ปลดล็อกความลับของคุณ

ตอนที่ 1 มาถึงอวิ๋นเฉิงครั้งแรก



ตอนที่ 1 มาถึงอวิ๋นเฉิงครั้งแรก

ปลายเดือนสิงหาคม พระอาทิตย์แผ่แสงร้อนจ้าเหนือศีรษะ แผ่ ไอร้อนปกคลุมไปทั่วเมืองเล็กๆ แห่งนี้

ชั้นสองของสถาบันสุขภาพใจกลางเมือง มีเด็กผู้หญิงคน หนึ่งยืนพิงบานประตูเก่าๆ อย่างเฉื่อยชา สวมเชิ้ตสีขาวดำ เรียบง่าย ปกเสื้อยับย่นในยามที่ก้มหน้าลง

แขนเสื้อทั้งสองข้างของเธอพับขึ้นมาอย่างไม่เป็นระเบียบ

นัก

เธอสวมกางเกงยีนเอวต่ำสภาพค่อนข้างเก่า เผยให้เห็น ถึงเอวบางสะโอดสะองตอนที่เด็กสาวขยับร่างกาย

รูปร่างหน้าตาของเธองดงามจับตาเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อนางพยาบาลเห็นชายคนหนึ่งเดินผ่านเด็กสาวไปถึง สามครั้ง เธอจึงยื่นอมยิ้มให้เด็กสาว จากนั้นก็มุ่ยปากไปทาง ห้องผู้ป่วย แล้วถามเด็กหญิงว่า “หร่านหร่าน พ่อแม่เธอมาถึง แล้วใช่ไหม”

ฉันหร่านก้มหน้าลงแกะเปลือกขนมเคลือบน้ำตาล ขนตายาวงอนของเธอหลุบเล็กน้อย เด็กสาวเพียง ปรายตาไปทางพยาบาล แล้วตอบว่า “น่าจะอย่างงั้นนะคะ

พยาบาลถอนหายใจ ก่อนพูดขึ้นว่า “ไม่เห็นรู้เรื่องเลย จากนั้นเธอก็รีบสาวเท้าจากไปพร้อมรายงานการแพทย์ใน

มือ

คนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยในนั้นคือพ่อแม่บังเกิดเกล้าของฉันห ร่าน หนึ่งฉันและฉินฮั่นชิว

ทั้งสองหย่าร้างกันมาได้สิบกว่าปีแล้ว ที่ผ่านมาฉันหร่านก็ อยู่กับยายมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ คุณยายเธอล้มป่วยจนต้อง เข้าโรงพยาบาล จึงทำให้หนิงฉินกับฉันฮันซิวต้องกลับมาที่ เมืองนี้อีกครั้ง

ฉันหร่านยืนทอดขาพิงกำแพงฟังบทสนทนาด้วยสีหน้า เรียบเฉย

เสียงที่เย็นชาของหนิงฉินดังเล็ดลอดผ่านประตูบานนั้น ออกมา “ฉินฮั่นจิ๋ว แม่ฉันป่วยหนักมาก เพราะฉะนั้น ฉันจะรับ แม่ไปดูแลที่เมืองอวิ๋นเฉิงเอง

ฉินฮั่นชิวมองดูเธอด้วยสีหน้าที่เข้าใจได้ยาก จะว่าไปก็เหมือนเขากำลังล้อเลียนเธอมากกว่า “หร่านห ร่านครอปเรียน แถมไม่มีโรงเรียนไหนในหนึ่งไร่ที่ยอมรับลูก เข้าเรียนอีก คุณน่ะรับตัวเธอไปบ้านตระกูลหลินเถอะ บ้านนั้น น่ะมีเส้นสายพอตัว คงจะหาโรงเรียนดีๆ ให้หร่านหร่านได้

“ฉันรับอวี่เอ๋อร์ไปอยู่บ้านตระกูลหลินแล้ว คุณยังจะ มีหน้าให้ฉันรับลูกอีกคนไปอีกเหรอ แบบนี้ตระกูลหลินจะคิด ยังไงกับฉันกัน” หนึ่งฉันรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อยที่เขาได้แต่ ปัญหากวนใจมาให้ โรงเรียนที่ไหนกันเล่าจะรับเด็กอย่างฉินห ร้านเข้าเรียน

พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฉินฮั่นชิวก็แสดงอาการไม่พอใจอย่าง เห็นได้ชัด “ตอนนั้นผมก็จะรับอรี่เอ๋อร์ไปอยู่ด้วย นี่คุณกำลังตัด เยียดหร่านหร่านให้ผม เพราะคุณไม่ต้องการลูกงั้นเหรอ ฮะ”

พวกเขามีลูกสาวอยู่สองคน ฉันหร่านและฉินอวี่ ทั้งสอง อายุห่างกันแค่ปีเดียว แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้น เด็กสองคนนี้ ก็ราวกับอยู่กันคนละโลก

สองสามีภรรยาต่างสู้รบตบมืออย่างไม่ลดราวาศอก หวัง จะได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูฉินอตอนที่หย่ากัน สุดท้าย เป็นเพ ราะฉินอวี่เลือกอยู่กับแม่ ข้อพิพาทจึงยุติลงได้ในที่สุด

ในตอนนั้น ไม่มีใครต้องการฉันหร่าน ทั้งสองต่างปิดสิทธิ์ เลี้ยงดูลูกคนนี้ และสุดท้าย ก็ไม่มีใครใส่ใจเธอ

คุณยายเฉินซูหลานรู้สึกสงสารหลานคน อุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิงโดยลำพังมาถึงสิบสองปี

นี้ เธอจึงรับ

ที่ห้องผู้ป่วยใน หนึ่งฉันมองดูหน้าตาล้อเลียนของฉันฮั่น ชิว แล้วสะกดกลั้นความโกรธของตัวเองไว้ เทียบกับฉันอแล้ว ใครจะอยากเลี้ยงเด็กที่เอาแต่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกัน มิ หนำซ้ำเธอยังต้องนำหร่านหร่านไปอยู่กับตระกูลไฮโซมีหน้ามี ตาอีก ตัวหนึ่งฉันเองก็ไม่ได้อยากตกเป็นขี้ปากของใครต่อใคร ในเรื่องนี้

ฉินฮั่นชิวเป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวมาที่เมืองนี้ตอนที่เขายัง เด็ก เฉินหลานเอ็นดูเด็กน้อยยากจนคนนี้ แต่หลังจาก แต่งงานกันไปได้ไม่กี่ปี หนึ่งฉันก็ทนนิสัยเอื่อยเฉื่อยของฉันฮั่น ชิวไม่ไหว นอกจากงานแบกหามแล้ว ที่เดียวที่ชายคนนี้ทำงาน ได้ก็คือที่ไซต์ก่อสร้าง หนึ่งฉันจึงตัดสินใจหย่าขาดกับสามีคนนี้ เสีย

หลังจากที่หย่าร้างกันไป หนึ่งฉินรับฉันอมาอยู่ด้วยตอนที่เธอแต่งงานกับสามีใหม่ที่เป็นเศรษฐีเมืองอวิ๋น เฉิง

ส่วนฉันฮั่นชิวก็แต่งงานใหม่ไม่นานหลังจากนั้น เขามี ลูกชายหนึ่งคนกับภรรยาปัจจุบัน

ฉันฮันซิวนั้นตัวเปล่าเล่าเปลือยมาแต่ไหนแต่ไร เขาไม่มี อะไรจะต้องเสีย หนิงฉันกลัวว่าอดีตสามีจะเสนอหน้าไปที่บ้าน ตระกูลหลิน ทำให้เธอต้องอับอายขายหน้า เพราะอย่างนั้น เธอจึงจํายอมต้องรับฉันหร่านกลับไปบ้านที่เมืองอวิ๋นเฉิงด้วย

“หร่านหร่าน” ฉันฮั่นชิวเปิดประตูออกมาจากห้อง พอหัน ไปเห็นฉันหร่าน เขาก็หยุดพูด แล้วถอนหายใจ “ครอบครัวตระ กูลหลินน่ะมีเงินเป็นกอง ลูกก็ไปอยู่กับแม่แล้วกัน พวกนั้น ต้องหาโรงเรียนม.ปลายดีๆ ให้ลูกได้แน่ ดีไม่ดี ลูกอาจได้ เรียนต่อมหาลัยด้วยนะ

ดูจากผลการเรียนของฉันหร่านแล้ว จะสอบผ่านเข้ามหา ลัยได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง

ตอนนี้ฉินฮั่นซิวมีลูกชายแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ความรับผิด ชอบเล็กๆ เลย แถมครอบครัวเขายังไม่ได้ซื้อบ้านในตัวเมือง เลย แล้วไหนยังต้องวางแผนเพื่ออนาคตอีก

ก่อนหน้านี้ ภรรยาคนปัจจุบันกำชับมาเป็นอย่างดีว่าไม่ ให้เขารับตัวฉันหร่านไปอยู่ด้วย

ฉันหร่านยืนเอนกายมากกว่าเดิม บริเวณทางเดินของโรง พยาบาลไม่มีเครื่องปรับอากาศ จึงทำให้อากาศยิ่งร้อนอ้าว เข้าไปใหญ่ เธอก้มศีรษะลง แล้วใช้นิ้วกระดุมหยกขาวเม็ด ที่สองที่อยู่บนปกเสื้อของเธอไว้

นิ้วมือของเด็กสาวเรียวยาวดั่งเทียน บริสุทธิ์ผุดผ่อง จากเรื่องแปดเปื้อนใดๆ ดั่งหยกที่ถูกแช่แข็งไว้ท่ามกลางความ หนาวเหน็บ

คิ้วงามได้รูปของเธอมีแต่ความเย็นชาและเฉยเมย

ฉันหร่านไม่ได้ใส่ใจฟังฉินฮั่นชิว หลังจากปลดกระดุมแล้ว ก็หรี่ตามองไปนอกหน้าต่างตรงทางเดินที่อยู่ตรงข้ามเธอ สายตาของเด็กสาวเย็นชาไร้ความรู้สึก

ห่างจากหน้าต่างไปสักสองสามเมตร

ณ ฝั่งตรงข้ามออฟฟิศ

มีออฟฟิศอยู่ห้อง

หนึ่ง

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในชุดกาวน์ขาวมีสีหน้าเคร่งเครียด ผอมเพรียวดูดีทีเดียว

ใบหน้าเขาช่างเกลี้ยงเกลา รูปร่างก็

เขาคือผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงพยาบาล เจียงตุง

เยี่ย

ชายหนุ่มชำเลืองไปที่โซฟาหรูหราที่ตั้งอยู่ตรงข้ามเขา ซึ่ง

ไม่เข้ากับโรงพยาบาลเลย

ชายคนหนึ่งกำลังนอนเอกเขนกบนโซฟา ซอกนิ้วที่เรียว ยาวได้รูปคืบบุหรี่เอาไว้ ควันจางๆ เริ่มลอยขึ้นมาจากแขนที่ กอดอก สายตาเขาดูราวกับจับจ้องไปที่ใดหนึ่งสักครึ่งนาที

เจียงตงเยี่ยมองตามสายตาเขาไป “นายมองอะไรอยู่นะ ชายคนที่สวมเสื้อเชิ้ตไหมสีดำเอนตัวซบบนโซฟาอย่าง สบายใจเฉิบ พร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “เอวบางใช้ได้

เขาหันหัวมาทางด้านข้าง เผยให้เห็นจมูกโด่งเป็นสัน ผิว เขาขาวราวหยวกกล้วย ชายหนุ่มกำลังหยีตาทำให้เห็นแผง ขนตาของเขาที่ยาวปกมาถึงขอบตาล่าง

ราวกับเพิ่งตื่นขึ้นมา เสียงเขาแหบและทุ่ม แต่แฝงไว้ ด้วยความแจ่มใสอยู่ในที่
เสียงชายผู้นี้แจ่มชัดทีเดียว

“หม” เจียงลงเยี่ยยังอ่านรายงานการแพทย์ไปเรื่อยๆ เลยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของตัวเอง

ชายหนุ่มบนโซฟามองตามร่างอ้อนแอ้นอรชรที่เปี่ยมด้วย เสน่ห์อย่างน่าทึ่ง และคิดในใจว่า เข้าใจได้ไม่ยากเลยว่า ทำไมทั้งเหล่าชายหญิงทุกคนในเมืองนี้ถึงได้คลั่งไคล้คุณชาย สามคนนี้นัก

“ไม่ใช่เรื่องของนายน่า” เฉิงเวียนก็เหยียดขาออกไป แล้วเอนหลังพิงกับพนักโซฟา ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ แล้วพูดต่อ พอนายจัดการภารกิจนายเรียบร้อยในสองวันนี้ ให้กลับ ปักกิ่งทันที”

“แล้วนายล่ะ” เจียงตงเยี่ยได้สติอีกครั้ง

นิ้วผอมเรียวนั้นดับบุหรี่ลงในที่เขีย

เฉิงเวียนลุกขึ้นยืน ขาของเขายาวและเหยียดตรง ดวงตาที่หลงดั่งมีหมอกเคลือบแฝง จากนั้นชายหนุ่มก็ยื่นมือ ทำท่าปัดเศษบุหรี่ที่ไม่ได้มีอยู่จริง แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ฉันมีภารกิจอีกอย่างต้องทำ

**
รถตระกูลหนึ่งจอดรออยู่ด้านล่าง
เฉิง

เป็นรถบีเอ็มดับเบิลยูคันสีดำมาพร้อมทะเบียนเมืองอวิ๋น

หลังจากพูดคุยกับคุณหมอเรียบร้อย หนึ่งฉันก็รีบพาฉันห ร่านและเฉินซูหลานกลับไปบ้านที่อวันเฉิงทันที

“ตระกูลหลินมีกฎเยอะแยะ แกอย่าไปแสดงนิสัยแย่ๆ ให้ เขาเห็นล่ะ ได้ยินที่ฉันพูดไหม” หนึ่งฉันเอียงคอแล้วคลึงขมับ ตัวเองก

ฉันหร่านมีเพียงเป้สะพายใบเดียวติดตัว เธอวางมันไว้บน หางตาชำเลืองไปทางแม่เล็กน้อยด้วยอาการง่วงเหงา หาวนอน และพยักหน้ารับไปส่งๆ

เด็กสาวมีขาเรียวตรง

ตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอดูเหมือนพวกอันธพาลข้างถนน หนึ่ง ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเด็กคนนี้จะเข้าใจสิ่งที่เธอพูดไปไหม

“ทำไมแกถึงง่วงขนาดนี้ฮะ เมื่อคืนไปขโมยอะไรมาหรือ เปล่า หลังจากแต่งเข้าบ้านตระกูลหลิน หนิงฉิน ก็กลายเป็น คนมีหน้ามีตามาถึงสิบสองปี แถมตอนนี้ เธอยังดูดียังมีสง่า ราศีอีกด้วย

สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดก็คือ สารรูปที่เหมือนอันธพาลข้างถนนเหมือนฉันฮั่นชิว ซึ่งอยู่ในตัวฉันหร่าน

ฉันหร่านหยิบหูฟังสีดำออกมาจากกระเป๋า เธอไม่ได้ตั้งใจ ฟังนัก “หนูไปเล่นเกมที่ร้านเน็ตมาทั้งคืนค่ะ

พอเธอเงยหน้าขึ้นมา หูฟังที่เสียบไว้จึงหลุดลงมาครึ่งหนึ่ง

ไปอยู่บนปกเสื้อและห้อยอยู่บนคอแทน

“แก ต่อไปห้ามแกไปร้านเน็ตอีก!” หนึ่งฉันมองไปดูสภาพ ขัดลูกตาของฉันหร่าน แล้วกัดฟันกรอดๆ “อย่าดื้อให้มันมาก นักนะ นี่ถ้าแกได้สักครึ่งนึงของอวี่เอ๋อร์ ฉันก็คงไม่ต้องมานั่ง ปากเปียกปากแฉะแบบนี้หรอก ตระกูลหลินต่างจากบ้านยาย ของแกมากนะ ทุกค่าพูดและการกระทำของแกจะส่งผลต่อ น้องแกได้ เพราะฉะนั้นต่อให้แกไม่สนใจตัวเอง ก็อย่าพาน้อง ซวยไปด้วยล่ะ”

แค่คิดถึงเรื่องที่ต้องหาเส้นสายและคุยกับหลินเพื่อให้ฉัน หร่านได้เรียนต่อมัธยมปลาย หนึ่งฉันก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น

ด้วยสถานการณ์ของฉันหร่านในปัจจุบัน ฉินหนิงกลัว เหลือเกินว่า ต่อให้พวกเขาจะค้นหาโรงเรียนทั่วเมืองแล้ว ก็จะ ไม่มีโรงเรียนไหนยอมรับเด็กสาวเข้าเรียนอยู่ดี

ฉันหนึ่งอาศัยรูปร่างหน้าตาที่สะสวยของเธอทำให้ได้แต่ง กับหลิน ซึ่งเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ภรรยาเสียชีวิต ฉันอเป็นเด็กที่ฉลาดมาตั้งแต่เล็ก หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู

เธอมีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมและมีความสามารถอันโดด เด่น แถมไม่เคยทำให้ตระกูลหลินต้องมากังวลใจเรื่องการ เรียนเลยแม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ใครต่อใครก็จะยกให้เธอเป็นแบบอย่าง

เสมอ

ครอบครัวหลินพอใจกับฉันอมากๆ

ส่วนตัวแล้ว หนึ่งฉันเองก็มีความสุขที่รับลูกคนเล็กมาอยู่

กับตระกูลหลิน

แต่การนำตัวฉันหร่านเข้ามานะเป็นคนละเรื่องเลย หนึ่งฉันไม่รู้สึกอยากอาหารกลางวันเลยด้วยซ้ำ

** เวลาสี่โมงเย็น รถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำมาจอดอยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูลหลินที่เมืองอวิ๋นเฉิง

“คุณผู้หญิงคะ” หญิงวัยกลางคนที่สวมเสื้อฟ้าก้าวมาเปิด ประตูรถ เธอแปลกใจเมื่อเห็นเฉินซูหลาน และ ฉินหร่าน อยู่ด้านหลังเบาะหนึ่งถึง

หนึ่งฉันรู้สึกจุกอกและไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ป้าจางคะ ช่วยพาแม่ของฉันและหร่านหร่านไปข้างในก่อน เดี๋ยวอเอ๋อร์ ก็จะเลิกเรียนแล้ว ฉันจะเป็นคนไปรับเอง

โดยปกติ การไปรับฉันอเป็นหน้าที่ของคนขับรถตระกูล

หลิน

แต่วันนี้หนิงฉินอาสาไปรับเธอลูกด้วยตัวเอง เพราะเธอ รู้สึกงุ่นง่านรำคาญใจ ไม่อยากรับมือกับฉันหร่านที่บ้าน เลย ขอออกไปสูดอากาศสักหน่อย

ป้าจางมองดูนายหญิงขับรถออกไป แล้วค่อยๆ หันกลับ มามองหน้าแขกสองคนด้วยท่าทีไม่ไว้วางใจ

“คุณป้า คุณฉิน” เธอกวาดสายตามองสองคนอย่างสงสัย ตั้งแต่หัวจดเท้า ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เชิญด้านในค่ะ

จากนั้นเธอก็หันหลังกลับแล้วเดินนำ ในขณะที่แขกทั้งคู่ไม่ได้มอง ป้าจางก็เบะปาก
เฉินหลานเดินตาม และมองไปยังอาคารโอฮาสไตล์

ยุโรปหลายอาคาร

จนเธอเผลอกที่ชายผ้าโดยไม่รู้ตัว

พวกเขาหยุดอยู่ที่หน้าห้องโถง ขณะนั้น ป้าจางกำลังจะ หยิบรองเท้าแตะสำหรับเดินในบ้านออกมา

แต่เฉินซูหลานกลับก้าวเข้าบ้านไปโดยที่ยังใส่รองเท้าอยู่ หลังก้าวเข้าไป หญิงชรามองกลับมาแล้วเห็นว่าป้าจาง กำลังจ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจ

แม้ว่าเธอจะมาจากชนบท แต่เฉินซูหลานก็รักความ สะอาดสะอ้าน ปกติแทบจะไม่มีขี้ฝุ่นติดเท้าหรือเสื้อผ้าของเธอ เลยด้วยซ้ำ

สายตาจ้องเขม็งของป้าจางทำให้เธอรู้สึกอึดอัด แต่ด้วย ความที่หลานสาวอยู่ข้างๆ ตัว เฉินซูหลานจึงพยายามเต็มที่ที่ จะไม่ใส่ใจกับสายตาของป้าแม่บ้าน และยืดหลังตรงเข้าไว้

เธอถอยหลังกลับ ทำท่าจะเปลี่ยนรองเท้า แต่ป้าแม่บ้าน ได้เก็บรองเท้าแตะเข้าที่ไปเรียบร้อยแล้ว

บ้านของตระกูลหลินมีห้องรับรองแขกมากมายป้าจางยังไม่รู้แน่ชัดถึงทัศนคติของหนังฉิน ในตอนนี้ เธอนำ แขกทั้งสองไปยังห้องที่อยู่ชั้นสาม

ตรงมุมของชั้นสอง มีห้องหนึ่งที่ประตูเปิดอ้าไว้ครึ่งหนึ่ง ภายในห้องมีไวโอลินราคาแพงตั้งอยู่

ฉันหร่านเหลือบมองดูห้องนั้นอีกครั้ง

ป้าจางที่ชำเลืองเห็นกริยาท่าทางของฉันหร่านเลยพูดขึ้น มาว่า “นี่เป็นห้องสีไวโอลินของคุณหนูรอง

ฉันหร่านเลิกคิ้ว แล้วจึงเดินตามคุณป้าแม่บ้านไปอย่าง เรื่อยเปื่อย เธอคิดเล่นๆ ว่าฉันอวี่คงต้องเป็นที่โปรดปรานของ ตระกูลหลินแน่

ห้องรับรองแขกด้านบนดูที่มๆ เล็กน้อย

“นี่ห้องน้ำนะคะ พวกคุณรู้วิธีใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ใช่ไหมคะ ป้าจางเปิดประตูห้องน้ำให้ดู แล้วถามราวกับแขกทั้งสองเป็น มนุษย์ถ้ำ

ฉันหร่านนั่งงอขาข้างหนึ่งอยู่บนโต๊ะเตี้ย เอามือมาจับ ดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะเล่น โดยที่แขนเสื้อพับขึ้น

ปรากฏข้อมือขาวนวลของเธอ
“พวกคุณพักผ่อนกันก่อนนะคะ หากต้องการอะไร เรียก

ดิฉันได้ ตอนนี้ขอตัวไปข้างล่างก่อนค่ะ ป้าจางพูดอะไรอีก สองสามอย่าง ก่อนลงไปช่วยงานที่ครัว

หลังจากเธอเดินออกไป ฉันหร่านก็ล็อกประตู

เฉินหลานมองดูห้องที่สวยงามอย่างไร้ที่ติ ครุ่นคิดอยู่สัก ครู่ ก่อนจะยิ้มออกมา “ป้าจางคนนี้น่ะ ดูแล้วน่าจะเข้าด้วย ได้ค่อนข้างง่าย ครั้งหน้าหลานกับแม่ของหลาน เฮ้อ ฉันหร่านเทของที่อยู่ในเป้เธอลงบนโต๊ะ

เธอเลิกคิ้วขึ้น แต่ไม่พูดอะไร

เฉินซูหลานมองดูหลานสาวเล่นกับสิ่งของๆ เธอ โดยไม่ ได้ทักท้วงอะไร เจ้าหลานคนนี้มีอะไรแปลกๆหลายอย่างที่เดียว

ครั้งที่แล้ว เธอเห็นในบาซูกาวางอยู่บนโต๊ะ เธอกลัว จับใจ แต่ฉันหร่านกลับบอกเธอตอนหลังว่า มันเป็นแค่ปืนของ เล่น

ฉันหร่านนั่งงอขาอยู่บนโต๊ะ แล้วก็เล่นของที่อยู่ในเป้เธอ จากนั้นเธอวางแล็ปท็อปที่ไม่มีโลโก้และไม่มียี่ห้อ ซึ่งอยู่ใน สภาพค่อนข้างใหม่ลงบนโต๊ะอย่างไม่ได้ระวังนัก
หลังจากนั้น เธอหยิบโทรศัพท์มือถือที่หนักมากออกมา หนึ่งเครื่อง

แล้วก็โยนมันลงบนโต๊ะ

ฉันหร่านเป็นคนที่ข้าวของรกรุงรังตลอดเวลา เธอหยิบ ขวดพลาสติกสีขาวออกมาจากกองข้าวของ

ตอนที่หยิบมันขึ้นมา ขวดน้ำก็ส่งเสียงน้ำที่กระเพื่อมอยู่

ด้านใน

ด้านนอกขวดมีอักษรคิว ซึ่งเขียนด้วยหมึกสีดำอย่างโย้เย้ และมีโน้ตติดไว้

เธอฉีกกระดาษโน้ตเหนียวทิ้ง ขีดๆ เขียนๆ อักษรลงบน กระดาษ มองดูอยู่สักพัก แล้วก็โยนมันทิ้ง

เธอถือแค่ขวดพลาสติกขาวไว้ในมือ เอียงคอมองดูที่คุณ

ยาย จากนั้นก็โยนขวดกลับเข้าไปในกองสิ่งของ

ผ่านไปสักพัก ป้าจางก็มาเคาะประตู

“ตอนนี้คุณผู้ชายและนายน้อยกลับมาแล้ว และคุณท่าน อยากพบพวกคุณทั้งคู่ข้างล่างค่ะ

**

หลินฉีกำลังกระซิบกระซาบกับหลินจิ้นเซวียนอยู่ด้านล่าง

สุดท้าย หนึ่งฉันก็รับตัวลูกสาวกลับมาจนได้ ภรรยาเขา ไม่มีความกล้าที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง แล้วยังโทรหาหลิน ตอนที่อยู่โรงพยาบาลอีก

“พ่อได้ยินมาว่า เธอออกจากโรงเรียนมาเป็นปีหลังก่อ

เรื่องร้ายแรง แถมยังเป็นหัวโจกตัวปัญหา การรับเด็กคนนี้มา อยู่ที่นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่ายอมรับได้นัก” หลินคิดถึงคำขอของ ภรรยา เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความกังวล

เขาคิดว่า เพราะฉินอวี่เป็นเด็กที่เชื่อฟัง พี่สาวก็คงไม่แย่ นัก เลยไม่ได้ถามอะไรมากมาย

แต่ตอนนี้ปัญหากลับมาอยู่ตรงหน้า ตระกูลหลินไม่เคยมี ตัวปัญหาในบ้านมาก่อน

หลินจิ้นเซวียนทำหน้านิ่ว ขณะที่พาดมือข้างหนึ่งไว้บน โซฟา เขาเอียงคอ กดมือถือราวกับว่ากำลังคุยกับใครสักคน

อยู่

เด็กหนุ่มไม่ได้ยกหัวขึ้นมาด้วยตอนที่พ่อเขากำลังพูด ด้วย และเห็นได้ชัดว่า เขาเองก็ไม่ได้สนใจจะฟัง

แต่พอได้ยินเสียงเดินลงบันไดมา เขาจึงเหลือบตาขึ้นไป มองโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ต้องตะลึงหลินจิ้นเซวียนอึ้งไปชั่วขณะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ