บทที่ 14 ศึกจอมคนลวงโลก 1
หลังจากเสียงปืนระรัวลั่นในเมืองเล็กยามคืนค่ำ บรรดา ผู้รักษาความสงบที่ไม่ค่อยจะมีต่างพากันวิ่งวุ่นด้วยความ สับสนสร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว เหล่าผู้คนที่อยู่ใกล้ที่ เกิดเหตุบ้างแง้มหน้าต่างเพื่อสอดส่องอันตรายที่อาจจะ เกิด บ้างก็ปิดประตูหน้าต่างสนิทเพื่อขังตนอยู่ในห้องพัก ไม่อยากยุ่งกับเรื่องวุ่นวายอะไรทั้งนั้น
ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บเข้าไส้ ชายพุงพลุ้ยใน ชุดเครื่องแบบผู้รักษาความปลอดภัยยืนปาดเหงื่ออยู่ตรง หน้าจายผมทอง งยืนกอดอกกัดฟันกรอด สายตาสีฟ้า ใสทั้งคมกริบ ทั้งดุดันชำเลืองมองสถานการณ์ที่เริ่มยุ่ง ยากขึ้นมาทุกขณะ ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธที่พามาด้วย หลายสิบนายช่างไร้ราคาเสียเหลือเกิน งานนี้เขานึกว่าจะ จับตัวคนทรยศ “ลุซ” ได้โดยง่าย เพราะการตามรอยของ หน่วยงานลับ แต่ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายตนที่ติดกับ… งานที่ เหมือนจะสบายเช่นการจับกระต่าย กลับกลายเป็นการ ไล่ฟัดกับหมูป่าเขี้ยวตันเสียอย่างนั้น
“เป็นไปได้หรือเปล่าว่า… เมื่อครู่คือพลังแรงดึงดูดน่ะ ครับ” ชายตัวโตตั้งข้อสงสัย เมื่อเห็นคุณหัวหน้ายืน ครุ่นคิดอยู่คนเดียว แต่ดูเหมือนว่านั่นจะทำให้เขาคิดหนัก ขึ้นจนคิ้วแทบจะมาชนกัน
….ก่อนจะสายศีรษะด้วยหน้ายุ่ง…
“เป็นไปไม่ได้หรอก cielo(เซียโล่) โลกนี้ยังไม่มีพลัง แรงดึงดูด สลายพลาสมาของฉันได้… แต่ก็อาจมีความ เป็นไปได้อยู่… หากเป็นแรงดึงดูดระดับ SS ซึ่งในโลกนี้ ยังไม่มีใครหน้าไหน” คา ตอบกลับ ในความคิดของเขา เห็นว่าคนที่พอจะทำแบบนั้นได้มีคนเดียวคือ Boyuyu ยักษ์ใหญ่อารมณ์ดีเท่านั้น… เมื่อครู่ตัวเขายังไม่ได้ใช้ พลังเต็มที่ ดังนั้นด้วยพลังที่คานกันย่อมพอหักล้างกันได้ อยู่บ้าง…
“จากข้อมูลยัยเด็ก โนวา นั่น… เป็นแค่ S ระดับต้น ราย ละเอียดความสามารถที่ใช้คือ ลดหรือเพิ่มน้ำหนักสิ่งของ สร้างโซนแรงดึงดูดพิเศษ นี่เป็นข้อมูลการวัดเมื่ออาทิตย์ ก่อนตอนเข้าหน่วยปราบปรามครับ”
“ขอบใจที่ช่วยเช็คข้อมูลให้ alma(อัลมา)” คาซี่ยกมือ ขึ้น เป็นทีบอกว่าพอแค่นั้น จริงอยู่ที่ความเป็นไปได้จะ ตั๋าติดดินแต่อย่างไรเสียก็ควรรอบคอบเอาไว้สักหน่อย อยู่ดี…
“คุณคาซี่ พวกเราควรตามไปไหม?” อีกคนหนึ่งทักขึ้น บ้าง เขาสวมชุดผ้าสีดำสนิทมีฮู้ดคลุมศีรษะเกือบจะ มิดชิด แพลมเส้นผมสีเทาหม่นให้เห็นเล็กน้อย… ใบหน้า ส่อแววกังวลพอสมควร…
“เมื่อครู่พวกนั้นไปทางไหน saber(ซาเบร์)” คาซี่ถามง่าย
“คิดว่าเป็น El Sol ครับ” เขาตอบกลับ
“ตอนนี้เราไม่ควรแบ่งกำลังรบ เพราะถ้ามีโบยูยู นั่น หมายความว่าน่าจะมี อีลูมินาซิอน(iluminación) อยู่ด้วย นี่สิ” คาซี่คิดเสียงดังพอ จะให้คนอื่นรับรู้ด้วย ก่อนจะหัน ไปเขม่นเจ้าพวกชุดด่าทั้งหลาย ทั้งที่เจ็บตัวและไม่เจ็บตัว จากการโดนกระสุนปืนกระแทก…
ใส่ชุดเกราะกันกระสุน แต่ดันไม่มีระบบเสริมกันกระแทก ภายในจนโดนกระสุนตัวเองกันเจ็บระนาว กลับไปคราวนี้ เขาจะต้องนำเรื่องขึ้นเสนอเพื่อให้ปรับปรุงเทคโนโลยีกัน สักหน่อยแล้ว…
“หัวหน้าหน่วยมานี่หน่อยสิ” คาซักวักมือเรียกคุณ หัวหน้ากองชุดดำทั้งสองกองมาตรงหน้า ก่อนจะโบกมือ ไล่คุณตำรวจพุงพลุ้ยให้รีบไปทำอย่างอื่นไม่ต้องมาสนใจ พวกตน
“ฟังนะ เดี๋ยวให้จัดทีมไปจับตามองรอบโรงแรมนั้นเอา ไว้ และจงอย่าลืมว่านี่คืองานลับ” คาซี่ตบบ่าอีกฝ่ายเบา ๆ เป็นทีบอกว่าให้รีบจัดการโดยด่วน หมอนั่นทำหน้าโล่งใจ ก่อนจะรีบทำตามคำสั่งทันที คาซี่หันมาหาหัวหน้าตำรวจ อีกคนหนึ่งบ้าง…. ซึ่งกำลังทำหน้าใจเสียอย่างรุนแรง เพราะโดนรั้งเอาไว้…
“ส่วนแกรีบแจ้งศูนย์ใหญ่ให้ทำการตัด… ระบบโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตแถบนี้ทั้งหมดซะ” คาซี่ออกคำ สั่งด้วยเสียงกระซิบ แต่ประโยคนั้นทำให้เขาต้องตกตะลึง
“ตะ… แต่ว่า เรื่องแบบนั้น…” เขาแย้งด้วยเสียงสั่น ก่อน จะโดนกระชากคอเสื้ออย่างแรงจนหายใจไม่ออก ใบหน้า ซีดเผือดลงถนัดตา
“แค่อ้างว่าเป็นคำสั่งของ คาซี่ เทรากัสตรา หัวหน้าหน่วย ปราบปรามคดีพิเศษ ซึ่งกำลังตามล่าผู้ก่อการร้ายสากล อยู่ก็เพียงพอแล้ว” เขาพูดลงเสียงหนัก และเมื่อเห็นอีก ฝ่ายตัวสั่นระริกเพราะความกลัว… นั่นยิ่งทำให้เดือดดาล มากยิ่งขึ้น เขาผลักคนตรงหน้าลงไปนั่งก้นเบ้ากับพื้น ก่อนจะกวักมือเรียกพรรคพวกบินหายวับไปกับตา…
“อ๊า!!!” จู่ ๆ หญิงสาวหนึ่งเดียวก็ตะโกนลั่น จนคนที่ซัก ซ้อมแผนกันอยู่สะดุ้งโหยง เมื่อหันกลับไปมองก็พอว่ามี หยาดน้ำตาหยดเล็ก ๆ ไหลลงจากเบ้าตาขอบคล้ำเป็น แพนดา เวลานี้คุณเธอที่นิ่งมาตลอดกลับกัดฟันกรอด ๆ เหมือนอยากเคี้ยวหัวใครสักคนให้ได้
“ปะ เป็นอะไรไปเหรอซิลเวีย” โบยู เป็นคนแรกที่ทักเจ้า หล่อนแต่ก็โดนหันมามองค้อนเข้าให้จนต้องถอยกรูด เหงื่อแตกพลั่ก
“แก ต๊ายยยยยยยยยย!!!!!!!!!” โดยไม่ฟังเสียงใครอยู่ดี ไหว แต่พอหนีออกมาภายนอก เหนือศีรษะกลับมีแสง สว่างประหลาดขึ้นพอดิบพอดี เมื่อหันไปมองก็พบก้อน พลาสมา ลูกไฟขนาดยักษ์มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ โดยรอบ
ๆ คุณเธอก็ตะโกนลั่น ประกายไฟฟ้าแลบแปลบปลาบ ฟาดน่นฟาดนีไปทั่วห้อง จนแต่ละคนหนีกันไม่หวาดไม่
มันลอยอยู่เหนือตัววิหาร และพร้อมจะทุ่มใส่หัวพวกเขา โดยไม่แยแสอารยธรรมโบราณของโลกแม้แต่น้อย นั่น ทำให้พวกเขา …หน้าซีดเผือด…
ทั้งที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี แต่ดูเหมือนว่าพอถึง เวลาเริ่มแผนเข้าจริง ๆ หนึ่งในกำลังสำคัญดันเกิดคลั่ง ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดคาดมากถึงมาก ที่สุด!!
“สงสัยต้องเริ่มกันทั้งแบบนี้แล้ว เดี๋ยวฉันจะไปลองคุย กับคุณซิลเวียดู” จิณณ์พูดทั้งหน้ายุ่ง ก่อนจะเอื้อมมาจับ แขนโตของโบยูยู ซึ่งตอนนี้ปลอมตัวเป็นอลาเบโอด้วย ความสามารถพิเศษของลุซ
“การซิงโครสมบูรณ์” จิณณ์ยืนยัน ก่อนจะรีบวิ่งกลับ เข้าไปในห้องที่มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบอย่างรวดเร็ว ส่วนโบยูยูก็รีบวิ่งไปแอบซุ่มอยู่ตามกำแพง และใช้พลัง ของตนส่งลุซกับอลาเบโอตัวจริง พุ่งขึ้นฟ้าเข้าหาเจ้าก้อน พลาสมาขนาดยักษ์
พริบตานั้นก้อนพลาสมาขนาดยักษ์ก็เริ่มบิดเบี้ยว ไม่ อาจคงสภาพอยู่ได้ ค่อย ๆ จางลงสลายตัวไปกลายเป็น ละอองแสงสีทองกระจายไปทั่วบริเวณ…
ซึ่งมันทำให้มองเห็นว่า ณ ฟากฟ้ากว้างแห่งนั้น ยังมีกลุ่ม ชายในชุดดำสี่คน ยืนมองตรงมาทางพวกเขา ด้วยสีหน้า กระหยิ่มยิ้มย่อง ราวกับคาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นเอาไว้ ทั้งหมดแต่แรก และรอคอยให้พวกเขาปรากฏตัวออกมา…
“ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าเป็นแก ไซโคคิเนซิสแห่ง จินตนาการ ผู้สามารถขับเคลื่อนสิ่งที่มองไม่เห็นได้…” คา พูดด้วยเสียงเรียบเฉย แต่แววตาวาวโรจน์ ถึงเป็นแผนที่ วางไว้ แต่ก็ไม่สบอารมณ์นักเมื่อพลังของตนถูกทำให้ สลายไปต่อหน้าต่อตา
อันว่าความสามารถบังคับความสั่นสะเทือนของอากาศ ของเขา ความจริงเกือบจะไร้ผู้ต้าน แต่แล้วมันกลับใช้ไม่ ได้ผลเมื่อคู่ต่อสู้คือยักษ์ใหญ่ “โบยูยู” ชายผู้สามารถจับ ได้แม้แต่อากาศธาตุ และสร้างความบิดเบือนภายในกลุ่ม ก้อนพลาสมา อย่างเมื่อครู่นี้เป็นต้น…
“คุณคาซี่ครับ ด้านล่างมีซ่อนอยู่ตรงกำแพงหนึ่งคน และ หลบอยู่ในห้องตรงนั้นอีกสองคน” ซาเบร์ผู้ใช้เทเลพาธีว่า แล้วก็ชี้ไปตามคำอธิบาย คาซี่มองไล่ตามนิ้วที่ชี้ไปก็พบอ ลาเบโอคนที่สองด้านล่างนั้น ก่อนจะหันกลับมาด้านบนก็ พบว่าลุซยืนยิ้มกริ่มอยู่ พร้อมด้วยชายผู้สีหน้าเฉยชาเป็นนิจ… อลาเบโอ
คาหัวเราะเยาะเมื่อเห็นภาพลวงตาที่ลุชสร้างเพื่อให้ ตนสับสนว่าใครเป็นใคร แต่มันไม่สำคัญเอาเสียเลยกับ สถานการณ์ขณะนี้
“แกคิดว่าการเล่นกลจิ๊บจ๊อย แบบนี้จะทําอะไรได้หรือ ไง?” คาว่าพลางฉีกยิ้ม พริบตานั้นดวงก้อนพลาสมา หลายสิบลูกก็ปรากฏขึ้นเต็มผืนฟ้า ไม่กะให้อีกฝ่ายได้ตั้ง ตัวแมชั่วเสี้ยววินาที
“เซียโล่ อัลมา ลงมือ!!” เขาตะโกนสั่ง ซึ่งทั้งคู่ก็รออยู่ แล้ว
เซียโล่เพียงชูมือขึ้นมากำตรงหว่างอก จู่ ๆ ก้อนหิน ก้อน หิมะจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกยกลอยขึ้นบนฟ้าปะปนกับ วงพลาสมาจนละลานตา ส่วนอัลมาเพียงตวัดมือเพื่อ ออกคําสั่ง “เร่งความเร็ว” ให้กับพวกก้อนหินนั่นจนไม่แพ้ กระสุนปืนกล
“ยะ แย่แล้ว” โบยูที่อยู่ด้านล่างเผลอโพล่งออกมา ทำให้ พวกคาซี่ยิ้มกริ่ม หัวเราะเยาะอย่างสบายอารมณ์
คาซี่ชี้หน้าลุซแล้วฉีกยิ้มเย้ยให้
“จุดด้อยของโบยูคือพลังที่ละเอียดอ่อนเกินไป หมอนั่นไม่สามารถรับมือกับการโจมตีต่อเนื่องได้ ในทางกลับ กันเซียโล่ คือไซโคคิเนซิส ผู้สามารถควบคุมสิ่งของ พร้อมกันได้ถึงร้อยสี่สิบอย่าง และแกก็เป็นง่อยตอนกลาง คืน… ยอมแพ้ตอนนี้ยังทันนะลุซ”
ลุซแกล้งเอียงคอแล้วใช้นิ้วก้อยแคะขี้หูเพื่อยั่วโมโห จังหวะเดียวกันนั้นเองอลาเบโอฉวยโอกาสดีดนิ้วสั่งให้หิน ก้อนเบิ้มเทเลพอร์ตมาอยู่ในมุมอับของทั้งสี่ โบยูที่เตี๊ยม กันมาแต่ต้นรีบจับหินก้อนนั้นทุ่มใส่หัวคนปากมากทันที แต่ซาเบร์ซึ่งสัมผัสได้ของกลิ่นอายความผิดปกติจึงแจ้ง เตือนได้ทันท่วงที
พริบตานั้น ด้วยพลังเต็มที่ของไซโคคิเนซิสระดับ S ของ ทั้งสองฝ่าย งสั่งคานนํานาจกัน เกิดภาพอันน่าตื่นตะลึง ขึ้นกลางเวหา เมื่อหินก้อนใหญ่หยุดค้างอยู่กลางอากาศ แต่สั่นไหวจนเกิดคลื่นเสียงแสบหู ก่อนที่พริบตาต่อมา… มันจะแหลกละเอียดกลายเป็นเศษเล็ก ๆ ร่วงลงสู่พื้นด้าน ล่างอย่างเงียบงัน…
“การเจรจาล้มเหลว” คาซี่ตีหน้าขมึงทึง กวักมือเพื่อสั่งให้ ก้อนพลาสมาซึ่งโดนพายุหินบดบังลดระดับลงสู่พื้นเบื้อง ล่าง
“คา-ซี่~~~~!!!!”
จู่ ๆ หญิงสาวผมดำก็พรวดพราดออกมาจากที่หลบภัยยังวนลั่นจนทุกคนสะดุ้ง คุณเธอชี้หน้าคนที่ลอยตัวอยู่ บนฟ้าอย่างองอาจ ทั้งที่น้ำตาร่วงชนิดไม่ดูสถานการณ์ สักนิด เส้นผมสีดำยาวถึงขาเริ่มมีประกายไฟเล็ก ๆ และ สยายออก เส้นผมกลางหัวชูขึ้นเป็นเสาอากาศ ก่อนจะ มีไฟฟ้าเส้นยักษ์ปรากฏขึ้นสูงเสียดฟ้า ซ้ำยังแตกแขนง ออกเป็นกิ่งก้านสาขากลางอากาศอย่างน่าสะพรึงกลัว จน ทุกคนตกใจตาค้าง
แต่ไม่มีเวลาให้ยืนเซ่อมากนัก เพราะเจ้าแส้สายฟ้านั้น ไม่พูดพล่ามทำเพลงกับใคร ฟาดมั่วซั่วไปทั่วท้องฟ้ายาม ราตรีซ้ำตัดก้อนพลาสมาขาดสะบั้น ก้อนหินจำนวนมาก เริ่มสั่นไหวเพราะอนุภาคเหล็กที่แฝงอยู่ภายใน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” โบยูยูยิ้มร่าขึ้นมาทันใดเนื่องจากเห็นโอกาส โต้กลับ เขารีบจับหินซึ่งลอยอยู่กลางอากาศเข้าทุบกัน วินาศสันตะโรด้วยพลังทั้งหมดที่มีเหลือ เศษร่วงหล่นลงสู่ โบราณสถานล้ำค่า จนคนด้านล่างต้องวิ่งหนีหาที่หลบกัน จ้าละหวั่นไม่ให้หัวโน ส่วนโบยูรีบพิงกำแพงยันตัวไม่ให้ ล้มลงกับพื้น แสร้งแข็งใจยิ้มสู้เพื่อคุมเชิงต่อ
คาซี่ตกตะลึงตาค้างตัวสั่นระริกเมื่อทุกอย่างพลิกผิด แผนไปหมด… เพราะความลังเลเพียงชั่วพริบตาเดียวของ ตน!!
“คาซี่!!! นายบังอาจตัดเน็ตฉันเหรอ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้ น้า!!!!!!!!” ซิลเวียวีนลั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินหลังจาก เกิดความวินาศอย่างหน้าตาเฉย มิหนำซ้ำสายฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่บนหัวเสียอีก ทุกคนกลืนน้ำลายพร้อม ๆ กันโดยไม่ได้นัดหมาย ถ้านั่นคือเหตุผลที่ทำให้ต้อง อาละวาดเสียเละเทะขนาดนี้ มันช่างชวนให้เหนื่อยใจ เหลือประดา…
จิณณ์ทำได้เพียงยิ้มแหย ๆ เริ่มไม่มั่นใจว่าตนเองคิดถูก หรือไม่ ที่ไปจัดให้หล่อนเป็นแกนของแผนการในคราวนี้ มิหนำซ้ำการชิงโครกับคุณเธอในสภาพนี้ ก็ชวนให้คิดอยู่ เหมือนกันว่า… เขาจะโดนพลังที่แจกให้ย้อนศรมาช็อตตัว เองตายหรือเปล่า นั่นเป็นเรื่องที่เขาสงสัยที่สุด!
ลุซเป็นคนเดียวที่หัวเราะร่าจนน้ำตาเล็ดอยู่ข้างบน นั้น ในขณะที่คาซี่ยังคงยืนตะลึงอยู่กลางอากาศและไม่ ไหวติงอะไรอีก เนื่องจากจู่ ๆ ก็มีคนที่สามารถทำลาย พลาสมาของตนได้โดยง่ายขึ้นมาอีกคนหนึ่ง… พลาสมา ของระดับ SS ที่ควรจะไร้เทียมทานนั่น!!
“ซิลเวีย… เธอพัฒนาขึ้นมาระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่… คาซึ่ กำมือแน่นจนเลือดไหลซิบ ก่อนจะชำเลืองมองดูคนที่อยู่ ด้านข้างของสาวอารมณ์ร้ายเพราะขาดเน็ตให้เล่น
ส่วนอีกคนที่อยู่ข้างซิลเวีย… ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดีเช่น เดียวกัน เพราะเป็นหนึ่งในตัวปัญหาขององค์กรแต่ไหน แต่ไรมา…
“อีกคนคือแกเองหรือวอซ” คาซี่ทัก แต่ดูเหมือนอีกฝ่าย ไม่มีอารมณ์จะเสวนาด้วย เมื่อวอซยังคงยืนล้วงกระเป๋า มองเย้ยหยันขึ้นบนฟ้าเหมือนไม่ยี่หระอะไรแม้แต่น้อย
…แต่ในความเป็นจริงนั้นหรือ… เขาตอบไม่ได้ต่างหาก เขาตอบไม่ได้เด็ดขาด ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากใครบาง คนที่กำลังงอนตุ๊บป่องเพราะไม่มีเน็ตเล่น ขืนใช้เสียงนาย จิณณ์ตอบไปมีหวังความแตกทั้งหมดชัวร์ๆ!!
“คุณซิลเวีย… ขอ… ขอเสียงด้วยครับ…” จิณณ์ฉีกยิ้ม ขึ้นอีกขั้น แต่จริง ๆ คือพยายามอ้าสปากแอบกระซิบ พูด เสียงอู้อี้โดยไม่เปิดปาก… สภาพน่าอดสูยิ่งนัก
ซิลเวียหันมามองค้อนอย่างจังเหมือนไม่พอใจ บางทีอาจ จะเพราะฟังไม่รู้เรื่อง โบยูเห็นท่าไม่ดี จึงรีบวิ่งมารวมตัว กันอยู่ข้างจิณณ์กับซิลเวีย… เมื่อเห็นว่าภาพลวงตาเริ่มไร้ ประโยชน์ ลุซก็คลายความสามารถลวงตาบางส่วนออก เหลือแค่เพียงที่จิณณ์ และ …อลาเบโอตัวจริงที่ยืนอยู่ข้าง ตนบนฟ้า…
“น่ะ นี่ ซิลเวียใจเย็นก่อนเถอะนะ” โบยูเสี่ยงชีวิตเข้า ปรามสาวเจ้า ก่อนจะแอบกระซิบข้างหู… ซึ่งนั่นพอจะได้ ผลอยู่บ้าง ซิลเวียปาดน้ำตาแล้วงอนแก้มป่อง หันหลังให้ ทุกคนหันกลับไปนั่งเล่นเกมเหมือนจะไม่สนใจใคร จิณณ์ ฉีกยิ้มเลียนแบบวอซขึ้นทั้งที่ใจยังตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
“ของฝากเมื่อคราวที่แล้วถึงใจดีนี่หว่า” เขาพูดผ่าน เครื่องเปลี่ยนเสียงซึ่งทำงานตามคำสั่งของซิลเวีย แล้ว ตบสีข้างของตนที่ถูกยิงเมื่อคราวก่อน… ซึ่งดูเหมือนจะได้ ผลเมื่อคนด้านบนชะงักตามกันไป
คา สายตาลงมามองสามหน่อด้านล่างแล้วถึงกับพูดไม่ ออก ในตอนแรกหากมีเพียงซิลเวียและโบยู เขายังพอจะ ใช้ความสามารถพิเศษของอัลมา เพื่อเร่งความเร็วเข้าไป เล่นงานในระยะประชิดได้บ้าง แต่นี่กลับมีวอซนักวางกับ ดักอยู่ด้วยอีกหนึ่งคน เพราะเช่นนั้นการลงไปเสี่ยงด้าน ล่างย่อมเป็นเรื่องโง่เขลาอย่างที่สุด
“นี่พวกแกวางแผนกันเอาไว้ตั้งแต่ต้นเลยหรือ…?” คาซี่ ถามเสียงค่อยอย่างเคือง ๆ
“อ้าว ก็แหงสิ ฉันมันขั้นไหนแล้ว!?” ลุซยังคุยโว บลั๊ฟ พร้อมกวนประสาทกลุ่มคนข้างหน้าไม่เลิก ปล่อยให้ จิณณ์ที่อยู่ข้างล่างโวยลั่นในใจ เพราะเจ้าบทบ้าบออะไร มันเจ๊งไปเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เขาเองยังต้องดำน้ำจน ออกซิเจนแทบไม่เหลือแล้วด้วยซ้ำ!!
“แกให้ซิลเวียแฮคเข้าระบบโรงเรียนอลาคานาร์ ซ้ำ เปิดช่องทางให้พวกเราพบ แล้วก็วางแผนมาตลบหลังได้ ร้ายกาจมาก….” คาซี่กัดฟันกรอดหลอกตัวเองได้เหนือชั้น เหลือทน จนจิณณ์อดทำหน้าเบื่อโลกไม่ได้ ในขณะที่คน อื่นต้องพยายามอุบหัวเราะเต็มที่
ความจริงตอนที่จิณณ์ขึ้นไปเจอโบยู อลาเบโอ และ ซิลเวียบนดาดฟ้า ยังเห็นพวกนั้นเดินจงกลมดูลุกลี้ลุกลน หลังจากแฮคย้อนรอยตรวจสอบได้ว่า… ใครคือคนที่มา ตามล่านายสุชครั้งนี้
พูดไป นายโบยูผู้พาพวกเขาบินลัดฟ้ามาต่างเครื่องบิน พลังหมดก๊อกไปตั้งแต่มาถึง มีเวลานอนพักนิดหน่อยแต่ก็ ช่วยได้นิดหนึ่งสมชื่อ…. ส่วนอลาเบโอก็สิ้นฤทธิ์ เนื่องจาก ต้องพาพวกเขาเทเลพอร์ตสลับกับให้โบยูพัก ว่าตามตรง ถ้าจิณณ์ไม่มาซิงโครให้งานนี้ไม่ได้เริ่มสู้หรอก นอนแห้ง ตายกันบนป่าบนเขาแถวนี้นี่แหละ!!
จิณณ์แกล้งเดินออกสู่ที่โล่งเพื่อกดดันอีกฝ่ายเพิ่ม เข้าไปอีก ทำเป็นแสยะยิ้มด้วยความมั่นใจเหมือนท้าให้ ลงมาแลกชีวิตกันซึ่งหน้า และก็ได้ผลเมื่ออัลมากับเซีย โล่ฉุนขาดหมายจะลงไปซัดคนอวดดีให้สิ้นซาก ทว่าท่าน หัวหน้าคาซี่กลับยื่นมือขึ้นขวางเอาไว้ ทั้งคู่มองคาซี่ด้วย ความประหลาดใจ ปนไม่พอใจ
“ถึงพวกแกจะเร็วแต่… ไม่มีทางเร็วกว่าคลื่นเสียง แถว นั้นคงเต็มไปด้วยกับดักของวอซไปแล้ว… คาอธิบาย ด้วยเสียงแหบแห้ง
“แล้วคุณจะไม่ทำอะไรเลยงั้นหรือครับ!?” เซียโล่ โวยวายลั่น แต่ก็ต้องเงียบกริบเมื่อพบว่าสายตาของคาซึ่ ยังวาวโรจน์ และดวงไฟยังเจิดจรัสอยู่ในดวงตาคู่นั้นโดย ไม่ยอมมอดลงแม้แต่น้อย
ลุซหลับตาแล้วถอนหายใจด้วยความอ่อนล้าแก่จิตเมื่อ อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างที่คิด ส่งสัญญาณให้โบยู เคลื่อนตนหลบเล็กน้อย เผยให้ทั้งสี่เห็นดวงแสงเล็กใหญ่ เท่ากำปั้นอยู่สองดวง ซึ่งซ่อนไว้ด้านหลังแต่แรก… เมื่อลุซ เผยมือทั้งสองข้างออกข้างลำตัว พริบตานั้นแสงทั้งหลาย ก็สว่างจ้าขึ้นฉับพลัน ก่อนจะดับลงในชั่วหนึ่งอึดใจต่อมา และสิ่งที่ได้มานั้นช่างคุ้มค่าเกินคณานับ
บัดนี้ลุซมีดวงแสงขนาดใหญ่หนึ่งดวงคล้ายดวงอาทิตย์ ที่มีดาวเคราะห์ดวงเล็ก ๆ หมุนวนเป็นบริวารอีกนับสิบ!
“ก็จริงว่ะที่ฉันเป็นแค่ไอ้กระจอกกลางคืน แต่พอได้แสง จากนาย แสงจากซิลเวียมากเข้า ๆ มันก็พอจะทำแบบนี้ ได้อยู่นา”
ลุซพูดด้วยสีหน้าจริงจังเป็นครั้งแรก และแสงที่สว่างจ้า จนตาพร่านี้ ก็เป็นตัวดับความหวังของคา ดับลงอย่างสิ้น เชิง
นี่เป็นหนึ่งในพลังที่พวกศูนย์ใหญ่เกรงกลัว ชายผู้มีโค้ด เนมว่า ‘luz’ จนไม่กล้าแม้แต่จะสั่งการให้กองกำลังชนกับ ลุซโดยตรง เพราะจะทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่ หลวงกันทั้งสองฝ่าย
คา ชายตามองพรรคพวกของตน ซึ่งกำลังยืนตัวสั่นแข็งทื่ออยู่ด้านข้าง ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกเพราะความต่างของ พลังจิตระหว่าง S กับ SS มันกว้างเกินไป…
การต่อสู้ของพวกระดับสูงด้วยกันมักจะจบลงด้วยการ ชิงไหวชิงพริบในชั่วพริบตาเสมอ และแผนของพวกเขาก็ พังไม่เป็นท่าไปแล้วตั้งแต่การผสานพลังไร้ผล มิหนำซ้ำ ยังโดนหลอกเปิดโอกาสให้ลุซใช้พลังพรรค์นี้ได้อีก
…พลังที่รุนแรง รวดเร็ว งดงาม และเปราะบางที่สุดใน โลกปัจจุบัน…
“แค่นี้ก็เช็คเมทกันได้หรือยัง…หือ?” ลุยพูดเสียงค่อย กวนประสาทอย่างที่เคยเป็นแต่เพียงแค่นั้นก็พอจะทำให้ คาซี่สะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมองตรงมาอย่างอ่อนล้า
คา ไม่ตอบหากแต่หันกลับไปหาพวกของตน
“พวกแกหนีไปซะ” เขาพูดแล้วสะบัดมือขับไล่ไสส่ง ทั้ง สามมองเขาด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าพวกของ ตนยังคงนิ่งเฉยก็ฝืนท่าเสียงแข็ง “พวกแกกล้าขัดคําสั่ง อยากลองดีหรือไง!!”
“เดี๋ยวสิแล้วคุณล่ะ” ซาเบร์แย้งโดยไม่สนใจคำขู่แม้แต่ น้อย และดูเหมือนเขาไม่ใช่คนเดียวที่ไม่รับฟังคำสั่งเช่น นั้น
“ในฐานะหัวหน้าหน่วย ฉันวางกลยุทธผิดพลาดเพราะ ฉะนั้นต้องรับผิดชอบ” คาซี่พูดเสียงค่อยเมื่อเห็นไม่มีใคร ท่าตาม และมันยิ่งทำให้รู้สึกยิ่งแค้นใจตนเองมากขึ้น เขา สูดลมหายใจลึก ๆ หนึ่งเฮือกเหมือนตัดสินใจอะไรบาง อย่างได้ ก่อนจะหันกลับไปหาลุซอีกครั้ง…
เวลานั้นสายตาสีฟ้าสดยังคงมองตรงออกไป ซ้ำยังฝืน รอยยิ้มให้กลับมาสถิตย์อยู่บนใบหน้าซีดเผือด… ลุซ เห็นแล้วก็เกาศีรษะอย่างเซ็งในอารมณ์
“พอแผนไม่มีก็คิดจะแลกชีวิตเลยงั้นเหรอ?”
ลุซพูดดักคอเอาไว้อย่างรู้ทัน แต่อีกฝ่ายไม่มีแววหวั่น ไหวแม้แต่น้อย จังหวะนั้นเองที่ลุซตบบ่าอลาเบโอเบา ๆ ก่อนจะยิ้มร่าขึ้น “เสียใจด้วย นิสัยหัวรั้นของนายฉันก็รู้ดี ไอ้เกลอคาซี่” เขาพูดพลางตบบ่าของอลาเบโอย้ำ ๆ เพื่อ ให้คาซี่มองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติบนดวงหน้า เรียบเฉยนี้…
คาซี่เบิกตากลมโตขึ้นจ้อง แม้จะมายืนประจันหน้ากันอยู่ ตั้งนานแต่สายตาของตนก็จับจ้องอยู่ที่ลุซ และยังจำเป็น ต้องปันสมาธิลงไปยังพวกกลุ่มข้างล่างเป็นระยะโดยลืม นึกไปว่าบนนี้ยังมีอีกคน
…อีกคนที่เหมือนจะยังไม่ได้ทำอะไรเลย….
และทั้งที่ยังไม่ได้ทําอะไรสักกระผีก แต่เหงื่อดันไหล ท่วมใบหน้า นั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้ลุชไม่ได้คลาย ภาพลวงตาทั้งหมดจริง โดยเลือกเหลือเอาไว้ปกปิด อาการของอลาเบโอเอาไว้
การออกมาเผชิญหน้าพวกตนด้วยการทำให้มือลาเบ โอสองคน นอกจากทําให้สับสนแล้วยังเป็นกับดัก ซึ่งวาง ไว้ให้ทุกคนชะล่าใจ เลิกสนภาพลวงตาทั้งหมดหลังจาก คลายภาพโบยูให้กลับสู่ปกติ ทั้งนี้ยังมองขาดถึงเรื่องที่ ซาเบร์เป็นสายตรวจจับเชี่ยวชาญการตรวจสอบ ‘การมี อยู่’ ไม่ใช่สายที่สามารถตรวจได้ว่า ‘ภาพตรงหน้าคือจริง หรือหลอก’
แผนครานี้มันทั้งซับซ้อนและอ่านขาดหมดทุกเรื่องจน คาซี่เก็บอาการไม่อยู่ ชี้หน้าลุซราวกับมองเห็นผี ถ้าไม่ได้ เห็นกับตา เขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่าชายผมสีชาท่าทางขี้เล่น ตรงหน้า จะวางแผนละเอียดและซับซ้อนขนาดนี้ได้
มันเป็นไปไม่ได้!!
แต่ก่อนจะได้คิดอะไรมากกว่านั้นจู่ ๆ คาซี่ก็รู้สึกมึนเล็ก น้อย ตาเริ่มพร่าจนเกือบจะปิด เมื่อหันย้อนกลับไปหา พรรคพวกของตน สองในสามยกเว้นเซียโล่ก็ออกอาการ เหมือนกันหมด เขามั่นใจว่านี่ต้องเป็นฝีมือของอลาเบโอ เพราะอลาเบโอเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวในโลกที่เทเล พอร์ตสิ่งมีชีวิตได้
ในทางกลับกันหากหมอนั่น… เทเลพอร์ตยาอะไรสัก อย่าง… เช่นยานอนหลับเข้าสู่ร่างกายของคนล่ะ!? แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลามาก เพราะงั้นอ ลาเบโอจึงจำเป็นต้องมายืนที่อ เสี่ยงเผชิญหน้าตรงนี้ตั้ง นานสองนาน ไม่ใช่มายืนคุมเชิงเพื่อเตรียมหนีอย่างที่ตน เข้าใจ!
“บะ บ้าที่สุด… นี่แกชนะได้โดยไม่มีใครบาดเจ็บเลย หรือ…” คาซี่พูดพลางยิ้มบางออกมาเหมือนโล่งอก… ลุซ เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะดับแสงทั้งหมดทิ้ง ปล่อยให้กลาง คืนกลับสู่ความมืดมิดดังเดิม สายตาของเขาเหม่อมอง ดวงจันทร์อย่างอ่อนโยน สรรพเสียงเงียบสงัดลงถนัดตา
“ถึงพวกนายจะมองฉันเป็นศัตรู แต่… ฉันก็ยังมองเห็น พวกนายเป็นเพื่อนอยู่ดีนั่นแหละ” ลุซพูดราวกับบ่นกับ ตนเอง ก่อนจะค่อย ๆ ลดระดับการบินลงสู่พื้น อลาเบโอ เป็นอีกคนที่หมดสติตามไปอีกคน เซียโล่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพาพรรคพวกกลับไปพร้อมความพ่ายแพ้ ครั้งใหญ่โดยไม่หันกลับมามองพวกลุซอีกเลย…
เมื่อเห็นความสงบกลับมาอีกครั้งลุซคลายภาพลวงตาทิ้ง จนหมดสิ้น พร้อมเดินตรงรี่เข้าหาจิณณ์ที่ยืนถอนหายใจ อยู่ มือกร้าวสองข้างตบบ่าของเขาเต็มแรง จนคนใส่เฝือก ทานไม่ไหวกลิ้งลงไปนอนบนพื้นหิมะ ก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่ง เพราะความเย็นแล้วจ้องมองคนบ้า และก็ต้องสะดุ้งเมื่อ หมอนั่นกำลังมองมาทั้งน้ำตานองบนใบหน้าปลื้มปิติสุด ๆ ไม่ทราบว่าแอบไปซัดวาซาบิหมด หลอดมาหรือไง!
“เฮ้ย นายเป็นบ้าอะไรอีกเล่า เรื่องมันจบแล้วไม่ใช่เห รอ!” จิณณ์แย้ง พยายามยันตัวลุกขึ้นยืน แต่ก็ลุกไม่ไหว จนโบยูต้องกระดิกนิ้วเพื่อลากเขาลอยขึ้นมาบนอากาศ
“จิณณ์” ลุซลงเสียงหนักแน่น “นายมาเป็นหัวหน้าพวก เราเถอะ หัวนายทำด้วยอะไรเนี่ยถึงคิดแผนพรรค์นี้ ออก!!” เขาเอ่ยเสริม
จิณณ์ขมวดคิ้วลงนิดหนึ่ง ก่อนที่หัวมึน ๆ จะประมวลคํา พูดเมื่อครู่ออกมาได้
“บ้า แกต้องบ้าแน่ ๆ ลุซ ใครจะเอาด้วยวะ ฉันเป็นแค่ นักเรียนธรรมดา ที่วางแผนจะโตไปเป็นคนโคตรธรรมดา นะว้อย!!” จิณณ์โวยวาย
“แต่ดัน…ไม่ธรรมดาเลยสักนิดว่ะ” โบยูแย้งทันควัน พลางผงกหน้าหง็ก ๆ
“เอาเน็ตคืนมาให้เค้าทีสิ หัวหน้าจิณณ์” ซิลเวียพูดทั้ง น้ำตาคลอ “เค้าไม่เอาหัวหน้าลุซแล้วอ่ะ” คำพูดเจ้าหล่อน เหมือนจะออกนอกเรื่อง แต่ดันลงท้ายเหมือนยอมรับเขา เป็นหัวหน้าไปเรียบร้อย แน่นอนว่าเจอแบบนี้แล้วจะให้ พูดภาษาคนออกเหรอ จะโวยวายลมก็ยังจุกคอจนอึดอัดไปหมดด้วยซ้ำ! ในหัวตอนนี้มีคำคำเดียว ลอยวนเวียนอยู่เต็มไปหมด… มันคือคำว่า…
บัดบ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ