ตอนที่ 15 ลักลอบร่วมมือกัน
ชาติก่อน นางไม่รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของจ้าวซินซิน เลยถูกนางจับไปเล่นอยู่ในกำมือ แต่จางยวี่โหร่วในวันนี้ จะเหมือนเมื่อก่อนได้ยังไง
“เหอะๆ ข้าก็แค่พูดเล่น น้องจ้าวไม่ต้องคิดมากหรอก ข้าเชื่ออยู่แล้วว่าองค์ชายสามต้องช่วยข้าให้หลุดพ้น จากความทุกข์แน่ ยังไงเขาก็พูดว่ารักข้า แล้วจะทิ้งข้า ลงโดยไม่สนใจเลยได้ยังไง?”
พูดจบ นางก็แอบเห็นแววตาของจ้าวซินซินมืดมนเล็ก น้อย คาดว่าตอนนี้นางคงจะโมโหจนระเบิดไปแล้ว
แน่นอนว่าไม่ว่านางจะโมโหแค่ไหน สีหน้าของนางก็ ต้องแสดงออกอย่างนอบน้อม “ใช่ค่ะ ท่านพี่พูดถูก องค์ ชายสามดีกับท่านพี่ขนาดนี้ ข้าก็ดีใจแทนท่านพี่ด้วย”
ต่อมา จ้าวซินซินก็พูดประโยคชื่นชมอีกสองสาม ประโยค แล้วบอกว่าท่านแม่ป่วยอยู่ต้องรีบกลับไปดูแล ใช้เป็นข้ออ้างแล้วออกไปเลย
จางยวี่โหร่วไม่รั้งไว้แน่นอน นางมองเงาที่จากไป โดยไม่ละสายตา แล้วในแววตาก็เผยให้เห็นถึงความ โดดเดี่ยวและเย็นชา
“เสี่ยวเฟิง ส่งคนตามนางไป มีอะไรให้รีบส่งข่าวกลับ มา”เสี่ยวเฟิงรับใช้อยู่ข้างกายจางยวี่โหร่วตั้งแต่เด็ก โต มากับนาง ถึงอายุจะไม่มาก แต่ก็รู้ใจนางอย่างดีเลยที เดียว
ตอนนี้จางยวี่โหร่วปฏิบัติกับจ้าวซินซินยังไงนางเห็น อยู่กับตา นางเลยรีบพยักหน้า “ค่ะ!”
ณ ศาลาเล็กภายในกำแพงที่สูงของบ้าน รอบๆข้าง เต็มไปสิ่งที่กั้นไว้ราวกับว่าเป็นคุก มีแต่เสียงหัวเราะของ หญิงสาวและชายหนุ่มดังออกมาจากข้างใน ทหารที่เฝ้า อยู่ข้างนอกต่างยืนตรง เหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย
จริงๆแล้วคือ….ชินแล้ว
แต่สักพักเสียงหัวเราะก็เปลี่ยนจังหวะ กลายเป็นเสียง ที่พลอดรักกัน ทำให้คนที่ฟังแล้วหน้าแดงหัวใจเต้นแรง
กลางวันแสกๆแบบนี้กลับทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ แต่ กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไร คนทั้งบ้านต่างเงียบกริบ เพียงแค่ว่าช่วยปกป้องภาพลักษณ์ที่ดูสุภาพบุรุษของ เจ้านายตนเอง
ผ่านไปพักใหญ่ หญิงสาวและชายหนุ่มก็แยกออกจาก กันสักที เสียงก็ค่อยๆจางหายไป
จนถึงเวลานี้ ถึงมีบ่าวกล้าเดินเข้าไปข้างหน้า แต่ก็ยัง คงอยู่ห่างจากศาลาเล็กน้อย แล้วพูด “องค์ชายสาม แม่นางจ้าวมาครับ บอกว่ามีเรื่องด่วนอยากพบท่าน ข้าน้อย ให้นางรออยู่ที่ห้องรับแขกรอง”
ไม่ผิด คนที่อยู่ในนั้นก็คือองค์ชายสามเป่ยจื่อห้าว
เกิดเรื่องเจ้าสาวถูกสลับตัว ทำให้เขากลายเป็นตัว ตลกของคนทั้งเมือง ไปถึงไหนก็มีแต่คนวิพากษ์วิจารณ์ ตอนนี้จะมีหน้าออกไปข้างนอกได้ยังไง? สู้หลบอยู่ใน บ้านสองสามวัน แล้วหาความสุขไปก่อน รอให้เรื่องมัน ผ่านไปแล้ว ค่อยคิดหาวิธี เขาเป็นคนที่ใจกว้างจริงๆ เลย
ผ่านไปสักพัก ก็มีผู้หญิงที่ปล่อยผมและใบหนาแดง ก่ำเดินออกมาพร้อมกับเป่ยจื่อห้าว เสื้อผ้าหลุดลุ่ย มนต์ เสน่ห์นับพัน ราวกับว่านางพิงอยู่บนตัวเขา นางก็คือนาง สนมคนโปรดของเขา แม่นางหวัง
แม่นางหวังหน้าตาสวยงามรูปร่างดี เป่ยจื่อห้าวหลง นางมาก ถ้าพูดถึงเรื่องแย่งความรักกันในบ้าน คงไม่มี ใครสู้นางได้
“องค์ชายสาม ท่านบอกไม่ใช่หรือว่าวันนี้จะอยู่กับข้า ทั้งวัน ท่านไปพบผู้หญิงคนนั้นทำไมกัน”
เป่ยจื่อห้าวกอดที่เอวของนาง แล้วประทับจูบลงไปที่ ริมฝีปากแดง “คนดี เจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเจ้าดึกๆ นะ”
แม่นางหวังดูจะรู้จักจ้าวซินซิน นางเคยมาที่ตำหนักหลายครั้ง ทุกครั้งที่มาองค์ชายสามก็ไปพบตลอด จริงๆแล้วหน้าตาก็ไม่ได้สวยขนาดนั้น และพ่อของนางก็ เป็นแค่นายหมู่บ้านที่มีอำนาจแค่เล็กๆ ไม่รู้ว่าทำไมองค์ ชายสามถึงเห็นนางสำคัญนัก หรือเป็นเพราะว่าจางยวี่ โหร่ว?
แต่จางยวี่โหร่วกับจ้าวซินซินเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ใช่ หรือ จางยวี่โหร่วดีกับนางขนาดนี้ แต่ตอนนี้นางกลับมา แอบยั่วยวนองค์ชายสามลับหลังเพื่อนสนิทของนาง น่า อับอายจริงๆ
แน่นอนที่แม่นางหวังรู้จักนิสัยของเป่ยจื่อห้าวดี เขา เกลียดเรื่องที่ผู้หญิงทะเลาะกันเรื่องหึงหวงที่สุด เลยไม่ กล้าแสดงออกอะไรมาก ในเมื่อตอนนี้เขารับปากแล้ว นางเลยรับไว้
“ก็ได้ ข้าให้คนไปทำอาหารที่ท่านชอบทาน แล้วรอ ท่านมาทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ”
หลังจากที่แม่นางหวังไปแล้ว ก็มีสาวใช้มาแต่งตัวให้ เป่ยจื่อห้าว จากนั้นเขาถึงเดินไปที่ห้องรับรองแขก
จ้าวซินซินรออยู่ตรงนั้นนานแล้ว พอเห็นเป่ยจื่อห้าวมา เลยรีบเดินหน้าเข้าไปทำความเคารพ
“ข้าน้อยขอคารวะองค์ชายสาม
เป่ยจื่อห้าวเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลัก แล้วพูด “ในเมื่อเจ้า เป็นเพื่อนสนิทของยวี่โหร่ว ก็ไม่ต้องเกรงใจต่อหน้าข้ามากหรอก ใครก็ได้ ยกน้ำชามาสิ!”
“ขอบพระคุณองค์ชายสามค่ะ” หลังจากที่จ้าวซิน ซินนั่งลง ก็แสดงให้เห็นถึงสีหน้าที่น่าสงสาร ดวงตา แดงและน้ำตาคลอเบ้า ทำให้คนรู้สึกสงสารและอยาก ทะนุถนอม ทำให้ทนไม่ไหวที่จะเจ็บเล็กน้อยที่ใจเพราะ นาง
“เป็นไรหรือ ตาแดงขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรหรือ?”
เห็นได้ชัดเจนว่าจ้าวซินซินรอเขาถามอยู่ นางรีบ คุกเข่าที่พื้นแล้วอ้อนวอนพร้อมกับร้องไห้
“องค์ชายสาม ท่านต้องช่วยท่านพี่ยวี่โหร่วด้วยนะ คะ นางควรจะเป็นชายาของท่าน แต่อยู่ดีๆกลับถูกผู้อื่น แย่งไปได้ยังไง ใครต่างก็รู้ว่าอ๋องชิงผินนั่นมีชายาตาย ไปแล้วตั้งเจ็ดคน ทุกคนต่างตายหลังจากแต่งงานไปได้ ไม่กี่วัน ท่านพี่ยวี่โหร่วตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา คงจะ จบไม่ดีแน่ ท่านต้องช่วยท่านพี่นะคะ”
เรื่องนี้ถึงนางจะไม่พูด เป่ยจือห้าวก็กวนใจมากอยู่ แล้ว ตอนนี้เขาพยายามกลั้นความโกรธไว้ในใจ แสดง สีหน้าที่อ่อนโยนออกมาให้เห็น ใบหน้าที่หล่อเหล่าเผย ให้เห็นความเสียใจเล็กน้อย
“เจ้ารีบลุกขึ้นมาเถอะ เรื่องนี้ต้องวางแผนกันยาว”
“ไม่ ข้าไม่ลุก ถ้าท่านไม่รับปากว่าจะช่วยท่านพี่ ข้าจะ คุกเข่าแบบนี้ตลอดไป
พอเห็นฉากนี้เข้า ในใจของเขาก็ชื่นชมความใจดีและ ใจที่มีเมตตาของจ้าวซินซิน นางสนิทกับจางยโหร่ว มาก เลยวิ่งมาขอร้องเขาที่นี่ เป็นหญิงสาวที่ดีเลยจริงๆ
เป่ยจื่อห้าวถอนหายใจยาว จากนั้นก็พูด “พวกเจ้า ออกไปก่อน ข้ามีธุระจะคุยกับแม่นางจ้าว”
“ค่ะ!”
สาวใช้ที่ดูแลอยู่ในห้องต่างก็ถอยออกไปหมดเลย จากนั้นก็ปิดประตู
ฟังเสียงฝีเท้าค่อยๆจางหายไป เขาเลยเดินลงมาจาก ที่สูง จากนั้นก็พยุงจ้าวซินซินให้ลุกขึ้นกับมือ สีหน้าเต็ม ไปด้วยความเป็นห่วง
“ซินเอ๋อ ตอนนี้ไม่มีคนแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็บอกข้า ได้หมดเลยนะ”
มีแต่เวลาที่ไม่มีคน พวกเขาถึงกล้าใกล้ชิดกันเช่นนี้ จับมือด้วยกัน หารู้ได้ไม่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ เพียงแค่นั้น
จ้าวซินซินรีบพูด “ข้าพึ่งมาจากตำหนักไท่ซือ ข้า ไปพบท่านพี่ยวี่โหร่วตั้งแต่เช้าเลย เห็นเกิดเรื่องใหญ่ ขนาดนี้ ท่านพี่ต้องเสียใจแน่ ข้าเลยควรไปอยู่เคียงข้าง ท่านพี่”
“ใช่ เจ้าเป็นคนมีเมตตา นางโชคดีมากที่มีเพื่อนสนิทที่ดีอย่างเจ้า”
สิ่งที่จ้าวซินซินจะพูดนั้น ไม่ใช่แค่นี้หรอก ดูก็รู้แล้วว่า นางมาฟ้องชัดๆ
“ไม่ ชาติกำเนิดของข้าต่ำ ท่านพี่ยวี่โหร่วไม่รังเกียจ ข้าให้ข้าได้อยู่ข้างกายข้าก็สำนึกในบุญคุณมากแล้ว ยังกล้าร้องขอเป็นเพื่อนสนิทของนางได้ยังไง ไม่รู้ว่า เพราะเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้เลยทำให้ท่านพี่ไม่สบายใจ หรือเปล่า ท่านพี่ไม่ดีกับข้าเหมือนเดิมแล้ว”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ