บ่วงวิวาห์จํายอม (The Unwilling Wedding)

6



6

“ลุงกับเกร็ดแก้วรักกันมาก เราสองคนสัญญาว่าจะแต่งงานกัน แต่พ่อแม่ของลุงเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง ต้องการสะใภ้ที่มีฐานะ ทัดเทียมกันเท่านั้น ความรักระหว่างลุงกับแม่ของหนูจึงถูกกีดกัน ทุกวิถีทาง จนสุดท้ายพ่อแม่ของลุงต้องใช้วิธีขั้นเด็ดขาดคือตาม รังควานแม่ของหนูกับครอบครัวอย่างหนัก จนลุงและแม่ของหนู ต้องยอมแพ้และเก็บความรักของเราไว้เป็นเพียงความทรงจำดีๆ เท่านั้น” ปัณณวัฒน์หยุดถอนหายใจเล็กน้อย อย่างปลงตก “ลุง มาทำงานที่สิงคโปร์และแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อแม่เลือกให้ ก็คือ แม่ของเจ้าปรานต์ แต่ลุงทำบาปกับเขาไว้มาก เพราะตลอดเวลา ที่อยู่ด้วยกันลุงไม่เคยรักแม่ของเจ้าปรานต์เลย แม้จะรู้ว่าเธอรัก ลุงมากแค่ไหนก็ตาม จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเธอ ลุง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความรักแบบพี่น้องที่มีต่อเธอได้ คงไม่แปลก อะไรหากเจ้าปรานต์จะโกรธเกลียดลุง เพราะลุงสร้างความเจ็บ ปวดไว้กับแม่ของเขาอย่างมากมาย แต่ลุงก็รักเขาจริงๆ นะ ยังไง เขาก็เป็นลูกของลุง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมเข้าใจในความรู้สึก ของลุงเลยแม้แต่น้อย ว่าลุงเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กันที่ต้องทำร้ายผู้ หญิงคนหนึ่งเพียงแค่ลุงรักเธอไม่ได้

“ไม่เป็นไรนะคะคุณลุง ยิ้มเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณปรานต์เขาต้อง เข้าใจในความรู้สึกของคุณลุงแน่นอนค่ะ ยิ้มจะเป็นกำลังใจให้ นะคะ” ญาตาวีกล่าวพร้อมกับยื่นมือไปแตะมือของชายสูงวัย เบาๆ อย่างต้องการให้กำลังใจ “เอาเป็นว่ายิ้มเล่าเรื่องของยิ้มกับแม่ให้ลุงฟังดีกว่านะคะ

“ก็ดีเหมือนกันนะ เพราตั้งแต่ลงมาอยู่ที่นี่ลุงก็ไม่เคยรู้ข่าว คราวของเกร็ดแก้วเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่รู้ว่าเธอจะลำบากยังไง บ้างหลังจากที่ลุงจากมา

“ตั้งแต่ยิ้มจำความได้ ยิ้มก็รู้สึกได้เลยว่าแม่เหมือนกำลังรอ ใครบางคนอยู่ รอด้วยความหวังว่าเขาคนนั้นจะกลับมาหาแม่สัก ครั้ง แต่ยิ้มเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนๆ นั้นคือใคร รู้แต่ว่าถึงแม่ จะแต่งงานกับพ่อ แต่ในหัวใจของแม่ก็ยังคงมีแต่ผู้ชายคนหนึ่ง อยู่เต็มหัวใจ ยิ้มเคยน้อยใจแม่แทนพ่อด้วยนะคะ ที่ในใจแม่ไม่ เหลือที่ว่างให้พ่อเลย เพราะตอนนั้นยิ้มยังเด็กมาก เลยไม่ค่อย เข้าใจเรื่องความรักเท่าไหร่ แต่แม่ก็คอยบอกยิ้มเสมอว่า ถึงแม้ ความรักที่แม่มีให้พ่อไม่ใช่แบบคนรัก แต่แม่ก็รักยิ้มกับน้องมาก ที่สุด พอยิ้มอายุได้ 8 ขวบ พ่อก็จากไป

“หนูยิ้มมีน้องด้วยเหรอ?”

“ค่ะ! มีน้องชายคนนึงชื่อนายยู อายุห่างจากยิ้มแค่ 2 ปีเอง ตอนนี้กำลังเรียนมหา’ลัย ที่กรุงเทพค่ะ

“เหรอ? ไว้ถ้าน้องชายหนูเรียนจบก็ให้น้องมาทำงานกับลุง ก็ได้นะ ว่าแต่น้องชายเราเป็นคนยังไงบ้าง?

“ก็นิสัยคล้ายๆ กันกับยิ้มนี่แหละค่ะ ซนเหมือนกัน”

เธอเล่ายิ้มๆ เมื่อนึกถึงวีรกรรมหลายอย่างสมัยเด็กๆ ที่เธอกับ น้องชายร่วมกันทำป่วนกันไว้ ซึ่งมีอยู่มากมายหลายเรื่องจนจำ ไม่ไหว
“นี่เราชนด้วยเหรอ?”

“ซนสิคะ ต้องเรียกว่าชนมากๆ ถึงแม้ว่ายิ้มจะหน้าตาเหมือน กับแม่ แต่นิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยล่ะค่ะ ป้าเคยบอกกับยิ้ม อย่างนั้นบ่อยๆ เพราะแม่เป็นคนที่เรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้ แต่ ยิ้มออกจะแก่นๆ ซนๆ จนจนแถวบ้านเอือมระอา ยิ่งได้รวมแก๊งค์ กับนายยูและพี่ต้อมด้วยแล้ว ยิ่งสร้างวีรกรรมร่วมกันไว้หนักกว่า เดิมอีกเรียกว่า แสบคูณสามเลยล่ะค่ะ

ปัณณวัฒน์ทำท่าทางเหมือนไม่เชื่อถือในคำพูดของญาตาวีนัก เพราะเท่าที่เห็นเธอมา เธอออกจะเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่ได้แสดง ถึงความเชี่ยวความชนเลยสักนิด

“เท่าที่พอจะจำได้นะคะ มีอยู่วันนึง วันนั้นเป็นวันที่ฝนตก ปรอยๆ เราสามคนเลยวิ่งออกไปเล่นน้ำฝน เดินกันไปเรื่อยๆ จน เข้าไปอยู่ในบริเวณสวนมะม่วงซึ่งอยู่ติดๆ กันกับสวนของป้ากับ แม่ ช่วงนั้นมะม่วงกำลังออกผลน่ากินเชียว เราสามคนก็เลยแอบ เด็ดมะม่วงบนต้นมากินกันเสียเต็มคราบ จนกระทั่งเจ้าของสวน มาเห็นพวกเรา เขาเลยจับพวกเราไปส่งที่บ้าน โชคดีที่แม่กับป้า เป็นอัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้าน เขาก็เลยไม่เอาผิดอะไร กับพวกเราสามคน แต่แม่กับป้าก็ต้องควักกระเป๋าชดใช้ค่าเสีย หายให้เขาไปเยอะเหมือนกัน” ดวงตากลมโตของเธอเป็น ประกายเมื่อนึกถึงอดีตอันแสนสุขของตน “แล้วอีกวีรกรรมนึง คือตอนนั้นยิ้มกับนายยูและพี่ต้อมแอบไปเล่นน้ำกัน เห็นชาวบ้าน เขาตกเบ็ดทิ้งไว้ พวกเราเลยแอบไปปล่อยปลาทั้งที่ติดเบ็ดอยู่ แล้วก็ที่อยู่ในถังเขาซะเกลี้ยง พอกลับมาถึงบ้านก็โดนแม่กับป้าตีกันใหญ่ โทษฐานที่

ญาตาวีอดหัวเราะกับความแสบซนของตนเองเมื่อเด็กได้ ทําให้ชายสูงถึงกับเปล่งเสียงหัวเราะออกมาได้ฟัง วีรกรรมของหญิงสาวคราวลูกคนไม่เลยว่าคนดูอ่อน หวานซ่อนความแสบซนไว้อย่างมากมายขนาดนี้

ปารวีอดที่จะเจ็บและน้อยใจไม่ได้ได้ยินเสียงหัวเราะของ บิดาดังออกมาจากห้องนอนของญาตาวี เคยได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอย่างจากพ่อของ เขา ยายผู้หญิงคนสงสัยจะจริงๆ ที่พ่อเงียบขรึมและ ไม่เคยอะไรสำคัญมากกว่างานบนสุดของบ้าน ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยแม้จะแวะมาเยี่ยมสักครั้ง แถมยังทำให้พ่อของเขาหัวเราะได้อย่างสุดเสียง เขาเอง ก็อยากจะรู้เหมือนว่าเธออะไรถึงทำให้พ่อเขาอารมณ์ดีได้ ขนาดนี้

เขารีบหลบเข้าไปในห้องนอน เมื่อประตูนอนของหญิงเปิดออกมา นั่นแสดงพ่อของเขากำลังกลับห้อง แต่เขาก็อด แง้มประตูออกมาสังเกตการณ์เกิดอะไรขึ้นต่อไป

ลุงขอบใจมากนะ หนูไหมว่าหนูเป็นแรกหลังจากแม่ของ หนูทำให้ลุงหัวเราะได้เต็มที่ขนาดนี้

ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง หัวเราะวันละนิดจิตแจ่มใสนะคะ”

หญิงสาวยิ้มกับผู้เธอรู้สึกผูกราวกับว่าเขาเป็นพ่อของ เธออีกคนหนึ่ง ชายสูงกางแขนออกเป็นสัญญาณว่าต้องการกอดลาจากเธอ ญาตาวีไม่เกี่ยงงอนเลยที่จะโผเข้าหาอ้อมกอด ของประมุขของบ้าน นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เธอไม่เคยได้สัมผัส ความอบอุ่นจากอ้อมแขนของพ่อ ชายห้าสิบปลายคนนี้เป็นผู้ เดียวที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นราวกับมีพ่ออยู่ใกล้ๆ ในขณะเดีย วกันปัณณวัฒน์เองก็ไม่ได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นจากผู้เป็นลูกอย่าง นี้เลยสักครั้ง เพราะเขาเองมัวแต่ทำงานจนลืมปารวีผู้เป็นลูกชาย พอนึกได้อีกทีว่าเขาต้องให้ความรักความเอาใจใส่แก่ลูกชาย ช่องว่างระหว่างพ่อกับลูกมันก็กว้างเกินไป กว้างเกินกว่าจะเติม เต็มช่องว่างนั้นให้เต็มได้แม้ว่าเขาจะพยายามทุ่มเทความรักให้ อย่างมากมายเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ขาดไปก็ตาม

ทั้งสองคนกอดกันกลมด้วยความรักเสมือนพ่อกับลูก แต่ผู้ที่ ยืนแอบดูเหตุการณ์อยู่ในห้องของตนกลับไม่ได้มองเป็นเช่นนั้น ด้วยความที่มีอคติกับหญิงสาวผู้เป็นสมาชิกใหม่ของบ้านเป็นทุน เดิมอยู่แล้ว ทำให้เขาคิดว่านั่งคือการแสดงบทรักอันลึกซึ้งฉันท์ ชู้สาวของหญิงสาวกับชายคราวพ่อ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ เหลือเกินสำหรับเขา ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะหิวเงินถึงขนาด ยอมพลีกายให้คนรุ่นพ่อได้เชยชมอย่างไม่รังเกียจ เขาอยากจะ ตรงเข้าไปบีบคอสวยๆ คนนั้นให้แหลกคามือเสียตอนนี้ ถ้าทำได้ ชายหนุ่มรอจนแน่ใจว่าบิดาเดินลงบันไดไปจนลับตาแล้ว จึงเดิน ตรงไปยังห้องของหญิงสาว

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ญาตาวีซึ่งกำลังจะนั่งลง บนเตียงนอนต้องชะงัก นี่เจ้าของบ้านคงยังคุยธุระไม่จบถึงได้ ย้อนกลับมาอีก หญิงสาวเดินตรงไปเอยากจะกระแทกประตูใส่หน้าผู้มาเยือนในยามวิกาลซึ่งเป็น คนละคนกับแขกคนก่อน

“คุณมีธุระอะไรคะ?”

เธอถามอย่างต้องการทำไปตามมารยาท ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะ คุยกับเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะดูท่าทางเขาจะไม่เป็นมิตรกับเธอ เลย ใช่! ผู้ชายคนนี้น่ากลัว แต่จะเพราะอะไรนั้นเธอไม่รู้ รู้แต่ว่า ไม่อยากอยู่ใกล้เขาแม้แต่วินาทีเดียว

“ธุระน่ะมี แต่ฉันขอเข้าไปข้างในได้ไหม?”

“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันว่าเราคุยกันตรงนี้ก็ได้ มันไม่เหมาะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ