ผู้หญิงขัดดอก

บทที่5



บทที่5

มนธิราเลือกที่จะออกทางประตูหลัง ตัดออกไปอีกซอยเท้า บางรีบก้าวเท้าให้ถึงปากซอยโดยเร็ว เพื่อต้องการที่จะเรียก แท็กซี่ ที่จะผ่านมานานๆ ครั้ง เธอยืนคอยไม่ถึงสิบนาทีก็เห็นรถ แท็กซี่กำลังผ่านมาพอดี เธอจัดการโบกมือเรียก

ทันทีที่รถจอดสนิทแล้ว ร่างบางรีบเปิดประตูด้านหลังแทรก ร่างบางเข้าไปทันที รีบบอกเส้นทางที่เธอต้องการจะไปกับคนขับ ที่เป็นชายวัยกลางคนทันที

เมื่อรถเคลื่อนที่ออกไป มนธิราก็เข้าไปในวังวนความเศร้า อีกครั้ง ตอนนี้หล่อนแค่อยากออกไปหาเพื่อน เพื่อจะทำให้ตัวเอง หายสับสนกับคนบางคน ที่ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรเลย

ความเมตตาของเขาที่มีต่อหล่อน เขาไม่ต้องการแม้จะได้ รับคําขอบคุณจากหล่อนเลยหรือ เขาช่างเป็นคนใจดีเสีย จริง…เมื่อคิดดังนั้น ขอบตาก็ร้อนผะผ่าวขึ้นมาทันที

รั้วกำแพงสีฟ้าค่ะ หนูลงตรงนั้นค่ะ” น้ำเสียงที่บอก “ลุงคะ…รั ออกไปอย่างเหนื่อยหน่ายกับตัวเองเต็มที่ โชคดีที่หล่อนถึงจุด หมายเสียก่อน หากไม่เช่นนั้นหล่อนคงต้องนั่งเช็ดน้ำตาที่ไหล ออกมาอย่างไม่รู้ตัวเป็นแน่

ทันทีที่มนธิราเดินลงจากรถก็มีเสียงทักของผู้หญิงดังออกมา ทั้งที่หล่อนยังไม่ทันได้เดินถึงหน้าบ้าน
“ยายบี ฉันนึกว่าแกจะไม่มาเสียแล้ว” เสียงแหลมเล็กดังขึ้น

พร้อมกับร่างบางสมส่วนของเจ้าของเสียงที่เดินออกมาจากพุ่ม

ไม้ ตรงดิ่งมายังเพื่อนรักทันที มนธิราหยุดชะงัก แปลกใจไม่น้อยว่าเหตุใดเพื่อนรักต้อง ออกมารอเธอถึงหน้าบ้าน “เป็นอะไร ทำไมถึงได้ออกมาดักรอ

ฉันอยู่ตรงนี้ล่ะ หรือเธอหนีแม่มา?”

“มากไปยายบี…ฉันก็แค่ไม่อยากให้พี่ธิปที่เพิ่งกลับมาจาก ต่างประเทศ เห็นเธอน่ะ” กระซิบตอบ ทําสีหน้าสยดสยอง

……… มนธิราถึงกับพูดอะไรไม่ออก แล้วทำไมต้องกลัวก็คน รู้จักกันดี อดแปลกใจในคำพูดของเพื่อนรัก จึงต้องถามเพื่อให้ คลายสงสัย

“พี่ธิปกลับมาแล้วหรือ แล้วทำไมต้องกลัวว่าเจอปี ทําอย่าง กับเจอแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นล่ะ?” สีหน้าเศร้าๆ น้ำเสียง ที่ถามมันฟังดูน้อยใจ มันทำให้คนที่ถูกถามถึงกับหน้าถอดสี

“อย่าคิดมาก…ที่ไม่อยากให้เจอเธอ เพราะฉันกลัวว่าพี่ป จะขอตามมาด้วยต่างหากละ ฉันเลยต้องรีบหนีออกมา ไม่อยาก เดินควง เดี๋ยวคนอื่นมองว่าฉันมีแฟนแล้วหรือไม่ก็เธอ อีกอย่างที่ ชายฉันเหมือนจะชอบเธออยู่นะ” พูดจบยายเพื่อนรักปิดปาก หัวเราะชอบใจ จนทำให้อีกคนที่ยืนอยู่ถึงกับอายหน้าแดง

“เกินไปแล้วยายณี คนอย่างที่ไม่มีใครสนใจหรอก” น้ำ เสียงเศร้าๆ เอ่ย โดยอีกคนไม่ทันได้สังเกต เพราะยังติดอาการข กับคำพูดและความรู้สึกพอใจที่ได้พูดประโยคนั้นออกมา
อาการหน้าแดงก็จางหาย เมื่อนึกถึงใบหน้าของใครบาง คน แล้วรีบสลัดมันทิ้ง มันอาจจะเสียเวลาเสียสมอง หากคิดถึง คนคนนั้น ที่เขาไม่เคยคิดว่ามีคนที่เขาอุปการะอยู่ ต้องการ ตอบแทนในการมีน้ำใจของเขา…แค่เขาหยุดฟังคำขอบคุณของ เธอสักคําก็ยังดี

“บี! เป็นอะไร” เสียงเรียกดังๆ ของเพื่อนรักทำให้ร่างบางที่ จมอยู่ในภวังค์สะดุ้ง

“อื้อ…อะไรหรือ” หน้าเหวอเล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเมื่อเพื่อน พูดอะไรไว้ และเธอทำอะไรที่ผิดแปลกไปไหม

“เปล่า…แค่เห็นเงียบไป มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เสียง เรียบๆ พร้อมกับสีหน้าบ่งบอกถึงความเป็นห่วงและกังวล หล่อน รู้เรื่องเกี่ยวกับเพื่อนรักดี ดีในทุกเรื่อง จึงรับรู้ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่ ทำให้เพื่อนรักเป็นอย่างนี้แน่นอน น่าจะเป็นเรื่องคนที่รับหล่อน ไปอุปการะเป็นแน่ เธอมั่นใจ และเคยได้รับรู้การกลับมาของเขา จากเพื่อนรักมาก่อนหน้านี้ ยิ่งทำให้หล่อนมั่นใจเต็มพิกัด

“ไปเถอะ อย่าคิดมาก มีอะไรก็ค่อยว่า วันนี้มีออกมาทั้งที ต้องจัดเต็มสักหน่อย” เมื่อเห็นเพื่อนรักสีหน้าไม่ดีขึ้น สาวเจ้าเลย กึ่งลากกิ่งจูงเพื่อนเข้าบ้านหน้าตาเฉย โดยลืมความตั้งใจของตัว เองแต่แรก

และตอนนี้เริ่มผิดแผนไปแล้ว ที่ตั้งใจคิดว่าจะให้เพื่อนรออยู่ ตรงนี้ แล้วตนจะแอบเข้าไปเอารถอย่างเงียบๆ ก็ผิดที่ดันลาก เพื่อนติดมือ เพื่อจะเอาใจเพื่อนเสียหน่อย กว่าจะนึกขึ้นได้ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของใครบางคน เสียแล้ว…..

“พี่ธิป/คุณธิป” เสียงเอ่ยอย่างตกใจ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่า ทําไมต้องเปล่งเสียงตกใจออกไป ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด มากมาย ก็แค่ไม่อยากให้คนตรงหน้าตามติดก็แค่นั้น

มันธราดึงแขนออกจากมือเรียวของเพื่อนรักเร็วๆ แล้วยกมือ ไหว้คนตรงหน้า “สวัสดีค่ะคุณอนาธิป” แม้จะรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรง หน้าจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอกับเพื่อนรักคุยอะไรกันไว้ถึงคนคนนี้ แต่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่คิดจะเข้ามาทักทายจนต้องมาเจอกัน เพราะเหตุบังเอิญที่ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเดินออกมา

อาการอึ้งของชายหนุ่มตรงหน้า เหมือนกำลังนึกอะไรบาง อย่าง ทำให้สองหญิงถึงกับมองหน้ากันอย่างแปลกใจ

อย่าบอกนะว่าเขาจำหล่อนไม่ได้… แค่ไม่กี่ปีที่คนที่ได้ชื่อว่า เป็นพี่ชายของเพื่อนรักของหล่อน ทั้งที่ดูจะเมตตาหล่อนเหมือน น้องสาวอีกคน

“บีหรือเปล่าเนี่ย…โทษที สวยจนพี่เกือบจำไม่ได้แน่ะ” พูด พลางเอามือลูบท้ายทอยตัวเอง ไม่บอกก็รู้ว่านี่คืออาการเขินของ ชายหนุ่ม

หญิงสาวที่ดูกะโปโลผอมบางเมื่อหลายปีก่อน มาบัดนี้ช่าง สวยงามรูปร่างสมส่วน ใบหน้างามที่ไม่เคยแต่งแต้มสีสัน มาวัน นี้แต่งหน้าบางๆ มันทำให้เห็นแววความสวยขึ้นหลายเท่าตัว
อาการสํารวจไปตั้งแต่หัวจรดเท้าของชายหนุ่มที่ไม่ใช่ สายตาจาบจ้วงอย่างผู้ชายทั่วไป แต่เป็นสายตาชื่นชม อย่าง ผู้ชายที่ชื่นชมน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น อาการชื่นชมด้วยสายตา และค่าชมซึ่งๆ หน้า คนถูกชมถึงกับหน้าแดงแปร๊ด

“คุณอนาธิปก็หล่อใช่ย่อยซะที่ไหนกันล่ะ จุ๊บ!” รีบปิดปาก ตัวเอง เมื่อนึกได้ว่าตัวเองกล้ามากไปหรือเปล่าที่เอ่ยชมผู้ชาย อย่างนั้น

ไม่น่าลืมตัวเลยแฮะ….แต่คุณอนาธิปหล่อจริงๆ นี่นา แถมใบ หน้าก็ยิ้มแย้ม จนเราเผลอเสียงั้น…. คิดดังนั้น หน้าแดงระเรื่อ จรดลำคอ ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายที่ถูกชม แดงไม่แพ้กัน

“อะ แฮ่ม!!!!นี่คิดจะชมกันอีกนานไหม ไม่ต้องไปทั้งไปเที่ยว แล้วมั้ง” คนที่ถูกปล่อยเกาะไปพักใหญ่เอ่ยน้ำเสียงน้อยใจ ค้อน เพื่อนรักพร้อมกับพี่ชายตัวเองยกใหญ่

..!” เงียบไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา เพราะมัวแต่ยืนชม กันเองเลยลืมใครอีกคนที่ยืนทำหน้าเป็นจวักค้อนตาโตอยู่

“อ๊ะ! สงสัยน้องสาวของพี่ธูปคงจะงอนแล้วละ” อนาธิปเอ่ย แหย่น้องสาวตัวเอง โดยมีหญิงสาวเพื่อนรักทำสีหน้าเห็นด้วยกับ คำพูดของพี่ชายของหล่อนเช่นกัน

“เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ” เพื่อนรักค้อนให้อีกรอบ ก่อน จะหายค้อนเมื่อเจอคำถามของพี่ชายตัวเอง “ไหน เมื่อกว่าจะไป เที่ยวไหนกันหรือ พี่ขอไปด้วยคนสิ”

มนธิรามองหน้าเพื่อนรัก คำตอบอยู่ที่เพื่อนหล่อนคนเดียวงานนี้เธอก็แค่คนที่ถูกชักนำ

โดนคำถามและสายตาอ้อนของพี่ชาย ทำให้ธาริณีเริ่มคิด แผนใหม่ทันที “ได้แต่งานนี้พี่ต้องเลี้ยงตลอดงานนะ” น้ำเสียง เด็ดขาด งบังคับ อย่างที่ไม่ต้องคิดปฏิเสธ

ร้ายนักนะ…ยายณี แต่ไม่เห็นจะยาก แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคนคงกินไม่เท่าไหร่” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความยินดี แล้วรีบ เดินนำไปที่รถที่จอดอยู่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ