บทที่ 1 เธอทำลายทุกอย่างในชีวิตของผม
ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่ช่วยผู้หญิงคนนี้อีก แม้ว่า จะต้องดูเธอถูก……..
ในปีนั้นผมนั่งทานข้าวกับลูกค้าในโรงแรม ขณะที่เดินผ่าน ห้องวีไอพีห้องหนึ่งก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลืออันแผ่น เบา ผลักประตูออก ผมเห็นสาวสวยคนหนึ่งถูกคนกดตัวลงกับ พื้น
เสื้อผ้าพะรุงพะรัง หน้าอกเปลือยครึ่งหนึ่ง ขาเรียวยาวสวยที่ สวมถุงน่องสีดำถูกคนบังคับให้แยกขาออก เธอมองมาที่ผมด้วย ดวงตาอันพร่ามัว สายตาแฝงไปด้วยการขอร้องอ้อนวอนและ ความหวัง
ผมเลือดขึ้นหน้าในทันที รีบพุ่งตรงเข้าไปต่อสู้กับชายตัวอ้วนที่ คร่อมอยู่บนร่างเธอ
สาวสวยคนนั้นอาศัยจังหวะนี้วิ่งหนีออกจากห้องวีไอพี ขณะที่ ผ่านผมไป ผมเห็นความนุ่มนิ่มทั้งสองก้อนที่ทำให้คนรู้สึกปาก แห้ง ยังมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ยังคงไว้ซึ่ง ความสวยงาม
ชายตัวอ้วนคนนั้นเมามาก ปากของเขาด่ากราดไม่หยุด เขา ถูกผมต่อยจนเลือดท่วม ทางโรงแรมรีบโทรศัพท์แจ้งความ ผม ถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจ
วันนั้น เป็นวันที่เปิดฉากชีวิตที่มีนมนของผม
ชายตัวอ้วนคนนั้นกล่าวหาว่าผมทุบตีเขาอย่างไร้เหตุผล ทําให้เขาสมองกระทบกระเทือน เขาไม่เพียงต้องการให้ผม ชดใช้ค่ารักษา ยังจะดำเนินคดีผมโทษฐานเจตนาทำร้ายร่างกาย
ในตอนเริ่มแรกผมยังคงพูดด้วยความใจเย็นว่าตัวเองกำลัง ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่หลังจากนั้นตำรวจบอกกับผมว่า ในที่เกิด เหตุไม่พบหลักฐานของหญิงสาวคนนั้น อีกทั้งในคืนนั้นกล้อง วงจรปิดของโรงแรมยังเสียอีกต่างหาก ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ตอนนี้มีเพียงความจริงที่ว่า ผมจงใจทําร้ายชายตัวอ้วน
ทันใดนั้นหัวใจของผมถึงกับเย็นวาบ แต่ผมยังคงหวังว่าผู้ หญิงที่ผมช่วยไว้จะก้าวออกมา แต่ผมคิดผิดไป
สาวสวยคนนั้นไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย เธอเหมือนกับ หายตัวไปจากโลกแล้ว
สุดท้าย ผมถูกตัดสินจําคุกสามปี ในข้อหาจงใจทำร้ายและ ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส
ยังต้องชดใช้หนึ่งแสนเจ็ดหมื่น สำหรับค่ารักษาพยาบาลของ ชายตัวอ้วนคนนั้น รวมถึงค่าชดเชยการเยียวยาด้านจิตใจ เงิน ออมที่ผมทำงานอย่างลำบากตรากตรำมาสี่ปี หายไปในพริบตา
ข่าวการจําคุกของผมแพร่กระจายไปทั่วบ้านเกิด พ่อของผมที่ เข้มแข็งมาทั้งชีวิตต้อง โรคเก่ากำเริบ เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แม่ ก็ร้องไห้หนักจนตาบวมแดง
ก่อนจะเข้าคุก แฟนสาวที่คบกันมาห้าปีบอกว่าจะรอผม แต่ เธอไปเยี่ยมผมที่เรือนจํนับวันยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายส่ง จดหมายมาบอกเลิกกับผม บอกว่าเธอไม่อยากรอแล้ว
วันเวลาที่อยู่ในเรือนจํา เป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตของ ผม ผมเปลี่ยนเป็นคนอารมณ์ร้อน โมโหง่าย มักมีเรื่องชกต่อย กับคนอื่นอยู่เสมอๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่รอยแผลน่ากลัว
หลังจากที่ออกจากเรือนจํามา ผมอยากจะเอาความรักกลับคืน มาจนแทบทนไม่ไหว แต่ในตอนที่ผมไปหาแฟนสาวที่บอกว่าจะ รอผม เธอกลับควงแขนผู้ชายคนหนึ่ง
คนที่ขับรถออดี้A8 เป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาแถมยังเป็น ผู้ใหญ่ คู่ควรกับแฟนสาวที่เคยคบกับผมก่อนหน้านั้นมาก
ผมตกตะลึง อยากจะเข้าไปถามกับเธอด้วยความโกรธ แต่ผม กลับยอมแพ้ มองดูเธอขึ้นรถออดี้ของผู้ชายคนนั้นอย่างเหม่อ ลอย แล้วจากไป
ผมจำเนื้อความท้ายจดหมายของเธอได้ ฟางหยาง ฉันเจอคน ที่ดีเหมือนนายแล้ว นายลืมฉันซะเถอะ
ผมยิ้ม ยิ้มอย่างขมขืน เดินตามถนนในเมืองเซิ่งไม่เพียงลำพัง สูบบุหรี่ดื่มเหล้า จนเหนื่อยแล้วนั่งลงกับพื้น…..…..
ผมเริ่มหมกมุ่นกับบุหรี่และแอลกอฮอล์ ใช้บุหรี่และ แอลกอฮอล์ทำให้ตัวชินชา และเปลี่ยนเป็นคนที่ชอบหัวเราะขึ้น เรื่อยๆ หัวเราะอย่างหยาบคายและไร้เหตุผล
ในตอนเริ่มต้นผมยังเกลียดผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่ถูกผมช่วย ก่อนหน้านั้น ผู้หญิงที่ไม่ยอมมาเป็นพยานให้กับผม
เธอเป็นคนที่ทำลายทุกอย่างในชีวิตของผม
แต่วันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไป ผมค้นพบว่าเกลียดคนคนหนึ่ง ไม่มีประโยชน์อะไร มันมีแต่ทำให้ตัวเองเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ
ด้วยเหตุนี้ผมจึงลองปลุกใจขึ้นมาอีกครั้ง คนที่เคยมีประวัติติดคุกหางานไม่ง่าย ผมต้องพบเจอกับการ ดูถูกเยาะเย้ยครั้งแล้วครั้งเล่า
โชคดีที่ฟ้าย่อมมีทางออกให้คนเราเสมอ บริษัทซอฟต์แวร์ แห่งหนึ่งกำลังแย่งออเดอร์ใหญ่ออเดอร์หนึ่งของประเทศไทยอยู่ จึงได้คัดเลือกกลุ่มบุคลากรด้านเทคโนโลยีและการตลาดที่พูด ภาษาไทยได้
พอดีกับ ตอนที่ผมเรียนการค้าระหว่างประเทศ วิชาเลือกคือ วิชาภาษาไทยพอดี
บางทีอาจจะเป็นเพราะความเร่งรีบ บริษัทนั้นจึงไม่ได้ตรวจ สอบประวัติแฟ้มคดีของผม โชคดีที่ผมผ่านการสัมภาษณ์ในครั้ง สุดท้าย ในที่สุดก็พบงานที่ตนเองสามารถลงหลักปักฐานได้
สิ่งนี้มันทำให้ผมมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ในวันแรกของการทำงาน ผมสวมชุดเรียบร้อย เดินทางมาที่ บริษัทเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง หลังจากที่เสร็จสิ้นขั้นตอนการ เข้าทำงาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลคนหนึ่งพาผมมาที่ห้องทำงานของหัวหน้าฝ่ายการขาย เพื่อให้ผมเข้าพบกับหัวหน้างาน
ได้ยินเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลบอกว่า หัวหน้าของผมคือลูกสาว ของบอสของบริษัท กลับมาจากเมืองนอก หน้าตาสวยกว่าดารา สาวในโทรทัศน์อีก เพื่อนร่วมงานชายหลายคนในบริษัทต่าง แอบชอบเธอ
พอเปิดประตูห้องทำงานออกมา ในตอนที่ผมเห็นด้านหลังของ โต๊ะทำงานกว้าง มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยครบเครื่องคนหนึ่งนั่ง อยู่ ผมถึงกับตะลึงงันไปในทันที
ภาพที่ซ่อนลึกในสมองจู่ๆก็วาบออกมา ใบหน้าสวยหวาดผวา นัยน์ตาสวยเปล่งประกาย แววตาสั่นระริก และความนิ่มนวล
ผมคาดไม่ถึงว่า หญิงสาวที่ผมเคยช่วยเหลือเมื่อสามปีที่แล้ว คนที่ทำให้ผมต้องติดคุก ผู้หญิงที่ทำให้ผมสูญเสียทุกอย่างใน ชีวิตไป
เธอก็คือหัวหน้าของผม
น้ำตาของพ่อแม่รินไหล ในตอนที่ผมต้องเข้าคุก ชีวิตอันมืดมน ภายในคุก แฟนสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของคนอื่น……..
ภาพของเหตุการณ์ในอดีตที่ไม่อาจทนได้วนเวียนอยู่ในสมอง ของผมอย่างบ้าคลั่ง
ความเกลียดชังที่ถูกระงับเป็นเวลาสามปี กระแทกเข้าสู่หัวใจ ของผมดั่งกระแสน้ำที่ไหลบ่าเข้ามา
“ฟางหยาง นี่ก็คือประธานไปหัวหน้าฝ่ายการขายของบริษัท เรา”เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลไม่ได้สังเกตเห็นความแปลกประหลาด ของผม ดังนั้นเขาจึงช่วยแนะนำอยู่ด้านข้างอย่างสุภาพ
ผู้หญิงคนนั้นสวยมากๆ แต่กลับเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมเกลียด มาก ราวกับว่าสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของผม เธอ จึงขมวดคิ้วเป็นปมแล้วมองมาที่ผม เหมือนกับนึกอะไรบางอย่าง ขึ้นมาได้
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อไปเลยค่ะ ขออนุญาตสอบถามนะคะเราเคย
เจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่าคะ?”จู่ๆเธอก็เอ่ยถามขึ้นมา
“เหอะ”ผมอดที่จะหัวเราะอย่างเย้ยหยันไม่ได้” แน่นอนว่าเรา เคยเจอกัน ผมยังเคยเห็นประธานไปแยกขาของตัวเอง ท่าทาง เหมือนต้อนรับผู้ชาย!”
ไปเวยสีหน้าขรึมลง “คุณหมายความว่าไง ระหว่างเรามีอะไร เข้าใจผิดหันรึเปล่าคะ?”
“เข้าใจผิด?”ผมหัวเราะอย่างเย้ยหยันอีกครั้ง
“จริงด้วยสินะ ถ้าครั้งนั้นผมไม่เข้าใจผิด ไม่พุ่งตัวเข้าไป ควร จะยืนดูชายตัวอ้วนคนนั้นทับอยู่บนร่างของประธานไป แล้ว…….
“หุบปากนะ!”
ใบหน้าของไปเวยแดง หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงไม่
หยุด
“ประธานไปนึกออกแล้วเหรอว่าผมคือใคร?”
ไปเลยเหมือนกำลังควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่ หลังจากที่ สงบจิตสงบใจได้เล็กน้อย เธอจึงหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ฝ่าย บุคคลที่ทำตัวไม่ถูกหนึ่งประโยค”คุณออกไปก่อนเถอะ”
เจ้าหน้าที่คนนั้นอ้าปากพะงาบๆ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออก ไปแม้แต่คําเดียวแล้วรีบเดินจากไป
หลังจากที่ปิดประตูได้แล้ว ไปเวยก็จ้องมองมาที่ผม แล้วพูด ว่า”สามปีก่อน ที่โรงแรมวินา คนที่พุ่งเข้ามาในห้องวีไอพีคือคุณ งั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว”
“เป็นคุณจริงๆ”สีหน้าของไปเวยซับซ้อนเล็กน้อย เธอจึง กล้ำกลืนหัวเราะอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า
“ตอนนั้นฉันตกใจมาก เลยเห็นหน้าของคุณไม่ชัด และด้วย เหตุผลบางอย่างหลังจากนั้น ฉันจึงไม่สามารถไปขอบคุณด้วยตัว เอง ดังนั้น…….คุณเลยมาหาฉันโดยเฉพาะเหรอคะ?”
“มาคุณ?” ผมหลุดหัวเราะอย่างเย็นชา “คุณคิดมากไปแล้ว ผม มาที่นี่เพื่อทำงานเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าฟ้าจะมีตา ทำให้ผมได้ พบกับคุณ”
ไปเวยถอนหายใจ” ในเมื่อเป็นความบังเอิญ งั้น…….ฉันควรจะ ขอบคุณอย่างจริงจัง ขอบคุณที่ช่วยฉันในตอนนั้นนะคะ”
“เหอะๆ คุณคิดว่าแค่บอกขอบคุณคำเดียวก็พอแล้วงั้นเหรอ?” ไปเวยลุกขึ้นมาจากเก้าอี้โต๊ะทำงาน หยิบการ์ดใบหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าหรูราคาแพง แล้วยื่นมาให้ผม
“ในบัตรใบนี้มีเงินหนึ่งล้าน ถือว่าเป็นค่าชดใช้ให้กับคุณนะ คะ”
“ชดใช้? “ผมรู้สึกเลือดขึ้นหัวทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ