EP.1 เปิดซิงค์ผัว 1
สวัสดีครับ พี่ๆ นักอ่านทุกท่าน ผมชื่อ ‘หนึ่ง’ ครับ หนึ่ง ที่แปลว่า ที่หนึ่งนั่นแหละครับ ต้องขอบคุณพ่อแม่ผมนะ ครับ ตั้งชื่อผมได้เหมาะสมกับความจริงมาก เพราะตั้งแต่ เกิดจนจำความได้ ชีวิตผมก็มักเกี่ยวข้องกับ ‘เลข 1′ เสมอ พี่ๆ อยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่ามีอะไรบ้างน้า… ที่ตัวผมไป เกี่ยวพันกับ ‘1’ อย่างนั้นก็ตามผมมาเลยครับ…
‘ฉันเกิดอยู่แดนอีสาน… ถิ่นกันดารที่เขาดูหมิ่นดูแคลน’ แอบเอาเพลงน้าหมู พงษ์เทพ มาร้องเสียเลย
ใช่ครับ ผมเป็นคนอีสานโดยกำเนิด จังหวัดที่ผมเกิดก็ คือ 101 เห็นไหมละครับ ชีวิตผมเกี่ยวพันกับเลข 1 จริงๆ จังหวัดในประเทศไทยมีตั้ง 77 จังหวัด ไหงผมตกช่องมา เกิดที่ 101 ได้ละเนี่ย อิอิ… อันนั้นต้องไปถามพ่อและแม่ ผมต่อ
พอโตเข้าโรงเรียนได้พ่อแม่ก็พาผมมาฝากเข้าเรียน อนุบาล 1 ผมก็ได้เลขที่ 1 อยู่ห้อง อ.1/1 ยังไม่หมดนะ ครับ ก็ผมน่ะมันเรียนเก่ง ได้เป็นหัวหน้าชั้นตลอด ก็ไต่ เต้าขึ้นมาอยู่ ป1/1 – 6/1 พอเรียนมัธยมก็ได้อยู่ห้อง ม.1/1 อีกนั่นแหละครับตามประสาเด็กเรียนดี กีฬาเด่น บวกกับหน้าตาเอ็นเตอร์เทนคนอื่นเสมอ เรียกภาษาบ้านๆ ว่า ‘หน้าตารับแขก’ นั่นแหละครับ เพราะผมก็มักจะได้ รับเลือกให้เป็นประธานชมรมนู้นนี้โน้นตลอดๆ เวลามีคนแรกเลย
จนเรียน ม.6 ความภาคภูมิใจแรกในชีวิตวัยรุ่นของผมก็ มาเยือน ผมได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนครับพี่น้อง ชีวิตผมในตอนนั้นดีงามมาก… เรียกได้ว่าเดินไปทางไหน สาวๆ รุ่นน้องก็มักจะมากรี๊ดกร๊าดเรียกผมว่า
‘พี่หนึ่งคะ พี่หนึ่งขา…. ผมนี่ตัวลอยเลยครับ แต่มันไม่ เป็นอย่างนั้นตลอดน่ะสิครับ เรื่องราวดราม่าเริ่มเข้ามาใน ชีวิตผมอย่างลางๆ จนผมเกิด ‘สภาวะทิ้งตัว’ อย่างแรงก็ ตอนตัดสินใจไม่เอ็นทรานซ์นี่แหละครับ
ไม่ใช่ว่าผมกลัวจะสอบเข้าไม่ได้นะครับ เพราะผมก็ ถือว่าเป็นเด็กเรียนคนหนึ่งเลยล่ะ และจากแนวข้อสอบ ที่ผมหมั่นทบทวนอยู่ตลอดนั้นก็ทำให้ผมมั่นใจว่า ผม สามารถสอบเข้าเรียนในสาขาที่ผมอยากเรียนได้สบาย แต่เพราะผมเป็นเด็กดียังไงล่ะครับ ผมรักพ่อแม่ รัก ครอบครัวครับ งงล่ะสิ… ว่าทำไมผมไม่เอ็นทรานซ์
ก็ผมน่ะเป็นลูกชายคนโต ที่บ้านก็ไม่ได้มีเงินทอง มากมายอะไร แค่พ่อแม่ส่งเสียผมได้จบ ม.6 นี่ก็ถือว่า ท่านเก่งมากแล้ว ผมเองความที่เป็นพี่ชายคนโตของน้องๆ อีกหลายคน ผมก็ควรจะเสียสละมาช่วยพ่อแม่ทำงานส่ง เสียน้องๆ นั่นแหละครับเส้นทางโลดแล่นในเมืองใหญ่จึง มาเยือนผมจนได้
ใช่ครับ เด็กอีสานอย่างผมจะทำงานทั้งทีก็ต้องโน่น ‘กรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าเมืองสวรรค์ เด็กบ้าน นอกคอกนาอย่างผมใฝ่ฝันว่าจะได้มาสูดดมกลิ่นเมือง ศิวิไลซ์สักครั้งในชีวิต
‘จากแดนอีสานบ้านเกิดเมืองนอน มาเล่นละครบทชีวิต นัก’ ผมชอบพี่ไมค์ครับ และรักในเส้นทางเสียงเพลงลูก ทุ่งมาก แต่ผมไม่ได้มาเป็นนักร้องนะครับ โธ่! พี่ๆ คิดดูสิ ครับ เด็กหนุ่มวัยละอ่อนอย่างผม ใครจะผลักจะดันเข้า วงการล่ะครับ
แม้หน้าตาผมจะดีเข้าขั้น ‘ณเดชน์ เจมส์จิ’ ก็เหอะ แต่ หากผมต้องไปเสนอตัวให้เก้ง กวาง บ่าง ชะนี ผมก็ไม่กล้า หรอกครับ ผมน่ะยังซิงนะครับพี่ ทั้งทวนแท่งและช่องแคบ มะละกาของผม ยังซิงทั้งสองทาง แหม… แต่มันก็ซิงไม่ นานนักหรอกครับ
ใช่ครับ ผมเข้ามากรุงเทพฯ ได้ไม่นาน เส้นทางเปิด บริสุทธิ์ผมก็เริ่มขึ้น อายจังที่ต้องเล่าเรื่องตัวเองแบบนี้ แต่ มันอดภูมิใจไม่ได้นี่ครับ เพราะไม่ว่าจะสาวแก่ แม่ม่าย คุณน้าข้างบ้าน หรือแม้แต่น้องหมวยในร้านก็บอกว่าของ ผมน่ะ ‘ใหญ่’ กว่าใครทั้งนั้น แถมทุกคนยังการันตีว่าผมน่ะ เป็นที่หนึ่งสมชื่อจริงๆ
ผมเริ่มต้นงานแรกด้วยการเป็นลูกจ้างในร้านขนมปังแถว บางบัวทองครับ แต่ผมไม่ทิ้งการเรียนนะครับ ผมน่ะลง เรียนรามฯ เอาไว้ สาขาที่ผมเลือกน่ะหรือครับ
‘รัฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง’ ที่เลือกสาขานี้ก็เพราะ ผมอยากนําความรู้ที่ผมได้รับไปพัฒนาชุมชนของผมครับ ก็บอกแล้วไงครับว่าผมน่ะเด็กรักเรียน และผมก็ยังสำนึก รักบ้านเกิดของตัวเองอย่างแรงเสียด้วย
แต่เส้นทางอาชีพของผมก็ทำให้ผมมีปัญหากับการเรียน บ้างเล็กน้อย จะว่าไปก็คงไม่เล็กไม่น้อยสักเท่าไร แต่ ผมมันลูกคนไม่รวยครับ ผมก็ต้องเลือกอาชีพไว้ก่อนล่ะ กลางวันทํางาน กลางคืนแบ่งเวลาอ่านหนังสือครับ โดย ผมน่ะจะทําตารางเรียนเองเหมือนตอนเรียนมัธยมเลย ครับ ผมจะเขียนไว้ว่าวันไหนจะอ่านวิชาอะไร เริ่มกี่โมง ถึงกี่โมง ถ้าไม่ทำอย่างนี้มีหวังผมคงเรียนไม่จบหรอกครับ ยิ่งทํางานไปด้วยเรียนไปด้วย เรื่องยากสําหรับผมเลยนะ เนี่ย
พี่ๆ อย่าเบื่อเรื่องเล่าของผมเสียก่อนล่ะ ว่าเอ… ฉันจะ อ่านเรื่องเสียวหรือมาตามอ่านอัตชีวประวัติของผมกัน แน่ เอาเป็นว่าผมรับประกันความเสียวด้วยอาวุธยาวใหญ่ ประจํากายของผมแน่นอน แต่ผมอยากให้พี่ๆ รู้จักตัวผม ให้ดีกว่านี้น่ะครับ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ