3
3
พลับพลึงจึงรีบปอกเหลือกมันสำปะหลัง ก่อนจะจัดการ นำไปล้างแล้วก่อไฟ เธอใช้มือเล็กๆ ปาดเหงื่อจนใบหน้า มอมแมมไปหมด มองมันที่ถูกต้มอยู่ในหม้อเก่าๆ ก้นดำๆ ด้วยความหิว
เด็กน้อยนั่งกินมันสำปะหลังต้มอย่างเดียวดาย มอง บันไดบ้านก็ไม่เห็นบิดาแม้แต่เงา นั่งตบยุงเหงาๆ อยู่คน เดียว ไม่นานบิดาก็เดินเซๆ ขึ้นบ้านมาด้วยความเมา แต่ เผลอสะดุดบันไดบ้านจนหน้าฟาดไปกับพื้นไม้
“โอ๊ย!”
“พ่อ”
“ทำไมมึงไม่มาพยุงกู” คนเมาร้องเสียงหลงเลือดไหล กบปาก ด่าทอสาดเสียเทเสีย เด็กน้อยหน้าเสียรีบไป ประคองร่างหนักๆ นั้นขึ้นบ้าน พาไปนอนที่กลางบ้าน ก่อนจะช่วยเช็ดเลือดให้คนเมาโวยวายก่อนจะหลับไปทั้ง อย่างนั้น
พลับพลึงวิ่งไปหาผ้ามาเช็ดหน้าและเนื้อตัวให้บิดา ก่อนจะรีบกางมุ้งให้เพราะกลัวยุงกัด พอจัดการกับบิดา เรียบร้อยแล้วจึงไปนั่งกลางบ้านเพื่อทำการบ้านที่คุณครูสั่ง ดินสอที่ใช้อยู่มันสั้นมาก พอเผลอกดเพราะ ต้องคัดลายมือส่งคุณครูมันเลยหัก
“หักซะแล้ว” เธอมองอย่างเสียดายก่อนจะไปหามืดมา เหลา แต่พอเหลามันก็หักอีก
“ไม่มีดินสอจะทำยังไงดี พรุ่งนี้ไปโรงเรียนต้องโดนครู ติแน่ๆ เลย” เด็กน้อยขบคิดให้วุ่น รีบไปหาถ่านดำๆ มา เหลาให้เป็นแท่งก่อนจะเริ่มคัดลายมือในสมุดแจกฟรีที่ เคยได้มาจากโรงเรียน
“เสร็จแล้ว” เด็กน้อยมองลายมือของตัวเองแล้วอมยิ้ม ก่อนจะรีบเก็บหนังสือและสมุดอีกมุมหนึ่งของบ้านและมุด มุ้งเข้าไปนอนกับบิดา
พลับพลึงตื่นตั้งแต่ไก่โห่มากวาดบ้านถูบ้านและทำ อาหารเช้าให้บิดา นั่นคือมันต้มอีกเช่นเคย วันนี้เป็นวัน ศุกร์ คิดว่าวันเสาร์และวันอาทิตย์นี้จะไปรับจ้างทำงาน เพื่อหาเงินมาซื้อข้าวสาร
พลับพลึงไปถึงโรงเรียนก็ทำเวรประจำวัน เธอกวาดห้อง จนเรียบร้อยพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ ก่อนจะรีบวิ่งไปเข้า แถวเคารพธงชาติ
“หนูใช้อะไรคัดลายมือคะ” ครูศรีสุภางค์เอ่ยถาม มอง สมุดของนักเรียนตัวน้อยแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน แม้ลายมือจะสวยแต่เหมือนไม่ได้ใช้ดินสอคัดลายมือ
“หนูใช้ถ่านเพราะไม่มีดินสอค่ะ เหลาแล้วมันหักสั้นมาก จนเขียนไม่ได้” เด็กน้อยตอบเสียงเศร้า ก่อนจะรีบวิ่งไป คว้าดินสอแท่งเล็กๆ สั้นกุดมาให้คุณครูดู
“โธ่…” คุณครูวัยกลางคนครางเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้น ลูบศีรษะเด็กน้อยแล้วเปิดลิ้นชักหยิบดินสอแท่งสีน้ำตาล อ่อนด้านบนมียางลบส่งให้ลูกศิษย์ตัวน้อย
“ครูให้จ้ะ”
“ให้หนูจริงๆ เหรอคะ”
“จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณครู” เด็กน้อยยกมือไหว้อย่างดีใจ
“ถึงคัดลายมือโดยใช้ถ่านหนูก็คัดลายมือสวยมากเลย นะรู้ไหม ช่างคิดแล้วก็ฉลาดด้วย” ครูศรีสุภางค์เอ่ยชม พอครูชมเด็กน้อยก็ยิ้มกว้างแทบจะทันที
พลับพลึงตั้งใจเรียน ตั้งใจฟังครูสอน เวลาพักกลางวัน เป็นเวลาที่เด็กน้อยมีความสุขที่สุด วันนี้มีปลาทูทอดเป็น อาหารกลางวัน เด็กน้อยกลืนน้ำลายด้วยความหิวเมื่อได้กลิ่นของมันลอยเข้ามาปะทะจมูก
…น่ากินจัง…
เธอไม่เคยได้กินปลาเลยเพราะมันแพงมาก มาโรงเรียน แบบนี้ได้กินปลาเป็นอาหารกลางวันก็ดีใจจนน้ำตาไหล เด็กน้อยแอบแบ่งปลาครึ่งหนึ่งใส่ใบตองที่นำติดตัวมา จากบ้านห่อเอาไว้เพื่อเอากลับไปให้บิดากินในตอนเย็น
“ไปเล่นหมากเก็บกัน” เพื่อนๆ ชวนกันไปเล่นหมากเก็บ โดยใช้ลูกหินลูกกลมๆ กับลูกแก้วเป็นอุปกรณ์ พอเล่น หมากเก็บจนเบื่อก็ไปเล่นกระโดดยาง ถ้าวันไหนมีวิชา พละก็จะไปเล่นงูกินหางบ้าง วิ่งแข่งบ้าง มอญซ่อนผ้าบ้าง
“ว้าย! ทำอะไรน่ะ” พลับพลึงร้องขึ้นเมื่อโดนเด็กผู้ชาย ในโรงเรียนเปิดกระโปรง
“ทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย ยายพลับพลึงใส่ กางเกงในขาด แบร่ๆๆ” เด็กผู้ชายในโรงเรียนแลบลิ้น ปลิ้นตาใส่ พลับพลึงรู้สึกอับอายเมื่อหลายคนเริ่มหัวเราะ เยาะและล้อเลียน
“ใส่กางเกงในขาด สีอะไรนะ” ทิดเป็นคนทำท่าทางล้อ เลียน
“สีแดง” เพื่อนๆ เอ่ยล้อประสานเสียงกัน
“อย่าพูดนะ” พลับพลึงรีบห้ามด้วยความอาย พวกเด็ก ผู้ชายก็วิ่งหนีเอ่ยล้อไม่หยุด พลับพลึงปล่อยโฮออกมา ก่อนจะวิ่งไปนั่งหลบร้องไห้อยู่หลังห้องเรียน
“พลับพลึงเป็นอะไรลูก” ครูศรีสุภางค์เอ่ยถามเด็กน้อย
“พวกนายทิดแกล้งหนูค่ะ ฮึกๆ ฮือๆๆ” เด็กน้อยตอบเสียง สะอน
“ตายแล้ว แกล้งคนอื่นแบบนี้ได้ไงกัน” ครูศรีสุภางค์ให้ ไปตามพวกของเด็กชายทดมา ก่อนจะว่ากล่าวตักเตือน และอบรมสั่งสอน
“เป็นผู้ชายต้องเป็นสุภาพบุรุษรู้ไหม ขอโทษเพื่อนเดี่ยว น้เลย” คุณครูวัยกลางคนทำหน้าขึงขัง ทำให้พวกของ เด็กชายทดต้องขอโทษพลับพลึงเพราะกลัวจะโดนครูตี
“ทีหลังอย่าให้ครูรู้ว่าแกล้งเพื่อนอีกนะ ไม่เช่นนั้นครูจะตี ให้หนักเลย
“ครับ” พวกของเด็กชายทิดรับคำเสียงหงอในทันที เย็น วันนั้นพอกลับบ้าน เธอก็เลยโดนแกล้งอีกรอบ พลับพลึง โดนพวกของทดลากไปยังสระบัวที่อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน
“จะทำอะไรน่ะ ปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ” เด็กน้อยดิ้นหนีแต่สู้ แรงพวกเด็กผู้ชายจอมเกเรไม่ไหว
“ขี้ฟ้องดีนัก แบบนี้ต้องสั่งสอน พวกเราโดนครูศรี เลย เห็นไหม”
“อย่านะ อย่า ว้าย!”
ตู้ม!!! เสียงตู้มที่ดังขึ้นคือเสียงของพลับพลึงที่ตกลงไป ในน้ำ
“ชะ.. ช่วยด้วย ช่วยด้วยฉันว่ายน้ำไม่เป็น
“ว่ายขึ้นมาเองเถอะ อย่ามาโกหกเลยว่าว่ายน้ำไม่เป็น อยากให้พวกเราตัวเปียกกระโดดลงไปช่วยน่ะสิ” ทิด กอดอกสีหน้าชั่วร้าย
“ฉันว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆ นะ แคกๆๆ” พลับพลึงสำลักน้ำ รีบตะเกียกตะกายอย่างหวาดกลัว
“เฮ้ย! ไอ้ทิด นางพลับพลึงมันว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆ นะโว้ย มึงกระโดดลงไปช่วยมันเร็ว เดี๋ยวมันก็จมน้ำตายหรอก”
“มึงลงไปช่วยมันสี” ทัดไม่ยอมลงไปช่วย
“ไม่เอา บึงบัวนี้น่ากลัวจะตายไป เขาว่าผิด ใครตกลงไป ตายทุกราย พอไอ้ธรรมพูดแบบนั้น ไอ้ทิดกับเพื่อนอีก คนก็เริ่มกลัวไม่มีใครกล้ากระโดดลงไปช่วยเลยสักคนแต่ กลับวิ่งหนีหายกันไปหมด พลับพลึงตะกายร่างสำลักน้อย ด้วยความทรมาน ก่อนที่เธอจะจมดิ่งลงไปก้นสระ ร่าง ของใครคนหนึ่งก็กระโดดลงมาช่วยเหลือ
“เป็นยังไงบ้าง” เหมราช… เด็กชายวัยสิบเจ็ดร้องถาม เขาตบแก้มเด็กน้อยไปมา หลังจากผายปอดเรียบร้อย แล้ว ไม่นานพลับพลึงก็กะพริบตาฟื้นคืนสติอีกครั้ง
“ฟื้นแล้วครับน้าสน” เหมราชหันไปพูดกับคนขับรถอย่าง ดีใจ
“หนูตายแล้วเหรอคะ พี่เป็นคนมารับหนูไปสวรรค์เหรอ จ๊ะ”
“เพ้อใหญ่แล้ว พี่ไม่ใช่ยมทูตนะครับ เราน่ะจมน้ำพี่เลย ช่วยขึ้นมาจากสระ” เหมราชยิ้มเอ็นดูให้เด็กน้อย
“ขอบคุณค่ะ” พลับพลึงยกมือไหว้ปลกๆ เหมราชยิ้ม อย่างเอ็นดู โยกศีรษะของเด็กน้อยไปมาเบาๆ ด้วยความ เอ็นดู
“รู้สึกยังไงบ้าง” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอาการเด็กหญิงตัวน้อย รูปร่างผอมบาง
“ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” เธอส่ายหน้าไปมา เนื้อตัวเปียก ปอนไปหมด เหมราชมองร่างเล็กจ้อยที่อยู่ในชุดนักเรียน เก่าๆ แล้วนึกเวทนาไม่น้อย
เด็กน้อยล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงนักเขียนเก่าๆ ของตัวเองก่อนจะดึงห่ออะไรบางอย่างออกมา
“อะไรครับ” เหมราชเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ปลาทอดที่โรงเรียนน่ะค่ะ หนูจะเอากลับไปให้พ่อกิน เย็นนี้ มันเปียกหมดแล้ว” เธอคลี่ห่อปลาทูทอดเละๆ เปียกน้ำแล้วถอนใจหนักหน่วงสีหน้าเศร้าสร้อย
“งั้นเอาขนมพี่ไปกินก่อนไหม” เขาดึงเด็กน้อยให้ลุกขึ้น พาเดินไปที่รถ มองถุงเท้าเก่าๆ ที่ยับย่นไม่มียางรัดข้อเท้า และรองเท้านักเรียนเก่าๆ นั้นอย่างสงสาร
“ว้าว… ขนมน่ากินจังเลยค่ะ” พลับพลึงยกมือไหว้รับมา ด้วยความดีใจ มีขนมหลายอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“บ้านอยู่ตรงไหนครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เหมราชยิ้มให้เด็ก น้อยอย่างใจดี
“อยู่ท้ายหมู่บ้านค่ะ” เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เหมราช หันไปคุยกับนายสนสั่งให้อีกฝ่ายพาเด็กน้อยไปส่งบ้าน
เหมราชเป็นลูกชายคนเดียวของกำนันเดิมและคุณนาย จำปา ตอนเด็กๆ มารคาส่งไปอยู่กับคุณยายที่กรุงเทพฯ นานๆ เขาถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้านสักที
เมื่อนายสนขับรถมาส่งที่บ้าน พลับพลึงจึงรีบกุลีกุจอไป เอาน้ำฝนโรยดอกมะลิมาให้พี่ชายใจดีในทันที เหมราช มองสภาพบ้านเก่าๆ ของเด็กน้อยอย่างเวทนา มันเก่าและ โทรมแทบจะพังอยู่รอมร่อ คอกไก่ที่บ้านบิดาของเขายังดู ดีกว่าอีก
“หนูขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ ต้องรีบซักชุด นักเรียนตาก จะได้แห้งไวๆ วันจันทร์จะได้ใส่ไปเรียน” บางทีมีฝนตก เธอก็ต้องใส่ชุดเปียกๆ ไปเรียน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ