Ep.3
เมื่อโดนจ้องมองด้วยสายตาคมคู่นั้น สงสัยคงจะเป็นพวก อยากซื้อตัวเธอไปนอนด้วยอีกรายกระมัง ถึงแม้ว่าจะเริ่มชินกับ การที่มีพวกเสี่ยๆ ทั้งหลายทั้งเสี่ยเล็กเสี่ยใหญ่ที่คอยจะตะครุบ เธอถ้าทำได้ แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกหวั่นๆ ใจยังไงพิกลเพราะเธอมี ความรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก
ณัฐกานต์เพิ่งมาทำงานที่ผับนี้ได้ไม่ถึงเดือนหญิงสาวจึงไม่รู้ ว่าทัพเทวินทร์เป็นแขกประจำของที่นี่และไม่เคยเห็นหน้าชาย หนุ่มมาก่อน หญิงสาวจึงเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจร่างสูงใหญ่ขึ้นมาทันทีที่ เธอมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
“ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรให้ดิฉันรับใช้เหรอคะ” เสียงหวานใส เอ่ยถามออกไปตามมารยาท
ทัพเทวินทร์ทราบมาจากพนักงานเสิร์ฟหนุ่มแล้วว่าเด็กสาว แค่เพียงมาหารายได้พิเศษแค่เต้นรำเท่านั้นไม่ได้มาขายตัว แต่มี หรือที่คนอย่างเขาจะเชื่อใครง่ายๆ ถ้ายังไม่ได้พิสูจน์ บางทีหญิง สาวก็อาจจะโกหกเพื่อโก่งค่าตัวก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ชายหนุ่มก็ อยากจะลองใจหญิงสาวเหมือนกันว่าถ้าหากเขาเสนอเงินให้เธอ มากพอ สาวโคโยตี้เช่นเธอจะยังปฏิเสธเงินของเขาอยู่อีกหรือ เปล่า
“ถ้าคืนนี้ฉันขอให้เธอนั่งดื่มเป็นเพื่อนฉันจะได้หรือเปล่า”
“นั่งเป็นเพื่อนได้ค่ะแต่ไม่ดื่ม แต่ว่าตอนนี้ดิฉันไม่ว่างแล้วค่ะเพราะได้เวลากลับบ้านแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ร่างบางพูด จบก็ทำท่าจะเดินหนีแต่คำพูดที่ทรงพลังอำนาจของชายหนุ่ม เปรียบเหมือน โซ่ที่กระชากหญิงสาวเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป โอเคงั้นฉันขอถามเธออีกครั้ง ว่าถ้าฉัน จะขอให้เธอไปนั่งเป็นเพื่อนฉันที่ห้อง เธอจะคิดค่าบริการเท่า ไหร่”
นั่นไงล่ะ ในที่สุดชายหนุ่มก็เผยได้ออกมาจนได้ ผู้ชายรวยๆ ก็เหมือนกันหมดทุกคน เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นที่ซื้อได้ด้วย เงิน หญิงสาวละเกลียดนักผู้ชายประเภทนี้
“ขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันแค่มาแดนซ์อย่างเดียวค่ะไม่ได้มา ทําอย่างอื่น”
“แล้วถ้าฉันให้เธอเท่านี้ล่ะเธอยังจะกล้าปฏิเสธอีกมั้ย” มือ
หนาเขียนอะไรยิกๆ ที่กระดาษแผ่นหนึ่งก่อนจะกรอกตัวเลขลงไป
แล้วยื่นมันให้เธอ
“นี่คุณ! ฉันบอกคุณแล้วไงคะว่าฉันไม่ขายตัว ได้ยินชัดมั้ย คะ” ร่างบางเริ่มสั่นเทิ้มด้วยความโมโห เสียงดังมากขึ้นตาม อารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น ใช่อยู่ตัวเลขที่ชายหนุ่มเขียนให้มันมากกว่า รายได้ที่เธอทำงานมาทั้งปีรวมกันเสียอีก แต่หญิงสาวก็ไม่คิดที่ จะแคร์สิ่งที่เขาหยิบยื่นให้ กลับยิ่งรู้สึกขยะแขยงผู้ชายตรงหน้านี้ มากขึ้น ผู้ชายอะไรหน้าตาก็ดีแต่นิสัยแย่ชะมัด เขาเห็นผู้หญิง เป็นแค่ของเล่นหรือยังไงกัน ถึงได้ขอซื้อต่อรองราคากันเป็นผัก เป็นปลาแบบนี้
“โอกาสดีๆ ไม่ได้มีมาง่ายๆ นะคุณ คิดดูดีๆ สิ คุณต้องเต้น ไปอีกกี่คืนต้องรับแขกไปอีกสักกี่คนคุณถึงจะได้เงินมากมาย ขนาดนี้ แค่ไปกับผมคืนเดียวมันไม่สึกหรอเท่าไหร่หรอกน่า ดีไม่ คุณอาจจะติดใจผมก็ได้นะ
เผียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังสนั่นหวั่นไหว ใบหน้าหล่อเข้ม คมคายของร่างสูงใหญ่หันไปตามแรงตบเล็กน้อย ตามมาด้วย รอยแดงเป็นปื้นบนใบหน้าที่เริ่มเหี้ยมเกรียมนั้น
ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน ดวงตาที่เปล่งประกายวาวโรจน์ดั่งมีเปลวไฟร้อนแรงอยู่ภายใน ช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก โดยเฉพาะในนาทีนี้ มันแทบจะเผาร่างเล็ก ตรงหน้าให้มอดไหม้เป็นจุณไปในพริบตาเลยทีเดียวถ้าเขายัง มองเธออยู่อย่างนั้น
ร่างบางถึงกับขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง เมื่อรู้สึกถึงรังสีอำมหิต ที่แผ่ออกมาจากตัวผู้ชายร่างกายใหญ่โตตรงหน้า แววตาที่เขา มองมายังเธอทำให้หญิงสาวต้องรีบถอยหลังกลับอย่างลนลาน แต่กว่าจะรู้ตัวว่าภัยมาถึงตัว มันก็สายเกินไปเสียแล้ว ไม่มีใคร ในที่นั่นกล้าเข้ามาช่วยหญิงสาวได้ เพราะทุกคนต่างก็รักตัวกลัว ตายกันทั้งนั้น ร่างบางจึงถูกนำตัวออกมาจากผับ และพามาขึ้น รถเมอร์ซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสสีดำคันหรูออกไปจากบริเวณนั้น อย่างรวดเร็วดุจสายลม
ด้วยเครื่องบินส่วนตัวทำให้อภิมหึมามหาเศรษฐีหนุ่มเดินทางมาถึงที่พักในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง และร่างของสาวน้อยที่ยังอยู่ ในชุดโคโยตี้อันเซ็กซี่ก็ถูกพามาขังไว้ในเรือนเล็ก ใจกลางป่า ป่า ที่อยู่ลึกเกินกว่าที่คนภายนอกจะย่างกรายเข้าไปถึง เพราะที่นี่คือ ไร่ทัพเทวัญ อาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาลท่ามกลางขุนเขาน้อย ใหญ่ที่มีเจ้าของเพียงคนเดียวที่ดูแลอยู่ตอนนี้ คือทัพเทวินทร์ เลิศบริรักษ์
อากาศยามเช้าของที่นี่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาวที่ยังคง เกาะพร่างพราวจนขาวโพลนอยู่บนต้นไม้ใบหญ้า ส่งผลให้สิ่งมี ชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ออกอาการหนาวเหน็บจนตัวสั่น ผู้คน ที่ทำงานในไร่แห่งนี้บ้างก็ใส่เสื้อกันหนาวผืนหนาเพื่อคลาย หนาว บ้างก็พากันก่อกองไฟผิงกายเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น เพราะ ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาวอากาศจึงเย็นยะเยือกอย่างกับอยู่บนขั้ว โลกเหนือยังไงยังงั้น โดยเฉพาะที่ไร่ ทัพเทวัญ แห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่บน ภูเขาสูงแต่ไม่ชันมากนัก แทบจะมีหมอกปกคลุมเกือบตลอดทั้ง วัน
ร่างบางนอนคดคู้จนตัวงอเป็นกุ้งเพราะความหนาวเหน็บ ที่ คืบคลานเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ แสงสว่างยามเช้า ลอดเข้ามาทางกระจกหน้าต่างบานใสกระทบกับเปลือกตาที่ กำลังเริ่มปรือขึ้นและเปิดเปลือกตาออกมาในที่สุด เมื่อม่านตา ขยาย โฟกัสเริ่มปรับแสงความคมชัดได้เต็มที่ ร่างบางก็ตกใจ แทบช็อกเมื่อมองไปรอบๆ ตัวแล้วพบว่าที่นี่ไม่ใช่ที่พักของเธอ แต่เป็นที่ไหนไม่รู้ที่หญิงสาวไม่รู้จัก
ที่นี่คือที่ไหน เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วใครพาเรามา” เชลยสาวพึมพำถามคำถามในใจด้วยความรู้สึกตื่นกลัว ณัฐกานต์พยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่หญิงสาวก็ต้องตกใจ
เมื่อพบว่า ทั้งมือทั้งเท้าของเธอถูกพันธนาการด้วยสายโซ่เส้น ใหญ่ที่ล็อกไว้อย่างแน่นหนาด้วยกุญแจตัวเขื่อง แต่ร่างเล็กก็ พยายามลุกขึ้นนั่งจนได้ และหญิงสาวก็ต้องตกใจจนผวาอีกรอบ เมื่อประตูห้องเปิดออกพร้อมกับชายร่างยักษ์หน้าตาถมึงทึง ปรากฏตัวอยู่หน้าประตู ร่างใหญ่ยักษ์กำลังค่อยๆ ก้าวเข้ามาหา เธอพร้อมกับจานข้าวในมือ
ณัฐกานต์กระถดถอยหนีไปจนชิดฝาผนังห้องแต่มันก็ยังตาม เธอมาติดๆ จนหญิงสาวหมดทางหนี ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงด้วย ความกลัว แต่ร่างสูงก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาทำร้ายเธอแต่อย่าง ใด ชายแปลกหน้าย่อตัวลงวางจานข้าวไว้ข้างหน้าเชลยสาว
“เจ้านายสั่งให้เอาข้าวเข้ามาให้คุณกิน
“เจ้านายแกเป็นใคร แล้วจับฉันมาทำไม แล้วที่นี่มันที่ไหน เชลยสาวรัวคำถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ แต่แววตายังคงแฝงไป ด้วยความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว
“เก็บคำถามของคุณเอาไว้ถามเจ้านายดีกว่า ผมมีหน้าที่แค่ เอาข้าวมาให้คุณทานเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถามคุณ รีบ กินข้าวซะ” ร่างใหญ่พูดจบก็หันหลังเดินออกไปจากห้องปล่อย ให้ร่างบางนั่งมองจานข้าวอย่างไม่ไว้ใจ
ใครจะไปกินลง เกิดพวกมันเอายาพิษอะไรใส่ลงไปเธอจะ ไม่แย่ไปกว่านี้เหรอ” สาวน้อยนึกในใจอย่างหวาดหวั่น ใบหน้าหวานผินหน้าไปทางอื่นหญิงสาวไม่อยากเห็นจานข้าวที่วางล่อน้ำ ย่อยของเธออยู่ตรงหน้า แม้ว่าท้องไส้มันจะร้องประท้วงว่ากำลัง หิวก็ตาม ความใจแข็งและไม่ไว้ใจทำให้ณัฐกานต์ไม่คิดที่จะแตะ ต้องกับข้าวในจานแม้แต่คำเดียว เธอจะไม่ยอมกินอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว แต่หญิงสาวหารู้ไม่ว่า สิ่งที่เธอ กำลังคิดมันห่างไกลแม้กระทั่งในความฝันของเธอด้วยซ้ำไป
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ