บ่วงวิวาห์จํายอม (The Unwilling Wedding)

4



4

สิงคโปร์ ประเทศเล็กๆ เหมือนเกาะกลางทะเลเกาะหนึ่ง หาก แต่ผู้คนในประเทศนี้กลับมีระเบียบจนน่านับถือ รถราทุกคนต่าง วิ่งเป็นระเบียบอย่างถูกต้องตามกฎจราจร พื้นถนนไม่มีแม้แต่ เศษขยะสักชิ้น ทำให้ชาวต่างชาติรู้สึกสบายตาเมื่อได้มาเยือน ประเทศนี้ ญาตาจ้องมองทิวทัศน์สองฝั่งถนนด้านนอกผ่าน กระจกรถยนต์คันหรู พลันสายตาก็ไปสะดุดกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ นั่งแลกจูบกันอยู่ตรงป้ายรถเมล์ หญิงสาวหน้าแดงซ่านด้วย ความไม่เคยเห็นบทรักของหนุ่มสาวตาอย่างนี้มาก่อน จนต้อง รีบดึงสายตากลับเข้ามาในรถอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่นั่งข้างๆ มองมาอย่างสงสัย

“เป็นอะไรหรือหนูยิ้ม?”

“เปล่าค่ะ”

ญาตาวีตอบคำถามชายสูงวัยอย่างรวดเร็วจนลิ้นแทบพันกัน หากแต่คนที่นั่งที่เบาะหน้าข้างคนขับรู้ว่า สาเหตุที่ทำให้เธอต้อง รีบดึงสายตากลับเข้ามาในรถ และหน้าแดงนั้นคืออะไร ชาย หนุ่มอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้กับความไร้เดียงสาของเธอ นี่เธอไร้เดียงสาจริง หรือแกล้งทำกันแน่นะ ญาตาวี

รถยนต์คันหรูวิ่งตรงฉิวผ่านประตูรั้วที่ทำด้วยอัลลอยด์เข้า มายังบ้านหลังหนึ่งซึ่งถูกสร้างไว้ในแบบกึ่งยุโรป มีความสูง 4 ชั้น ถึงแม้ว่าบ้านหลังนี้อาจจะดูเล็กกว่าคฤหาสน์ของคนรวยในประเทศไทยที่ญาตาวีเคยเห็นจากในละครบ่อยๆ แต่ก็นับได้ว่า เจ้าของบ้านหลังนี้คงมีฐานะพอสมควร เพราะประเทศแห่งนี้เป็น เพียงเกาะเล็กๆ ซึ่งหากจะเที่ยงขนาดแล้วคงเล็กกว่าเมืองหลวง ของประเทศบ้านเกิดของเธอ ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ จึงนิยมอาศัยอยู่ตามอพาร์ทเมนท์ ซึ่งมีการจัดสรรพื้นที่ใช้สอย ได้อย่างคุ้มค่าและลงตัว ผู้ที่จะสามารถซื้อที่ดินเพื่อปลูกบ้านเป็น ของตัวเอง ในประเทศเล็กๆ แห่งนี้ได้นั้น นอกจากจะเป็นผู้ที่ร่ำ รวยจริงๆ แล้ว ยังต้องมีบารมีในสังคมอีกด้วย

ปัณณวัฒน์เองก็คงเป็นหนึ่งในนั้น เพราะนอกจากเขาจะเป็น นักธุรกิจใหญ่ระดับประเทศแล้ว เขายังคอยบริจาคเงินให้แก่ องค์กรการกุศลต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่างใด หากเขาจะสามารถซื้อที่ดินในการปลูกบ้านหลังนี้ได้ และที่ดินของเขาพื้นนี้อาจจะเป็นที่ดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ ประชากรในประเทศนี้จะสามารถซื้อเพื่อปลูกบ้านได้ ดังนั้นจึง ต้องยอมรับผู้ที่ออกแบบรูปทรงของบ้านหลังนี้ว่ามีความสามารถ ยอดเยี่ยม เพราะนอกจากจะสวยงามมีสไตล์แล้ว พื้นที่ต่างๆ ยัง ถูกจัดสรรให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า

ญาตาวีก้าวลงจากรถหลังจากที่สารถีเดินมาเปิดประตูหลังให้ เธอลงเป็นคนสุดท้าย หญิงสาวเดินไปสมทบกับชายต่างวัยสอง คนที่ยืนรอเธออยู่หน้าธรณีประตูก่อนแล้ว เธอรู้สึกเกร็งไปหมด เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นบ้านหลังใหญ่ซึ่งถูกปูพื้นและ ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนเป็นครั้งแรก ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ว่า เธอจะได้มาอยู่ในที่
“ยินดีต้อนรับหนูยิ้มสู่บ้านของลุงจ้ะ”

“ขอบพระคุณคุณลุงมากนะคะที่กรุณา ให้หนูขนาดนี้” ญาตาวี ยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยความนอบน้อมและสำนึกในบุญคุณอย่าง แท้จริง “นอกจากคุณลุงจะช่วยหนู ในเรื่องงานแล้ว ยังจะให้หนู มาอาศัยอยู่ด้วยอีก”

“ไม่เป็นไรหรอกหนู ลุงรู้สึกถูกชะตากับหนูมาก เอาเป็นว่าหนู ก็คิดซะว่าหนูเป็นลูกสาวลุงคนหนึ่ง และที่นี่คือบ้านของหนูแล้ว กันนะ”

“หนูไม่กล้าอาจเอื้อมหรอกค่ะ”

ญาตาวีกล่าวด้วยน้ำเสียงถ่อมตนและจริงใจ ทำให้ชายสูงวัย รู้สึกเอ็นดูลูกสาวของคนรักขึ้นอีกเป็นหลายเท่าตัว หากแต่ชาย หนุ่มซึ่งเป็นลูกแท้ๆ กลับรู้สึกเกลียดหญิงสาวหน้าหวานคนนี้ จับใจ เขาไม่ปักใจเชื่อเลยสักนิดว่าเธอจะเป็นคนดี และเข้ามาอยู่ ในบ้านเขาโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้นอย่างที่เธอ พยายามแสดงออกมา และยิ่งรู้สึกชั่งน้ำหน้าเธอเข้าไปใหญ่ เมื่อ เห็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเขามีท่าทีและคำพูดที่อ่อนโยนต่อ หญิงสาวคนนี้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นลูกแท้ๆ กลับไม่เคยเห็นเขาแสดง ความอ่อนโยนต่อเขาแม้สักครั้ง

“เราเข้าบ้านกันเถอะ เดี๋ยวลุงจะพาไปพักผ่อนที่ห้องที่ลุง เตรียมไว้ให้หนู”

ประมุขของบ้านกล่าวเชิญหญิงสาว เธอรับคำเบาๆ ก่อนเดิน ตามชายสูงวัยเข้าไปภายในตัวบ้าน โดยมีปารวีเดินประกบตามมาด้านหลังอีกที ปัณณวัฒน์หยุดเดินเมื่อเหลือบเห็นหญิงซึ่งเป็น น้องสาวของภรรยาที่ตายไปของเขานั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา ภายในห้องรับแขก ทำให้ผู้ที่จะมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้คน ใหม่ต้องหยุดการเคลื่อนไหวตามไปด้วย

“เหอผึ้ง นี่ญาตาวี จะเข้ามาอยู่กับเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ปัณณวัฒน์เอ่ยแนะนำญาตาวีให้กับน้องสาวของภรรยาได้รู้จัก อีกฝ่ายลุกขึ้นเดินตรงมายังปัณณวัฒน์และญาตาวี “หนูยิ้ม นี่เหอ ผึ่ง เป็นน้าของปรานต์”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

ญาตาวีเอ่ยกับน้าสาวของปารวีเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนยื่นมือ ไปข้างหน้าหวังจะทักทายกับเธอในแบบสากล แต่อีกฝ่ายกลับ ยืนนิ่งก่อนหันหน้าไปมองหลานชาย

“ใครเหรอต้าเฟย? แล้วเข้ามาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร?”

หวังเหอฝั่งถามหลานชายด้วยภาษาจีนซึ่งเป็นภาษาประจำ ชาติกำเนิด

“เธอเป็นลูกสาวอดีตคนรักของท่านประธาน ไม่คงไม่ใช่ ลูกสาวของอดีตคนรัก เพราะถึงตอนนี้ท่านประธานก็ยังรักผู้หญิง คนนั้นอยู่ ถึงขนาดว่าเธอตายแล้วยังต้องพยายามเอาลูกสาวมา อยู่ด้วยถึงที่นี่ จะให้ทำงานในบริษัทฯ เรา แถมยังให้เข้ามาพักที่ บ้านอีก ผมเองก็ชักจะไม่แน่ใจว่าจะเข้ามาอยู่ในฐานะคนอาศัย หรืออะไรกันแน่”

ปารวีตอบผู้ที่มีศักดิ์เป็นน้าด้วยภาษาเดียวกัน ทำให้ผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่บ้านยืนนิ่งอะไรถูก เพราะเธอเอง เคยเรียนภาษาจีนมาบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดเก่งเข้าใจใน ประโยคอันยืดยาวคนทั้งสองคุยได้ ทำให้ไม่เรื่องว่าทั้ง สองกำลังคุยอะไรหากแต่ประมุขแจ่มแจ้งว่าหลานนี้กำลังคุยอะไรกัน และนั่นทำให้รู้สึกพอใจอย่างยิ่ง

หยุดหยาบคายได้แล้วปรานต์ ยิ้มมาที่นี่ในฐานะ ลูกสาวของฉัน ไม่อะไร

ประมุขของบ้านพูดไม่พอใจในความคิดหยาบช้าของน้าหลานและสำคัญ ไม่อยากให้ผู้ใหม่รับรู้ว่าทั้งเหอและลูกชายของตนอคติ กับเธออย่างรุนแรง ทั้งเพิ่งเจอ

“ท่านประธานแน่ใจจริงเหรอครับว่าแค่นั้น หน้าตาทำให้แก้วมาก และคงแปลกหากท่านประธานจะเธอตัวแทนชื่อเสียงบริษัท”

หวังต้าเฟย หรือปารวี เมธาชัยตอบกลับเป็นบิดาด้วยภาษา จีนดั้งเดิม ก่อนเดินจากทิ้งเพียงคำแสนจะหยาบคายที่ ผู้เป็นไม่น่าจะพูดเช่นนี้กับหากแต่ญาตากลับยืนมอง บุคคลทั้งสามคุยกันด้วยอาการที่เรียกว่า มึน เพราะเธอเรื่อง สักว่าทั้งสามออกเป็นแน่
“มีอะไรกันเหรอคะคุณลุง?”

“ไม่มีอะไรหรอก ไปห้องพักเถอะ หนูเดินทางมาเหนื่อยๆ ควร พักผ่อน”

ปัณณวัฒน์ตัดบทขึ้น เพราะไม่อยากให้หญิงสาวรับรู้ว่าสองน้า หลานคุยเรื่องอะไรกัน เนื่องจากหากหญิงสาวได้ล่วงรู้ความคิดที่ ลูกชายคนเดียวมีต่อเธอแล้ว เธอจะอยู่ที่นี่ด้วยความลำบากใจ และจะพลอยให้ไม่มีความสุขกันเปล่าๆ

ประมุขของบ้านพาสมาชิกใหม่ของครอบครัวเดินขึ้นบันไดมา ถึงชั้น 4 ของบ้าน ก่อนพาเธอเดินตรงไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้ สัก ซึ่งเป็นประตูเข้าห้องนอนที่เขาอุตส่าห์โทร.ทางไกลมาบอก แม่บ้านให้จัดเตรียมไว้สำหรับเธอ โดยเฉพาะ ก่อนเปิดประตูเดิน นำหญิงสาวเข้าไปภายในห้อง ที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบง่ายและ ลงตัว เครื่องนอนส่วนใหญ่ทั้งผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หมอนขนาด ใหญ่สองใบล้วนแต่งเป็นสีฟ้าชวนให้สบายตาเมื่อได้มอง

“นี่ห้องหนูนะ ลุงสั่งให้คนจัดเตรียมไว้ให้แล้ว เดี๋ยวจะให้สาว ใช้ขึ้นมาจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ให้”

“ขอบคุณค่ะคุณลุง แต่ยิ้มว่าไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวยิ้ม จัดการเสื้อผ้าเองดีกว่าค่ะ แค่นี้ก็รบกวนมากพอแล้ว”

เธอพูดด้วยความถ่อมตัว

“เอาเถอะถ้าเป็นความต้องการของหนูลุงก็ไม่ขัดหรอก” ปัณณ วัฒน์เอ่ยอย่างจำยอมต่อความขี้เกรงใจของหญิงสาว “ว่าแต่หนู ชอบห้องนี้ไหม?”
“ชอบค่ะ สวยมากๆ เลย

“ก็ดีแล้วล่ะ ห้องของลุงอยู่ชั้นสอง ลุงแก่แล้วคงขึ้นมาถึงชั้นสี่ ไม่ไหว”

“ถ้า…ถ้าอย่างนั้นชั้นนี้มีใครอยู่บ้างเหรอคะ?”

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนถึงบุคคลที่เธอต้องการรู้ ว่าห้องเขาอยู่ชั้นไหน แต่ในมโนสำนึกของเธอกลับมีภาพใบหน้า คมคายหากแต่เย็นชาของเขาผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน ภาวนาว่า เธอกับเขาคงไม่ได้อยู่ที่ชั้นเดียวกันหรอกนะ

“อ๋อ! ก็มีแต่คนหนุ่มๆ สาวๆ อย่างหนูกับลูกชายของลุงเท่านั้น ล่ะ ทําไมเหรอ?”

“มะ…ไม่มีอะไรค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ