บ่วงวิวาห์จํายอม (The Unwilling Wedding)

5



5

ญาตาวีรีบปฏิเสธกลัวว่าเจ้าของบ้านที่มีบุญคุณต่อเธอย่าง

เหลือล้นจะไม่สบายใจเสียเปล่าๆ แต่ก็อดหนักใจไม่ได้ที่ต้องอยู่

บนชั้นนี้กับเขาแค่สองคน นี่แค่เธอรู้จักกับเขาเพียงไม่นานเธอก็

รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรที่น่ากลัวซ่อนอยู่ภายในลึกๆ และดู

เหมือนว่าเขาจะไม่ชอบหน้าเธอเท่าใดนัก กลัวเหลือเกินว่าวันใด

เธอเผลอไปแหย่เสืออย่างเขาให้ตื่นขึ้นมา เธอคงโดนไม่ใช่น้อย

จึงไม่อยากจะอยู่ใกล้กับเขามากนัก ถ้าทำได้เธออยากไปหา

ที่พักอื่นเป็นของตัวเองดีกว่า อาศัยอยู่ร่วมชายคากับคนที่คง

เกลียดเธอเข้ากระดูก

“นี่ห้องของเจ้าปรานต์ ก็อยู่เยื้องๆ ห้องหนูไปนี่เอง ลุงคิดว่า ถ้าหนูอยู่ห่างจากห้องของเจ้าปรานต์หนูจะกลัว เพราะชั้นนี้มีแค่ หนูกับเจ้าปรานต์ เผื่อว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรมาลูกลุงจะได้เข้ามา ช่วยทัน”

เข้ามาช่วยเหลือ หรือช่วยเติมกันแน่? เธอได้แต่ตะโกนถาม เจ้าของบ้านอยู่ในใจ เพราะดูท่าทางเขาเกลียดเธอเข้าไส้ขนาด นั้น มีหวังถ้าเขาแกล้งเธอได้คงไม่รอให้รอดไปได้หรอกล่ะมั้ง

“งั้น…ลุงให้หนูพักผ่อนก่อนดีกว่านะ ลุงคงต้องไปทำงานต่อ นิดหน่อย ถ้าถึงเวลาอาหารแล้วจะให้เด็กขึ้นมาตามแล้วกัน”

“ขอบคุณค่ะคุณลุง ญาตาวีกล่าวขอบคุณผู้มีพระคุณเบาๆ ชายสูงวัยยิ้มให้เธอเป็นการตอบรับค่าขอบคุณนั้น ก่อนเดินออกไปจากห้อง โดยที่ ไม่ลืมจะปิดประตูให้เจ้าของห้องด้วย หญิงสาวยืนมองตามแผ่น หลังเจ้าของบ้านจนเขาหายไปจากห้อง จึงหันไปมองกระเป๋าเดิน ทางซึ่งบรรจุของใช้ส่วนตัวของเธอไว้ เฮ้อ! ไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะเจอ อะไรบ้าง แต่เอาเถอะ ในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะมาที่นี่แล้ว เธอก็ พร้อมรับมือกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสังคม ที่นี่ การปรับตัวสําหรับการทำงาน และแม้กระทั่งรับมือกับผู้ชาย เย็นชา หน้าตายดั่งผีดิบอย่างลูกชายประมุขของบ้านหลังนี้ให้ได้

ญาตาวีแทบจะอยากถอยทัพกลับเมืองไทยให้รู้แล้วรู้รอด หลัง จากได้ร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับสมาชิกในบ้านแห่งนี้ ซึ่ง มีอยู่แค่เพียง 3 คน คือปัณณวัฒน์ ปารวี และอาหลิงน้าสาวของ ปารวีแล้ว ทำให้เธอรับรู้ได้เลยว่า สมาชิกเกินครึ่งของบ้านหลังนี้ ไม่เต็มใจต้อนรับเธอเอาเสียเลย ทั้งปารวีและน้าของเขาทำท่า ราวกับว่าเธอเป็นกาฝากที่จะมาเกาะครอบครัวของเขากิน สีหน้า ของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเกลียดชังและดูถูกเธออย่างเห็น ได้ชัด จะมีก็แต่ประมุขของบ้านหลังนี้เท่านั้นที่ดูจะเต็มใจกับการ มาอาศัยร่วมชายคาของเธอที่บ้านหลังนี้ และก็เป็นเพราะชายสูง วัยคนนี้นี่แหละที่ทำให้เธอ ต้องอดทนกับความรู้สึกอึดอัดใจและ อยู่ร่วมโต๊ะอาหารมื้อเย็นจนเสร็จสิ้น

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นติดกัน 2 – 3 ครั้ง อย่างคนมีมารยาท – นั้น ปลุกให้หญิงสาวเจ้าของห้องนอนตื่นจากภวังค์ ก่อนลุกขึ้น ยืนเต็มความสูงแค่ 160 ซม. เห็นจะได้ เดินตรงไปที่ประตูเพื่อจที่มาเคาะประตูห้องเธอดึกๆ ตื่นๆ อย่างนี้เป็นใคร เธอก็คงต้อง เดาว่าคนๆ นั้นคือเจ้าของบ้านหลังนี้ และเหตุผลที่ประมุขของ บ้านมาหาเธอ คงต้องการจะมาคุยเพื่อให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและ สบายใจขึ้นกับการอยู่ในบ้านหลังนี้ร่วมกับครอบครัวของเขา

อ้าว! คุณลุงมีธุระอะไรเหรอคะ? มาซะดึกเขียว

ญาตาวีทักทายผู้ที่มาเคาะประตู เห็นไหมว่าเธอเดาไม่ผิดเลย จริงๆ ผู้ที่มีธุระกับเธอ ในเวลาดึกๆ อย่างนี้จะต้องเป็นเจ้าของ บ้านอย่างแน่นอน

“ลุงแค่อยากมาคุยด้วย ไม่มีอะไรมากหรอก ถ้าหนูจะนอนแล้ว ลุงไม่กวนก็ได้”

“เอ่อ…ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง ยิ้มยังไม่ง่วงหรอกค่ะ เชิญคุณ

ลุงเข้ามาก่อนสิคะ”

ญาตาวีเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนยามวิกาลเข้ามาในห้องของเธอ จะได้คุยกันสะดวกขึ้น หากจะบอกตามความจริงว่าเธออยากจะ พักผ่อนเต็มที่ ก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย เพราะถึงอย่างไรชายสูงวัยผู้ นี้ก็อุตส่าห์หอบสังขารมาเพื่อจะคุยกับเธอถึงชั้นบนสุดของบ้าน อย่างนี้ และเขาก็ยังเป็นผู้มีพระคุณสำหรับเธอด้วย

ปัณณวัฒน์พยักหน้ารับคำเชิญของญาตาวี ก่อนเดินเข้าไปใน ห้องนอนของเธอ ซึ่งเมื่อประมุขของบ้านเดินเข้าห้องเธอเป็นที่ เรียบร้อยแล้วหญิงสาวจึงปิดประตูห้องนอนลง โดยหารู้ไม่ว่า ชายหนุ่มเจ้าของห้องที่อยู่ตรงข้ามเยื้องห้องนอนเธอไปเล็กน้อย ยืนมองเหตุการณ์ต่างๆ อยู่เงียบๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
ปารยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน นึกแล้วเชียวว่ามันจะต้องเป็น เช่นนี้ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เข้ามาแค่ในฐานะผู้อาศัยอย่างที่พ่อเขา อ้างแน่ ให้ตายเถอะ! ยายผู้หญิงหิวเงินนั่น เขาจะต้องเอาคืนเธอ ให้ได้ ผู้หญิงคนนี้ต้องได้รับกรรมอย่างสาสม เธอต้องไปรับบท เรียน ที่แม่เธอก่อไว้กับแม่ของเขา เท่านั้นยังไม่พอเธอยังจะมา สานต่อความรักของผู้เป็นแม่กับพ่อของเขาอีก

ปัณณวัฒน์เข้ามานั่งที่ปลายเตียงซึ่งตั้งอยู่กลางห้องนอน โดย มีหญิงสาวเจ้าของห้องนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่กับพื้นอย่างเจียม

“คุณลุงมีธุระอะไรกับหนูเหรอคะ?”

เธอถามเพื่อเป็นการเปิดประเด็น แต่ดูเหมือนชายอายุห้าสิบ ปลายๆ จะนึกหาคำตอบดีๆ ไม่ออก ในขณะนี้ เพราะที่เขามาหา เธอ เขาไม่ได้มีธุระอะไรเลย เพียงแต่เมื่อได้อยู่กับเธอแล้วรู้สึก อบอุ่น เหมือนมีลูกคอยเป็นห่วงคนเป็นพ่ออยู่ข้างๆ ซึ่งเขาไม่เคย ได้รับความรู้สึกเช่นนี้จากบุตรชายเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นเป็น เหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยากให้เธอมาอยู่ที่นี่ ใกล้ๆ เขานัก

“ลุงแค่จะมาถามว่า หนูอยู่ที่นี่ต้องการอะไรเพิ่มไหม?”

นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาพอจะนึกเอามาเป็นคำตอบได้ อีก ฝ่ายรู้สึกว่ามันช่างเป็นคำตอบที่เหมือนขายผ้าเอาหน้ารอดเสีย จริงๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“คุณลุงช่วยเล่าเรื่องของคุณลุงกับคุณแม่ให้ยิ้มฟังหน่อยได้ ไหมคะ?”
ในเมื่ออีกฝ่ายหาเหตุผลไม่ได้ว่ามาที่ห้องของเธอทําไม เธอจึง เป็นฝ่ายชวนคุยเสียเอง เพื่อไม่ให้การมาเยือนของเขาสูญเปล่า ซึ่งประเด็นที่เธอตั้งขึ้นมาเพื่อจะสนทนาในครั้งนี้ ทําให้อีกฝ่าย เริ่มมีอาการเขินอายอย่างกับเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งจะมีความรัก

“เอ่อ…แหม! หนูยิ้มถามอะไรลุงก็ไม่รู้ จะให้ลุงเริ่มเล่าจะตรง

ไหนดีล่ะ?”

“เอาตอนที่คุณลุงพบกับแม่ของยิ้มก็ได้ค่ะ”

“ตอนที่ลุงพบแม่ของหนูครั้งแรกน่ะเหรอ?” ชายสูงวัยทวนคำ พูดก่อนจะเล่าต่อ “แม่ของหนูเป็นพนักงานธรรมดาที่บริษัทฯ ใน เมืองไทยของลุง ก่อนหน้านั้นลุงเป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหนเสียเลย มี แต่เที่ยวเล่น และควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าไปวันๆ จนกระทั่งพ่อแม่ ของลุงยื่นคำขาดให้ลุงเข้าไปทำงานในบริษัทฯ และนั่นก็เป็น ครั้งแรกที่ลุงได้พบกับพนักงานสาวสวยคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเกร็ดแก้ว แม่ของหนู เมื่อลุงเห็นเธอครั้งแรก ลุงบอกได้เลยว่าคนนี้แหละ ถูกใจลุงมาก ลุงพยายามตามจีบแม่ของหนูอยู่นาน แต่แม่ของ หนูก็ไม่มีท่าทีสนใจลุงเลย”

“แล้วคุณลุงรักแม่ของหนูตรงไหนเหรอคะ?”

“ตอนแรกลงยอมรับนะว่าแค่ต้องการจะเอาชนะแม่ของหนู เท่านั้น เพราะเธอเป็นคนแรกที่กล้าปฏิเสธลุง แต่พอเวลาผ่านไป สักพัก มันก็ทำให้ลุงรู้เลยว่าลุงไม่ได้ต้องการแม่ของหนูแค่ ชั่วคราวเท่านั้น แต่ลุงต้องการให้แม่ของหนูมาเป็นคนสุดท้ายใน ชีวิตของลุง เป็นคนที่จะมาเติมเต็มหัวใจของลุงให้เต็มไปด้วยความรักซึ่งลุงไม่เคยรู้จักมาก่อน ลุงเลยพยายามทุกวิถีทางให้ แม่ของหนูรู้ว่าลุงรักเขาจริง แต่ก็เล่นเอาลงเกือบท้อไปหลายหน เลยล่ะ กว่าที่แม่ของหนูจะรับรักลุง

ชายสูงวัยเล่าถึงวันคืนชื่นสุขของตนเอง ราวกับว่ามันเพิ่งเกิด ขึ้นเมื่อวานนี้เอง เพราะทุกอย่างยังแจ่มชัดอยู่ในห้วงของความ ทรงจำของเขา ความสุขเมื่อครั้งที่เขาได้อยู่ใกล้ชิดเกร็ดแก้ว หญิงสาวคนรัก ทำให้ใบหน้าของเขากระจ่างพร่างพรายไปด้วย รอยยิ้มแห่งความสุข จนคนฟังอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมากับ เขาด้วย

“งั้น…ทำไมลุงกับแม่ไม่แต่งงานกันล่ะคะ? ถ้าลุงกับแม่ แต่งงานกันหนูก็อาจเกิดมาเป็นลูกสาวของคุณลุงก็ได้”

สินค้าถามของญาตาวี รอยยิ้มที่เกลื่อนใบหน้าชายสูงวัยเมื่อ สักครู่ก็อันตรธานหายไปทันที เหลือไว้เพียงความเจ็บปวดจาก ความหลัง จนอีกฝ่ายอดใจหายไม่ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ