ประธานจอมหั่นสุดชา

ตอนที่ 6 ถ้ามีความต้องการมากเกินไปก็ไม่ควรไปทำงาน



ตอนที่ 6 ถ้ามีความต้องการมากเกินไปก็ไม่ควรไปทำงาน

ไม่อได้ยินสิ่งที่น้องชายคุยโทรศัพท์ทั้งหมดแล้ว เห้อห้าวพอ เห็นพี่ชายกำลังหันหัวมามองตัวเองอยู่ ก็รีบวางสายอย่าง รวดเร็ว แล้วก็เปิดเครื่องดักฟังที่ติดตั้งไว้นานแล้วขึ้น

เห้อห้าวตั้งแต่ที่ทราบว่าพี่แต่งงานแล้ว ก็รีบไปสืบเรื่องราว ต่างๆ ทําให้ทราบถึงเรื่องแตกหักกันภายในตระกูลฉิน

บทสนทนากันที่เกิดขึ้นในอพาร์ทเม้นท์ก็ดังออกมาเข้าหูของ ชายหนุ่มทั้งสอง

เห้อห้าวที่ฟังอยู่ก็พยายามจะห้ามไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา

แม้ว่าเขาจะพยายามแล้ว แต่ก็ยังหัวเราะจนไหล่สั่นไม่หยุด

บาร์โฮส?

เห้อห้าวพลางหัวกลั้นขำ พลางคิดภาพของพี่ใหญ่ที่ยิ้มอย่าง น่ากลัวแล้วโบกมือรับแขกขึ้นในหัว ช่างน่าขันซะจริง

แต่พูดจริงๆแล้ว พี่สะใภ้คนนี้น่าสนใจจริงๆ พี่เป็นถึงคนมี อิทธิพลระระดับต้นๆของเมืองกังซื่อ เขาเดินไปที่ไหน ไม่มีใคร กล้าหือกับเขา

ทำไมหล่อนถึงคิดว่าคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะเป็นแค่บาร์โฮส ได้ล่ะเนี่ย?

เพราะว่าเขาดูเป็นคนเลวเกินไป หรือว่าฝีไม้ลายมือบนเตียงบาร์โฮส

ในของสี่โมอได้ยินคำขึ้นไปมา ห้าวที่จน สั่น ก็ยิ้มแล้วเดินออกไปจากออฟฟิศ

จริงแล้วเขาอยากเหมือนกันว่า ผู้หญิงอ่อนแอยังค่เย้ยหยันและเสียดสีของน้องสาวตัวเองได้อยู่ สามีที่เป็น บาร์โฮสของตนไปงาน หรือว่าพาอื่น

แววของโม่อวี่ดูเฉียบคมทันที แผลเป็นที่หน้าผา กราวกับว่าชีวิต

หลังจากที่ไม่อวี่เปิดออก เขามีความรู้สึกเหมือนกลับ มาบ้าน

เสียงกับคละคลุ้งของอาหาร

พอลงมอง ตรงทางเข้ามีรองเท้าส้นสูงขาวๆมีรองเท้าแตะของผู้ชายวางอีกคู่

รองเท้าแตะผู้ชาย

โม่อยืนอบอุ่นออกมาจากใจ

ฉันอีหลินปล่อยก็ใช้ยางผมสีมัดในมือยกอาหารคลุ้งไปด้วยไอร้อน

หล่อนหันสายตามาเห็นโมอวี่ที่กำลังเปลี่ยนรองเท้าแตะอยู่ โดยเฉพาะเห็นเขากำลังเปลี่ยนรองเท้าที่ตัวเองซื้อมาคู่นั้น สีหน้า ของฉันอีหลินเริ่มจะไม่เป็นตัวของตัวเอง ในใจเริ่มรู้สึกไม่ปกติ

“นายมาได้ยังไง?”

ฉินอีหลินก้มหัวลงมองนาฬิกาข้อมือ แล้วหันหัวกลับมามอง โม่อใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

“ใกล้จะสองทุ่มแล้ว คืนนี้นายไม่ต้องไปทำงานเหรอ?” พอลโม่อเห็นฉันอีหลินที่กำลังใส่ผ้ากันเปื้อน ใจเหมือนถูก ชนแรงๆเข้าอย่างจัง

เขาอธิบายไม่ได้ว่านี่คือความรู้สึกอะไร หล่อนดูน่าจะอบอุ่น พอสมควรแถมยังรู้สึกผูกพัน เขาชอบความรู้สึกแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้และก็กลิ่นหอมของอาหารที่คลุ้งคลุ้งแบบนี้

ทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง เหมือนกับความฝัน ฝันที่ทำให้เขารู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก

แต่ว่าคำพูดล่าสุดของฉันอีหลินทำให้โม่อกลับสู่ความจริง

และตระหนัก “สถานะ” ของเขาในตอนนี้

“คุณก็เคยพูดไว้ว่า ถ้ามีความต้องการมากเกินไปก็ไม่ควรไป ทํางาน ดังนั้นผมก็เลยกลับมานี่ไง

โม่อยิ้มมุมปากอย่างขี้เล่น คำพูดที่พูดก็ดูกำกวม ในขณะเดียวก็กวาดด้านหน้าอย่างไม่เกรงใจ

“นาย นายโดดงาน”

สายของโม่อวี่ทำให้ฉันอีเผลอคิดถึงความบ้าคลั่งช่วงกลางวัน รอยขบ

หล่อนพยายามที่ปกปิดหน้าที่อึดอัดของตัวเอง แต่ว่า ภายในสายตาร้อนรุ่มของโม่อ เดินปกติได้แล้วเหมือนเริ่มกลับไปอ่อนแรงอีกครั้ง

หล่อนพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองดูอ่อนแอ ฉินหลินกัดฟัน พร้อมเอาอาหารมาป้องกันกับสายตาร้อนรุ่มของโม่อ

ทําไมนายไม่กลับบ้าน แล้วมาทำอะไรบ้านของฉัน?

โม่อได้ยินแล้วคิ้วกระตุก จ้องมองกึ่งยิ้มใบหน้า แดงของฉันอีหลิน แล้วหยิบกุญแจออกเป็น

พอเห็นท่าทางของผู้ชายคนแล้ว ฉันอีก็นึกมาว่า

เพื่อที่จะปกปิดความเขินอาย ฉินหลินดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่ง ลงโม่อวี่ สักพักก็ถึงสัญญาอยู่ห้องนอนขึ้นมา แล้วขึ้น
“เอ้อ……เมื่อตอนกลางวัน ฉันปริ้นใบสัญญาออกมาแล้ว เดี๋ยวนายดูสักหน่อยแล้วกัน ถ้าไม่มีคำถามอะไรแล้วก็รบกวน นายเซ็นชื่อด้วย”

ฉินหลินกลืนน้ำลายหนึ่งอีกแล้วพูดต่อ: “ฉันหวังว่าจะไม่เกิด เรื่องเหมือนสองวันก่อนขึ้นอีก

ฉินอีหลินพบว่าสีหน้าของโม่อเย็นชา ความกดอากาศใน ห้องดูเหมือนจะลดต่ำลง

เพื่อที่ไม่ให้บรรยากาศในห้องดูแย่ลง ฉินหลินเอาอาหารที่ เพิ่งทำเสร็จเลื่อนไปไว้อยู่ด้านหน้าของโม่อ

พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคล้าเคลีย: “ถ้าอย่างนั้นกินด้วยกันไหม ล่ะ?”

โม่อมองอาหารที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าจะเป็นอาหารที่เรียบ ง่าย ไม่ดูดีเท่าอาหารในโรงแรม แต่ก็ทำให้ความอยากอาหาร ของเขาเพิ่มขึ้นมามาก จากนั้นก็เริ่มกินอย่างไม่เกรงใจใคร

เขาเมื่อก่อนกินแต่อาหารภัตตาคารไม่ก็โรงแรม นานแล้วที่ไม่ ได้กินอาหารที่บ้านแบบนี้ ถึงขนาดที่เขาลืมไปแล้วว่าอาหารแบบ นี้รสชาติเป็นอย่างไร

ฉันอีหลินมองชายที่อยู่ด้านหน้ากินอาหารจนเกลี้ยงจาน หล่อนแทบจะร้องไห้ออกมา

หล่อนเพิ่งจะคีบอาหารได้ชิ้นเดียว ที่เหลือก็ถูกโม่อวี่ “กวาด เรียบ” จนเกลี้ยง แอบบ่นๆว่าทำไมเขากินไม่เหลือให้ตนบ้างเลยสักนิด

แต่ว่าพอเห็นคนกินอาหารที่ตนทำจนหมดเกลี้ยงขนาดนี้ ใน

ใจของหล่อนก็รู้สึกอิ่มเอมไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ฉินหลินมองค้อนไปที่โอพร้อมกับในหัวก็คิดแย้งไปแย้ง มาแบบนี้อยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็เก็บจานบนโต๊ะ ลุกขึ้นเอาจาน

ไปล้างที่ห้องครัว

โอวี่ที่กินอิ่มแล้วก็นั่งพักลงบนโซฟา มองดูฉินหลินที่กำลัง ยุ่งอยู่ในครัว

เขาเพิ่งพบว่า เสียงจานชามกระทบกันมันเพราะขนาดนี้ ใน บ้านมีคนทําอาหารให้มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ

มันทำให้เขาอดคิดไปถึงก่อนหน้านี้ตอนที่เปิดประตูเข้ามา

แล้วได้กลิ่นของอาหารลอยคละคลุ้ง แล้วที่หน้าประตูก็มีรองเท้า แตะวางไว้ไหนจะฉินหลินที่ใส่ผ้ากันเปื้อนที่กำลังทำอาหารอยู่ มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาเหมือนกับสามีที่เพิ่งจะเลิกงานแล้วก

ลับมาบ้าน

ผู้หญิงที่อยู่ในครัวก็คือภรรยาที่กำลังเตรียมอาหารให้กับสามี พวกเขาเป็นคนในครอบครัว ถึงแม้ว่าจะมีปากเสียงเป็นครั้ง คราว ทะเลาะกันบ้าง แต่ก็จะไม่มีทางจากไปไหนเช่นกัน

บรรยากาศแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่อวี่โหยหามาโดยตลอด แต่ว่า หลายปีมานี้ วันๆเขากินอยู่แต่ในปาร์ตี้และห้องจัดเลี้ยง มีทั้งไวน์ แดง เสต็ก อาหารแพงๆมากมาย แม้ว่าจะมีคนสวยๆงามๆนับไม่ถ้วนคอยปรนนิบัติ

แต่กลับไม่มีใครที่ยอมมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกับเขาจริงๆ จังๆสักคน ชีวิตที่ผ่านไปวันๆแบบนี้ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยและ อับจนหนทางอยู่เหมือนกัน

จนถึงวันนี้ฉินหลินก็เข้ามา ทำให้เขาได้เห็น ได้เห็นสิ่งที่เขา

โหยหามาโดยตลอด จู่ๆก็คิดขึ้นได้ว่าถ้าใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอด ก็ไม่เลวดีเหมือนกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ