลียงคนนี้ เป็นบ้าแล้ว

ในเมืองไม่มีคนรวยมียศคนไหน ที่ยอมให้ลูกสาวของตนเอง แต่งงานเข้าตำหนักอ๋องเหลียง เพราะเช่นนั้นถึงตอนนี้แล้วยังไม่ แต่งงาน ชายาเอกอีก

แน่นอนว่าต้องเหลียงก็ไม่ยอมแต่งงานกับหญิงสาวตะกูลเล็กๆหรอก ดื่มเหล้ากับเฉิงเสียงเสีย แท้จริงเป็นการหลอก ไม่คาดคิด ว่า หลังเจ๋งเลี้ยงเสียเมาแล้วหลับตกลงจริงๆ อ๋องเหลียงจะปล่อย โอกาสเช่นนี้ได้อย่าไง?

อ๋องเหลียงนะอ๋องเหลียง เดียวเจ้าต้องอยู่ในราชวังนะ ไม่เช่น นั้น แผนของข้ายากจะสำเร็จ

หลีโม่หมุนกำไลสะกดจิตอยู่ ในใจกำลังคิดอยู่อย่างเงียบๆ

รถม้าหยุดอยู่ตรงประตูทางตะวันออกของราชวัง ลงจากรถม้า แล้ว มาม่ากล่าวกับหลี ไม่ต้องสามไหว้เก้าคำนับจากประตูตะวัน “ฮองเฮาสั่งการไว้ สิบเก้าเดือนหกเป็นวันประสูติของเจ้าแม่กวน อิม เพื่อสร้างกุศลให้ฮองไทเฮา หญิงที่เข้าราชวังตั้งแต่สิบเก้า เดือนห้านั้น ต้องสามคุกเข่าสามไหว้เก้าคำนับ ประตูตะวันตก ” จาก

หลีโม่จ้องมองมาม่า พูดโดยท่าทีที่นิ่ง “ความกตัญญูที่ ฮองเฮามีต่อฮองไทเฮา ช่างตื้นตันใจนัก กระหม่อมจะต้องยก ฮองเฮาเป็นแบบอย่างแน่นอน ”

มาม่ากล่าวอย่างนิ่งนิ่ง “งั้นก็เชิญคุณหนูใหญ่คุกเข่าเข้าไป

เถอะ!”

หลีโม่ค่อยๆคุกเข่าลง ในใจจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี้เป็นการวาง อานาจของฮองเฮา?

แต่ว่า นี้เป็นเพียงการเริ่มต้นอันนึง

สามไหว้เก้าคำนับ สามก้าวหนึ่งคุกเข่า เก้าก้าวหนึ่งคำนับ นี้เพื่อขอพรกุศลของฮองไทเฮา แน่นอนว่า แต่คุกเข่าไม่สามารถ จบเรื่องง่ายๆ ต้องได้ยินเสียงที่ดังก้อง

มาม่าสองท่านตามอยู่หลัง ปากนับไว้ “หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว คุกเข่า ยืน หนึ่งก้าวสองก้าว…”

หลีโม่ฟังตามคำสั่ง เมื่อถึงเวลาคุกเข่า ก็ฟุบคุกเข่าลง เมื่อถึง เวลาค่านับ ก็โขกหัวลง

ทุกครั้งที่คุกเข่าลง ต้องมีเสียงปุ๊บทั้งนั้น แต่ไม่ให้ค่อยๆคุกเข่า

ลง

ออกแรงไม่พอ มาม่าก็จะทำหน้าเย็นชาแล้วให้เธอคุกเข่าใหม่ อีก เสียงโขกหัวถ้าไม่ดังพอ ก็ต้องคำนับใหม่

จากประตูราชวังตะวันตกเดินถึงหลังราชวัง เพียงร้อยเมตร สั้นๆ หน้าผากของหลีโม่ก็บวมขึ้นแล้ว มีเลือดไหลออกมา หัวเข่า ทั้งสองข้างของนางเจ็บปวดเหมือนโดนเข็มทิ่มเช่นนั้น

ทุกสิ่งตรงหน้าของเธอ ก็เริ่มตัว เหวียนหัวหนักอย่างยิ่ง เสียงมาม่าข้างหูเหมือนมาจากฟากฟ้า ช่างห่างไกลนัก แต่ว่า แต่ละเสียงกลับเหมือนระเบิดในหูอีก

เสี้ยหลีโม่ นี้เป็นเพียงเริ่มต้น เจ้าต้องทนต่อไป ไม่เช่นนั้นวันนี้ เจ้าก็ต้องตายอีกครั้ง

เธอกลัวความตาย เธออยากมีชีวิตอยู่ มีเพียงมีชีวิตอยู่ ทุกสิ่ง ถึงจะมีความหวัง

ฉะนั้น ถึงจะคุกเข่าจนเลือดไหลท่วมหน้า เธอก็ต้องคุกเข่าต่อไป

ระยะทางนี้ เหมือนดั่งเดินไปแล้วตลอดชีวิต กี่ครั้งที่หลีโม่จะ เป็นลมไป ความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ต่อพยุงเธอไว้ ต้องผ่านมัน

ไปให้ได้

เธอควบคุมความโมโหและเกลียดชังในดวงตาไว้ พยายาม ให้ตนเองสงบสติ

ในที่สุด มาถึงพระตำหนักสิ่งหนึ่งของฮองเฮา

หลีโม่นั้นเหงื่อเต็มตัวแล้ว เหงื่อผสมกับเลือดที่แดงสดไหลลง มา เข้ากับชุดเจ้าสาวที่ฉีกขาดบนตัวของเธอ ทำให้มีความรู้สึก น่าเศร้าและแปลกๆที่พูดไม่ออก

“คุณหนูใหญ่เสียคุกเข่าไว้ก่อน เหนียงเหนียงกำลังพูดคุยอยู่ กับอ๋อง อเจิ้งอยู่ พูดจบแล้วจะเรียกเจ้าเข้าพบเอง “มาม่าพูด

อย่างเบาๆ

ท้องฟ้าค่อยๆจางครึ่มลงมาแล้ว เมฆสีส้มหนึ่งชั้นข้างขอบฟ้าก ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน

หลีโม่คุกเข่าอย่างตรง ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของร่างกายบังคับ ไม่ให้ตนเองสั่น เธอพูดไม่ออกว่าหนาวหรือว่าร้อน หรืออาจคือ เจ็บปวด หน้าผากที่ค่านับบวมขึ้นมายังมีเลือดสดไหลออก หยด ลงมาบนพื้นหิน แต่ท่าทีของเธอนั้นนิ่งเงียบอย่างยิ่งนัก เหมือน ดังรูปปั้นเช่นนั้น

แบบนี้ คุกเข่าไปแล้วครึ่งยาม คุกเข่าจนนางแทบจะไม่สามารถยึดตัวตรงได้เลย มาม่าถึงออกมาจากในตำหนักกล่าว คุณหนูใหญ่เสี้ย ฮองเฮาเหนียงเหนียงเรียกให้เข้าพบ

หลีไม่กล่าวอย่างเคารพ “ขอบคุณมาม่า!!

เธอลําบากมากกว่าจะสามารถลุกขึ้นมา สองขาชาจนไม่มี ความรู้สึกเลยแม้แต่นิด แม้กระทั่งความรู้สึกเจ็บยังหายไป โซเซ ไปหลายครั้งถึงประคองตัวได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ