บทที่ 5 หนึ่งปัญหายังไม่คลายหลายปัญหาดัน ถล่มทับ
จิณณ์นอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้านุ่มใต้ต้นไม้แมกไม้ในเขต ชานเมือง สายตาเหม่อมองเมฆก้อนเล็กก้อนน้อยลอย ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป…
สถานที่นี้ทั้งเงียบและสงบพอจะให้เขาได้ทบทวนเรื่องที่ เกิดขึ้นในสองสามวันนี้ให้ชัดอีกครั้ง สองสามวันที่ความ ลับเรื่องความสามารถ ถูกเปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่อง
เขาลุกขึ้นนั่งมองผืนน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตาตรงหน้า ทะเลสาบซึ่งหนังสือในมือของเขาก็มีเขียนถึง ชายผู้สื่อ โซเร็น วาร์ลเดน ก็เคยนั่งเหม่อคิดน่นคิดนี่ตอนเกิดปัญหา ในช่วงแรกที่ติดต่อกับชาวเอเชียที่หลงเหลือในยุคแรก ๆ จะต่างกันก็ตรงที่ปัจจุบันมีเมืองใหญ่ตั้งอยู่ด้านข้าง ทะเลสาบขนาดยักษ์ เสียแล้ว
แต่สำหรับเขา คิดยังไงก็คิดไม่ออก เขารู้ตัวว่าไม่ได้ ฉลาดแบบคนในตำนานนั่น
วันนี้เริ่มด้วยนายหัวหน้าใหญ่องค์กรลับฉายา ลุซ มา รู้ความสามารถหนึ่งเข้าให้ หลังจากหมอนั่นจาก ไปคุณ อาจารย์สาวที่ ‘แอบสลบ’ อยู่ได้นานสองนานก็ลุกขึ้นมอง ด้วยตาเป็นประกาย
ยังได้เห็นหนังสือที่เขาทำตกไว้ก็โพล่งขึ้นมาทันทีว่า synkronisera (ซิงโครนีเซร่า) ซึ่งเป็นภาษาสวีเดนและ เลือนลางหายไปแล้วในสังคมปัจจุบัน
จิณณ์เหงื่อไหลพราก เพราะคนที่จะรู้คำนั้นได้อย่าง น้อยต้องศึกษาคนในตำนาน ผู้มีพลังรูปแบบเดียวกับเขา มาแล้วในระดับหนึ่ง จากความคิดจะวิ่งหนีกลับกลายเป็น ก้าวขาไม่ออกแทน
“ดูท่าจะใช่สินะ” อาจารย์พูดแล้วยิ้มกริ่ม
“คุณจิณณ์ ตอนนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันจริง ๆ แล้วสิ” เธอเอ่ยเสริม จิณณ์ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน แต่เมื่อดู สถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่เล่นเลย โต๊ะบางตัวอยู่ผิดที่ผิด ทาง เอกสารกระจายเต็มพื้นไปหมด ส่วนตัวเขาเองก็หัว โชกเลือดเสียอีก งานนี้ถ้าโดนตามสืบกันจริง มีหวังความ จะแตกเอาได้ และผู้รู้ก็อาจจะไม่ใช่แค่ไม่กี่คนอีกต่อไป…
“ถ้าแค่จัดของกลับเข้าที่พลังของครูทำได้สบาย และ แผลที่หัวครูก็ช่วยกลบเกลื่อนได้อยู่แล้ว” อาจารย์ฟิเลเน่ ยังคงพูดต่อไปด้วยทีท่าเป็นมิตร แต่นั่นก็ยิ่งแปลกเพราะ ตั้งแต่เขาเข้าเรียนมา… เขาไม่เคยเห็นคุณเธอทำท่าใจดี จนออกนอกหน้าสักครั้ง แค่จะยิ้มให้นักเรียนยังยากเลย!
“แล้ว… อาจารย์… ต้องการอะไรตอบแทนล่ะครับ” จิณณ์คิดไม่ออกบอกไม่ถูกถามกลับไปตรง ๆ แต่ก็อดไม่ ได้ที่จะหันล่อกแลกไปมา เพราะกลัวว่าจะมีคนเข้ามาเพิ่ม อีก ซึ่งท่าทีเช่นนั้นไม่มีทางหลุดรอดจาก สายตาสีฟ้าอ่อน ใต้แว่นตาที่คมกริบตรงหน้าไปได้แน่
มาคิดทบทวนตอนนี้แล้วจิณณ์ก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเอง ลุก ขึ้นนั่งมองคลื่นเล็ก ๆ ที่กำลังซัดใส่ฝั่งพลางกุมขมับ
…ตอนนั้นเขาเป็นได้แค่ลูกไก่ในกำมือหล่อน ไม่มีโอกาส ปฏิเสธเลยสักนิด…
หลังจากอาจารย์ใช้พลังพิเศษ ‘ความเร่ง’ (acelir-อาเซ ลีย์) ระดับ B เร่งตัวเองเพื่อจัดโต๊ะชาวบ้านแบบลวก ๆ พอ เสร็จก็หันมาทําแผลที่หัวของเขาบ้าง
หล่อนเล่าไปพลางว่าตนเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยที่ใช้ ภาษาสวีดิชอยู่ เคยเป็นผู้วิจัยของโครงการ Conexión แต่เนื่องจากไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันสักที จึงถูกโยนตัว มาทำหน้าที่สานสัมพันธ์กับทาง ‘รัฐมีเทร์’ โดยการเป็นครู สอนในเรื่องที่รู้ดี… นั่นก็คืออารยธรรมตะวันตก
หล่อนศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับชายชื่อ โซเร็น วาร์ลเดน มามากโข อ่านทั้งงานเขียนที่เป็นภาษาละติน หรือแม้ กระทั่งบันทึกดิบที่เขียนปนภาษามั่วซั่วไปหมด เหมือนไม่ อยากให้ใครอ่านรู้เรื่อง… หรือไม่ก็เพราะความสามารถพิเศษของเขานั่นแหละที่เป็นตัวการ
ถึงหล่อนจะดูเป็นคนดีช่วยกลบเกลื่อนแก้ตัวให้ และดู ชื่นชมในตัวคนในตำนานคนนั้นมากแค่ไหน แต่ก็ปฏิเสธ ไม่ได้ว่า … อาจารย์คนนี้ยังเป็นนักวิจัยเต็มตัว ถึงแม้จะ ยืนยันว่าจะเก็บเรื่องราวของเขาเป็นความลับให้ แต่มันก็ ยังหวั่น ๆ อยู่ดี
….ขืนให้นักวิจัยรู้ตัว ดีไม่ดีจะจับเขาไปเข้าโครงการ ทดลองอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้…
…แต่คราวหน้าถ้าเจอกันอีก แล้วจะให้ปฏิเสธการเล่า ก็
คงไม่ได้
“โอ้ย ทาไงดีเนี่ย!”
เขาทิ้งตัวลงนอนอย่างหัวเสียอีกรอบ ก่อนที่จะเห็นเงา แปลก ๆ อยู่ด้านข้าง เมื่อเลื่อนสายตามองก็พบเด็กผู้หญิง ผิวขาว ผมสีน้ำตาลแดงยาวประบ่า หน้าตาจิ้มลิ้มก้มหน้า อ่านหนังสือของเขาอยู่
“เฮ้ย! เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ไง!” จิณณ์ตะโกนลั่นพลางลุก หนีถอยกรูดเกือบจะตกน้ำ
“ก็มาสักพักแล้ว ตั้งแต่เห็นทำท่าประหลาด ๆ ไม่อยาก กวนก็เลยหยิบหนังสือมาอ่านเล่น
ปิ่นเงยหน้าขึ้นตอบด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน นั่งคุกเข่าจับ แมวน้อยสีดำข้างตัวมานั่งบนตัก ก่อนจะพลิกหนังสือหน้า ต่อไป
“ชื่อที่คนทั่วไปเรียกความสามารถของนายก็คือ… Conexión สินะ” ปิ่นเงยหน้าขึ้นยิงคำถามใส่อีกหนึ่ง ดอก จิณณ์สะอึกหมดทางถอยอีกต่อไป บทจะวิ่งหนีก็น่า เกลียดเกิน… ที่สําคัญหนังสือนั่นยืมมาจากห้องสมุด แถม เป็นของเก่าเก็บขืนทำขาด ทำหาย งานนี้มีหวังติดแบล็คลิ สต๊อดยืมอีกตลอดชาติชัวร์!
“นี่นาย จะกลัวอะไรนักหนาไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบสิ”
จิณณ์ได้ยินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ชั่วเดี่ยว เดียว ก่อนจะเริ่มนึกเอะใจว่าเด็กผู้หญิงข้างหน้านั่น.. เป็น ตัวจริงหรือไม่…
“ว่าแต่เธอ… เป็นใคร… กันแน่ล่ะนั่น…?”
เนื่องด้วยความประหม่าปนหวาด ๆ ทำให้เรียงประโยค ออกมาไม่ตรงนัก คราวนี้คุณเธอปิดหนังสือมีรังสีอำมหิต แผ่ซ่านออกมาจนเจ้าแมวน้อยเริ่มหวาด ๆ กระโดดหนี หางฟู ดวงตาสีแดงเพลิงลุกพรึ่บพร้อม ๆ กับเกิดแรงทุบ มหาศาลที่ด้านข้าง พื้นยุบลงไปเป็นวงกลม บรรยากาศ ตึงเปรี๊ยะขึ้นในพริบตา
“นี่จะให้ฉันบอกชื่อนายกรอบกันหา!!” ส้นเสียงนั้นรอบ ๆ ก็เกิดวงกลมปริศนาไปทั่ว
“จ๊าก ใจเย็น!! ฉันแค่สงสัยว่าเธอเป็นตัวจริงหรือเปล่าก็ เท่านั้นเอง!!!!!!” เขารีบอธิบายก่อนจะกระโดดหมอบลง ตรงหน้าของเด็กสาว เธอรีบหยุดมือทันที
“นาย… หรือว่า….” ปิ่นพูดพลางมองที่ศีรษะของจิณณ์ที่มี ผ้าพันแผลพันเอาไว้
“…เจ้าหมอนั่นมันไปหานายเหรอ?” เธอถามง่าย ๆ แต่ ทำเอาคุณคนซื่อสะดุ้งแล้วรีบทำไก๋ ชนิดคนที่เชื่อก็คงจะ มี skill เซ่อระดับ A เป็นแน่
เธอถอนหายใจก่อนจะเสยผมแล้วแกล้งมองไปทางอื่น
“ถ้าไม่คิดจะเล่าก็ตามใจนาย…”
แต่ถ้าอยากให้ช่วยก็บอกมาแล้วกัน
แน่นอนว่าประโยคหลังเธอไม่กล้าพูดออกไป ได้แค่ แกล้งทำหน้าขึงขังเหมือนไม่พอใจไปวัน ๆ
“แล้วเธอหาฉันเจอได้ไงล่ะนั่น” จิณณ์ถามพลางเกา ศีรษะ เขาไม่คิดว่ามีคนสนใจที่ห่างไกลความเจริญพรรค์นี้อยู่แล้ว กว่าจะถึงก็ต้องนั่งรถไฟเอาเรื่องหากอยู่ แถมใจกลางเมือง….. เขาเลืองมองปืนให้ชัดอีกครั้ง
เธอใส่เสื้อสีขาว โดยปกคอและขอบเสื้อแต้มสีน้ำเงิน เข้ม มีเสื้อผ้าฝ้ายแขนกุดสีอ่อนคลุมทับ สัญลักษณ์ตรง อกซ้ายคือโล่กับปราสาทสีขาวอยู่ในวงกลมสีทอง ทุก คนในเมืองย่อมรู้ดีว่ามันคือสัญลักษณ์ของโรงเรียน อันดับหนึ่ง ค่าเรียนแพงหูฉี่ ‘อลาคานาร์’
“ก็แค่บังเอิญน่ะ” ปิ่นตอบโกหกซึ่งหน้าโดยไม่บอก เหตุผลต่อสักนิด ความจริงเธอเห็นเขากำลังจะขึ้นรถไฟก็ เลยลองตามมาจนถึงที่นี่… “แต่เจอก็ดีแล้วล่ะมั้ง” เธอเอ่ย ต่อลอย ๆ
“นี่คงไม่ได้ใช้เครือข่ายขององค์กรลับหาฉันหรอกนะ” จิณณ์หรี่ตาจ้องจับผิด
“บ้าสิ ไม่มีองค์กรลับอะไรทั้งนั้นแหละ! แถมฉันก็ลาออก จากหน่วยปราบปรามแล้วด้วย!”
“เอ๋…? ลาออกแล้ว ?”
“ก็นายเป็นคนบอกให้ฉันออกเองไม่ใช่เหรอไง!”
จิณณ์ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออกหัวเราะกลบเกลื่อน ตอนนั้นเขาแค่ลองพูดเล่นแหย่ไปว่า ถ้าจะให้ช่วยเพื่อนของเธอก็ห้ามติดต่อกับทางศูนย์อีก …แต่นึกไม่ถึงว่าเธอ จะยอมทําตามจริง ๆ หลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวัน ด้วยซ้ำ!
จิณณ์เกาหน้าพลางแอบมองปั่นที่กําลังจ้องเขาด้วยตา ดุ ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจด้วยสีหน้างอหงิกเหมือนกำลัง พยายามขับไล่เรื่องร้าย ๆ ของวันทิ้งลงห้วงน้ำกว้างใหญ่ ตรงหน้านี้ เขายื่นมือขวาออกไปตรงหน้าของปั่น เธอ ตกใจรีบยกแขนขึ้นกัน
จู่ ๆ เธอรู้สึกถึงสัมผัสของสายลมพัดเข้ากระทบใบหน้า แต่มันกลับให้รู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ เหมือนมันไม่ใช่ลม
จิณณ์ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายทําหน้าประหลาดใจ
“นาย… ทำอะไร..” ปิ่นถามแต่คราวนี้อีกฝ่ายไม่ตอบ หากแต่เดินไปตามทางเดินตรงสู่สถานีรถไฟ
“เดี๋ยวสิ!!”
เธอตะโกนเรียกไล่หลัง ให้เขามองย้อนกลับมา
“ถ้าจะถามเรื่องความสามารถของฉันล่ะก็เสียใจ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องนั้น”
ปิ่นปฏิเสธ นั่นทำให้จิณณ์แปลกใจ
“ฉันจะถามว่านาย…ชอบ..” ปิ่นพูดตะกุกตะกัก ชะงักไป นิดหนึ่งก่อนจะต่อประโยคให้จบ “ชอบ..แมวหรือเปล่า…?” จิณณ์คิ้วขมวดม้วน คําถามนั้นเปลี่ยนความงงงวย ธรรมดา กลายเป็นงงทวีคูณสามเท่าในพริบตา
วันต่อมา… ในห้องเรียนของโรงเรียนชื่อดังยามบ่ายแก่ ๆ หลังอัดอาหารเข้าท้องมาชุดใหญ่ และผ่านการเรียน อันหนักหน่วงมาทั้งวัน นักเรียนบ้างก็ใกล้สลบ บ้างก็แอบ งีบหลับ จะมีก็แค่เด็กสาวผมน้ำตาลแดงที่นั่งยิ้มบางเอา มือขวาท้าวคาง มือซ้ายควงปากกาเล่น สายตาเหม่อมอง ออกนอกหน้าต่างรับลมเย็นสดชื่น โดยไม่เกรงกลัวใคร หน้าไหน… แม้แต่ท่านอาจารย์ที่ยืนสอนอยู่หน้าห้องเรียน แม้แต่น้อย
ในไม่ช้าค้อนยางอันเล็กก็ลอยแหวกอากาศมาเคาะ กบาล เธอสะดุ้งเผลอทำปากกาตกลงบนโต๊ะ รีบหันกลับ เข้าในห้องก็พบคุณครูหนุ่มตัวโย่งยืนกอดอกยิ้มแห้งให้ แต่ไกล เจ้าค้อนจิ๋วบินกลับไปบนโต๊ะตัวเดิมด้วยพลังไซ โคคิเนซิส ของครูเขา
“ว่าไงแม่มดน้อย นั่งเพลินเชียวนะเรา
“คะ?”
ปั่นยังงงอยู่นิด ๆ ก่อนจะรีบขอโทษเป็นการใหญ่
“งั้นลองทำโจทน์ข้อนี้หน่อยสิ” เขากระแอมแล้วชี้ขึ้นไป บนกระดาน แผ่นใสเขียนว่า
‘ให้หาค่า x,y ของสมการ
1) 2x 3y = 11
2) 2x – 4y = -24’
ปิ่นลุกขึ้นจ้องมองโจทย์พร้อมหมุนปากกาไปได้แค่สอง สามรอบก็ยิ้มร่าแล้วตอบ
“x = -2, y = 5 piz”
“la!?”
คุณครูเผลอตัวอุทานนิดหนึ่ง แล้วรีบหันไปดูโพยคำ
ตอบ
…มันถูกเผง…
ความจริงโจทย์นี้มันก็ไม่ได้ยากอะไรนัก แต่อย่างน้อย มันก็ไม่ใช่ของเล่นสำหรับเด็ก ม.3 เสียหน่อย ที่สำคัญ…ขนาดตัวเขาเองจะทํายังต้องใช้กระดาษทดด้วยซ้ำ!
“ถูกหรือเปล่าคะ?” ปิ่นถามดูให้แน่ใจด้วยสีหน้าแสดง ความสงสัยเล็กน้อย
“ถูก…. ถูกแล้วล่ะ ครูเพิ่งจะเข้าใจว่าทําไมเธอถึงได้ฉายา ว่าแม่มดน้อย” คุณครูว่าพลางปาดเหงื่อ หัวเราะกลบ เกลื่อนความอายเล็กน้อย ก่อนจะสอนต่อไปโดยไม่สนใจ อีกเลยว่าแม่หนูน้อยตัวดีจะตั้งใจฟังหรือไม่ จบคาบเรียน ก็แถมการบ้านให้นิดหน่อยจนเด็ก ๆ ทั้งหลายโอดครวญ เล่น
เด็กสาวผมดำยาวสลวยติดกิ๊ปยางรูปหัวใจด้านซ้าย ยืน ยิ้มบิดขี้เกียจไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน โบกมือ ลาเพื่อน ๆ ที่เดินออกจากห้องไปทีละคนสองคน จน กระทั่งคนเหลืออยู่น้อยนิดเธอก็ขมวดคิ้ว แล้วเดินตรงรี่ เข้าใส่เพื่อนสนิทที่ยังนั่งเหม่อมองออกนอกหน้าต่าง ไม่รู้ จิตใจลอยเตลิดไปสวรรค์วิมานใดแล้วในตอนนี้
“แฮ่!!” เธอป้องปากตะโกนใส่ข้างหูของเจ้าหล่อน แต่ ปฏิกริยากลับตอบสนองเกินคาด ปิ่นกระโดดแผล็วขึ้น โต๊ะมือขวากำหมัดเตรียมชกผู้เข้ามารบกวน มือซ้ายชู ขึ้นตรงหน้าเพื่อรอป้องกันอะไรสักอย่าง ตาคู่สีแดงเพลิง วาวโรจน์ ก่อนที่ไฟในดวงตาคู่นั้นจะมอดลง คิ้วตกลงเล็ก น้อย
“เมตรา! ฉันบอกทีแล้วว่าอย่าเล่นแบบนี้ มันอันตราย นะ!” ปิ่นตวาดลั่น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ล่วงหน้ายกมือ ขึ้นอุดหูได้ทันท่วงที
“เฮ้อ…” ปืนหย่อนตัวลงนั่งบนโต๊ะ ส่ายหน้าไปมาอย่าง เหนื่อยใจ
“นี่ปิ่น ได้ข่าวว่าปารย์ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอ”
เมตราเปลี่ยนประเด็น ปิ่นยิ้มให้พร้อมกับเก็บหนังสือ เรียนเข้ากระเป๋าเป้ตุ๊กตาหมีใบที่เพิ่งซื้อมาใหม่
…ช่วงที่ไปซื้ออาหารแมวกับตานั่น…
เธอแอบเลี่ยงหันไปมองทิศอื่นเล็กน้อยเพื่อลดอุณหภูมิ ของใบหน้า ก่อนจะออกตัวเดินและตอบคำถามของเพื่อน ที่เดินอยู่ด้านข้างไปพลาง ๆ
ระเบียงทางเดินหลังจบการเรียนการสอนมันทั้งครึกครื้น และมีชีวิตชีวายิ่ง เหล่านักเรียนต่างพากันวิ่งวุ่นเลือก ทำกิจกรรมที่ตนต้องการได้อย่างอิสระ เนื่องจากทาง โรงเรียนทุนเยอะช่วยจัดช่วยหาอุปกรณ์ให้แทบจะทุก ชนิด แต่ท่ามกลางความสนุกสนานฮาเฮนั้น ปิ่นกลับรู้สึก เหมือนตนเองเป็นคนนอกเสียมากกว่า
ตัวมพลังระดับ A ในปีก่อนคนก็ตีตัวออกห่างกันแล้ว ปี นี้พอเธอพัฒนาขึ้นเป็นระดับ S คนอื่นก็ยิ่งเกรงกลัวหลัง ของเธอ เบื้องหน้าใคร ๆ ก็เหมือนชื่นชม แต่ลับหลัง…
ปืนยืนกอดอกรอเมตราหยิบของจากล็อคเกอร์แล้วก็ ถอนหายใจ
“นี่ปิ่น กล่องเธอเก็บอะไรไว้บ้างล่ะนั่น ฉันไม่เคยเห็นเธอ
เปิดมันเลย”
ใช่ ถึงจะไม่เคยเปิดแต่ไหงมันดูใหม่อยู่ทุกวันก็ไม่รู้สินะ
“อยากเห็นเหรอ?” เธอถามซื่อ ๆ ก่อนจะหันไปเปิดตู้ข้าง ด้านข้างห่างไปเพียงสองล็อค แต่เพียงแค่เปิดได้นิดเดียว ขนมเค้ก ก้อนดิน ก้อนหิน ลูกบอล ก็พุ่งออกมาอย่างบ้า คลั่ง ปิ่นกางแรงดึงดูดให้คั่นกลางระหว่างตัวเองกับตู้เอา ไว้ก่อนหน้าแล้ว ของทั้งหมดจึงถูกดูดกองรวมกันอยู่กลาง อากาศ
“ก็ประมาณเนี่ย” เธอหันกลับไปมองเพื่อนที่ตกตะลึง ตาค้างจนตัวสั่นด้วยสีหน้าเรียบสนิท เหมือนไม่มีอะไร เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ก่อนจะบีบอัดลูกบอลแรงดึงดูดให้ลด ขนาดลงเรื่อย ๆ จนเหลือขนาดเท่าลูกวอลเลย์บอลทิ้งลง ถังขยะไป
“นี่มันอะไรกัน… นี่มันอะไรน่ะปั่น!!” เมตราตะโกนถามแต่ ปิ่นไม่ตอบ เมตรามองไปรอบ ๆ อย่างขุ่นเคือง “ใครมันทำ บ้า ๆ แบบนี้กัน! แน่จริงก็เสนอหน้าออกมาล!”
“แล้วเธอจะมาโกรธแทนฉันทำไมเล่า” ปิ่นบ่นนิดหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปดูในตู้ของตน ในนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไร เก็บเอาไว้เลย เธอปิดมันดังโครมโดยไม่สนใจใครแล้วยิ้ม ให้เมตราก่อนจะเดินออกไปด้านนอกอาคารเรียน
แต่แล้วสิ่งที่รออยู่ข้างนอกหลังจากเดินออกไปแล้ว กลับ ทำให้สาวมั่นหยุดนิ่งยืนตาค้างได้ เมตราที่วิ่งตามมาจาก ข้างหลังก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอามือปิดปากยิ้มเยาะ เพื่อนของตนซึ่งกำลังยืนกำมือแน่นยืนตัวสั่นระริก
ที่หน้าประตูโรงเรียนมีเด็กหนุ่มจากต่างสถาบันยืนส่งยิ้ม หวานโบกมือให้ปิ่น โดยไม่สนใจคนจำนวนมากที่ยืนมอง อยู่บ้างก็ซุบซิบนินทากันสนุกปาก
แต่จู่ ๆ นายคนกล้าหน้าด้านก็โดนแรงดึงดูดมวล มหาศาลบี้ล้มลงไปนอนกองกับพื้นถนน แต่ละคนตกใจ กันยกใหญ่ไม่เว้นแม้แต่เมตราที่เผลอกระโดดถอยหลัง หลบ ทะเลฝูงคนแหวกเปิดทางให้เจ้าแม่ตัวน้อยเดินผ่าน อย่างง่ายดาย และไปหยุดตรงหน้าคนที่นอนคว่ำหน้าไม่ ดูกาลเทศะ
“ปลอมตัวเป็นตาบ้านั่น คิดอะไรกันแน่” เธอจ้องมองคน ที่หมอบแทบเท้า ด้วยสายตาที่พร้อมจะฉีกกระชากร่าง คนตรงหน้าให้เป็นชิ้น ๆ
“ระ รู้ได้ไง โนวา จ๋า” หมอนั่นยังมีกะจิตกะใจพูดเล่น
“ตานั่นไม่มีทางมายืนรอฉันด้วยสีหน้าระรื่นแบบนี้ แน่นอน” ปิ่นตอบแล้วกระทืบเท้าลงพื้นส่งให้แรงดึงดูด ทวี าลังลงหนักข้อ ชายตรงหน้าร้องโหวกเหวกโวยวาย เหมือนหมูกำลังจะถูกเชือด แต่เธอกลับรู้สึกว่าชายตรง หน้ายังแฝงทีท่าล้อเล่นไว้ไม่คลาย
ทันใดนั้นเสียงของชายตรงหน้ากลับเปลี่ยนมากระซิบที่ ข้างหูของเธอ
“ใจร้ายจริงนะ โนวา” เขาแกล้งตัดพ้อ
ปิ่นเข้าใจทันทีว่าคนที่หมอบอยู่ตรงหน้า บัดนี้ กลายเป็น แค่ภาพลวงตาไปแล้ว ส่วนตัวจริงกลับอยู่รอดปลอดภัย เธอไม่มีทางสู้กับคนที่ไม่สามารถมองเห็น ในสถานที่ซึ่งมี ผู้คนพลุกพล่านได้หรอก…
“ยังเล่นสกปรกเหมือนเคยเลยนะ ตกลงนายต้องการ อะไรกันแน่”
“ก่อนอื่นเปลี่ยนที่คุยกันหน่อยดีไหม” ลุซ ว่าพลางให้ภาพลวงตาเดินทาง ปิ่นมองตามอย่าง ก่อนจะจำใจเดินไล่หลังออกไป ทิ้งให้ทั้งโรงเรียนอยู่ ในสภาพเข้าใจผิดและนำข่าวไปลือต่อยอดกันอย่าง สนุกสนาน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ