บทที่10 บททดสอบ
สํานักพิทักษ์ธรรม
เขียวเย่เดินทางมาถึงหน้าทางเข้าสำนักพิทักษ์ธรรม เป็นลาน กว้างขนาดกว้าง ที่นี่ถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้จากทั้งสองฝั่ง ทาง ข้างหน้ามองไปจะเห็นสะพานพาดยาว มองไปจะเห็นปลายทาง เป็นเพียงหมอกสีขาว ไม่เห็นปลายทางของสะพานแม้แต่น้อย
ที่ลานกว้างมีผู้เยาว์อยู่มากมาย ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าผู้เยาว์ ทั้งหมดล้วนต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ผู้เยาว์เหล่านี้ต่างจับกลุ่มคุยกัน แต่เมื่อเห็นเซียวเย่เดินมาถึงลานกว้าง ต่างก็หันไปมองแล้วก็ ซุบซิบกันเงียบๆ
แม้แต่คนที่เดินตามเชียวเย่มาพร้อมกัน ยังเดินตามห่างๆ ไม่ กล้าเข้าใกล้ แตกต่างจากเหล่าหญิงสาวผู้เยาว์ที่ต่างมอง โดยมุม มองชื่นชม
“หนูน้อยคนนั้นน่ารักจัง แถมยังเก่งกาจอีกด้วย ไม่รู้ว่าเป็นลูก เต้าเหล่าใคร?”
“น่าเอ็นดูยิ่งนัก ถ้าโตขึ้นอีกหน่อย จะต้องหล่อเหลารูปงาม แน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้นเด็กน้อยนั่นก็คู่ควรกับข้าแล้ว”
“พวกเราเข้าไปคุยกับหนูน้อยเซียวเย่นั้นดีมั้ย”
“ไม่เอาหรอก ข้าไม่กล้าเข้าไป…
เมื่อพวกผู้ชายได้ยินก็ยิ่งโมโห พากล่าวกันออกมา
“เหอะ! เจ้าหนูนั้นหน่ะหรอ ที่จัดการกับหัวเฉินกับเสงี่ยเจี้ยน ดูๆแล้วก็ไม่เห็นจะเก่งสักเท่าไหร่
“ใช่…มันนั่นแหละ ถ้าตอนนั้นข้าอยู่ด้วย ไอ้หนูนั่นกลับบ้านไป ฟ้องแม่นานแล้ว”
“ยังเด็กน้อยนัก คงต้องมีอะไรผิดพลาด คุณชายหัวเฉินกับ
คุณชายเสงี่ยเจี้ยนจะพ่ายแพ้ให้แก่เด็กน้อยได้อย่างไร
“ถ้าเราจัดการกับเจ้าเด็กนี้ได้ เราอาจถือโอกาสนี้ ในการได้ เข้าหาคุณชายหัวเฉินกัยคุณชายเสงี่ยเจี้ยนก็ได้
“เราจะทำได้? ขนาดคุณชายทั้งสอง…”
“เหอะ! เก่งกาจแล้วอย่างไร ถ้าพวกเราร่วมมือกัน ต่อให้มันมี เก้าชีวิตก็ไม่รอด”
เซียวเย่เดินผ่านพวกกลุ่มคนที่ซุบซิบนินทา ไปโดยไม่สนใจ อะไร กล่าวคิดในใจ
ก็เข้ามาสิ เข้ามาเท่าไรข้าก็จะสังหารเท่านั้น!!!
เซียวเย่เดินไปยังมุมๆหนึ่งของขอบลานกว้างยืนพิงต้นไม้
เงียบๆคนเดียว
“เจ้าคือน้องเซียวเย่ ใช่หรือไม่?
เซียวเยู่ที่หลับตาอยู่เงยหน้าขึ้นมามองเห็นเป็นหญิงสาวร่าง เล็ก หน้าตาน่ารักน่าชัง ดวงตาเหมือนไข่มุก เข้ารูปกลับโครง หน้าอย่างลงตัว สีผมสีแดงที่ถูกมัดเป็นจุกทั้งสองข้าง สีผิวขาว ผิวเนียนสวย โดยรวมจัดว่างดงามอย่างยิ่ง
“มีอะไรรึ แม่หนูน้อย?”
เมื่อได้ยินเซียวเพูด สาวน้อยผู้นั้นถึงกับคิ้วกระตุก
“แม่หนูน้อย?…เรียกแบบนี้กับคนที่อายุมากกว่า พี่สาวว่าคงดู ไม่ดีเท่าไรนักกระมัง”
“งั้นหรือ…ก็เจ้าตัวเล็กน่ารักเสียขนาดนี้ ข้าก็นึกว่าอายุน้อย กว่าข้าหน่ะสิ”
“น-นี่เจ้า!! ย-ย อย่าคิดว่าพูดแบบนี้แล้วข้าจะปล่อยผ่าน ถึง ข้าจะโตช้าไปหน่อยแต่ขาก็อายุ18ปีแล้ว อีกไม่กี่ปีข้างหน้าข้า จะสูงกว่าเจ้าแล้ว” สาวน้อยหน้าแดงกล่าวตะกุกตะกัก
“นี่เจ้าอายุเท่าไรกันเชียว ทำไมคำพูดคำจาถึง…ไม่ดูสมวัยถึง เพียงนี้”
สาวน้อยกล่าวด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อย
“ข้าพึ่งอายุ12ปีเมื่อไม่กี่เดือนก่อน แล้วเจ้าชื่ออะไรงั้นหรือ?”
“12ปี!! นี่เจ้าฝึกยุทธ์ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ไงกัน?
“ช่างเรื่องอายุก่อนดีมั้ย เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไร คงไม่ใช่เพราะ เห็นข้าน่ารักน่าเอ็นดูเลยจะแอบเลี้ยงดูไว้เพื่อใช้ให้ข้าไปอุ่นเตียง ให้เจ้าหรอกนะ”
“จ-จ-เจ้า!!”
Q(Q)
สาวน้อยหน้าแดงทั่วใบหน้า ทำให้ดูงดงามขึ้นหลายส่วน พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง สูดหายใจเข้าออกอยู่หลายรอบ ก่อนจะกล่าวออกมาเหมือน
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ-แฮ่ม! ข้าชื่อ ฉินฟางเซียน ข้ามีข้อเสนอ เจ้ากับข้า เราร่วม มือกันผ่านการทดสอบครั้งนี้ ดูเหมือนเจ้าจะมีคนคอยต้อนรับเจ้า อยู่ค่อนข้างข้าสามารถช่วยเจ้าได้ เราจะผ่านการทดสอบนี้ ไปด้วยกัน ”
“เจ้าก็รู้ว่าข้ามีศัตรูอยู่มากมาย ทำไมถึงยังอยากร่วมมือกับข้า หล่ะ”เซียวเยถามคล้ายสงสัย
“เพราะข้ารู้สึกว่าเจ้าน่าสนใจ
“น่าสนใจแบบไหน?”
(-_-)
“เอ่อ…หน้าสนใจบ-บ-แบบอยากเป็นสหายด้วย เจ้าเข้าใจ หรือไม่!
ฉันฟางเซียนหน้าแดงพูดแบบตะกุกตะกัก
“งั้น…ข้าขอปฏิเสธ”
เซียวเย่กล่าวตอบ
“ต๊ะ! ทำไมเจ้าต้องปฏิเสธด้วย
ฉันฟางเซียนกล่าวด้วยใบหน้าไม่พอใจ
“อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากคบเจ้าเป็นสหาย แต่ถ้าไม่ อยากให้เจ้าต้องมาเสี่ยงอันตรายกับข้าด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับ เจ้าแม้แต่เพียงเส้นผม ข้าคงรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต
“จ-จ-เจ้ารังแกข้า” ฉินฟางเซียนหน้าแดงกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ
กลุ่มคนที่เห็นเซียวเย่คุยกับฉันฟางเซียน ต่างก็พูดคุยกัน ยกใหญ่
“นั่นมัน! คุณหนูตระกูลฉิน ฉันฟางเซียนนี่นา ข้าจำไม่ผิดแน่ ผู้คนต่างขนานนามนางว่า ดรุณีอัคคี!”
“ดรุณีอัคคี เป็นใครงั้นหรือ ข้าไม่เคยได้ยิน?”
“เจ้าไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก แต่ถ้าใครเกิดแคว้นทางตะวัน ออกไม่มีใครไม่รู้จักนาง นางเป็นลูกสาวคนเล็กของผู้นำตระกูลฉิน ฉิน โก้ว เป็นรองเพียงตระกูลหัวเท่านั้น ด้วยรูปลักษณ์ที่ เหมือนเด็กตัวน้อยน่ารัก บวกกับนางใช้เคล็ดวิชาอัคคี ใครๆก็ เลยขนานนามกันแบบนั้น หนุ่มๆ ในแคว้นทางตะวันออก ตามจีบ นางกันเป็นแถว ไม่เว้นแม้แต่ คุณชายหัวเฉินก็ด้วย
“อย่างงั้นหรือ แล้วนางรู้จักกับเจ้าหนูเซียวเยได้อย่างไรกัน? “แล้วข้าจะรู้มั้ย ข้อก็ยืนอยู่กับเจ้าเนี่ย…
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ก็มีคนกลุ่มปรากฏขึ้นที่อีกฝั่งของปลายสะพาน เดินผ่านหมอก ขาวเข้ามา เดินจนมาถึงลานกว้าง กลุ่มคนที่มาถึงเป็นผู้ชายด้วยกันสามคน ทุกคนล้วนสวม
เสื้อผ้าสีฟ้า หน้าตาธรรมดา มัดผมเรียบร้อย ทุกคนล้วนมีอาวุธ เสียบอยู่ที่เอว ซึ่งบ่งบอกได้ทันทีว่าเป็นคนของสำนักพิทักษ์ธรรม ออร่ารอบตัวพวกเขาจัดได้ว่าแข็งแกร่ง ผู้คนที่พบเห็นต่างรู้สึกได้ ถึงความกดดัน
ทั้งสามคนมองไปยังกลุ่มคนหลายหมื่นคนที่อยู่ข้างหน้า สายตาตนเอง ชายคนตรงกลาง รวบรวมลมปราณไว้ที่หลอดลม เปร่งเสียงตะโกนออกมาเสียงดัง
“ทุกคนจงฟัง ใครที่มาเข้ารับการทดสอบก้าวออกมาข้างหน้า ใครที่ไม่ใช่ให้ถอยออกไปข้างหลัง!!
กลุ่มคนเริ่มแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว จนเหลือแต่กลุ่มคนที่ต้องการเข้ารับการทดสอบ ซึ่งดูแล้วมากถึง4หมื่นคนเลยทีเดียว
“พวกข้าคือศิษย์ของสำนักสายนอก ถ้าพวกเจ้าผ่านการ ทดสอบได้พวกเราคงได้เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน
ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังพูดถึงรายละเอียดต่างๆ เหล่าผู้เยาว์ ก็แอบซุบซิบนินทากัน
“ต๊ะ! ศิษย์สายนอกนั้น พวกนั้นดูแข็งแกร่งกว่าพ่อของข้าซะ อีก”
“ไม่แปลกหรอก ดูจากหน้าตาก็คง30ถึง40ปีไปแล้วจะ
แข็งแกร่งก็ไม่เห็นแปลก
“นั่นหน่ะสิ สำนักไม่ได้รับศิษย์มา20ปีแล้ว พวกศิษย์รุ่นก่อนก็ คงไม่มีใครอายุเท่าพวกเราแน่นอน
“ถ้าเป็นข้าไม่ต้องถึงอายุเท่านั้นหรอก ให้เวลาข้า10ปี ข้าก็ตบ
พวกเค้าเป็นโจ๊กไปแล้ว”
กลุ่มศิษย์ของสำนักที่ได้ยินก็มีเส้นเลือดปูดขึ้นบนใบหน้า แต่ ยังคงปั้นหน้ายิ้มแย้ม
รอให้พวกเจ้าผ่านเข้าเป็นศิษย์ก่อนเถอะ พวกข้าจะต้อนรับ ศิษย์ใหม่อย่างพวกเจ้าอย่างดีเลย
“ฟังให้ดี การทดสอบของสำนักจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด4การ ทดสอบ ถ้าพวกเจ้าผ่านด่านทดสอบแรกจะได้เป็นศิษย์สายนอก ถ้าผ่านการทดสอบที่สองจะได้เป็นศิษย์สายใน ถ้าผ่านการ ทดสอบที่สามพวกเจ้าก็จะได้เป็นศิษย์หลัก ถ้าพวกเจ้าผ่านการทดสอบที่สี่…พวกเจ้าจะได้เป็นศิษย์สายตรง
เหล่าผู้เยาว์พอได้ฟังก็คิ้วกระตุก
“ถ้าขาบังเอิญผ่านการทดสอบที่สองขึ้นไปได้ ข้าก็ต้องโดน
รังแกอยู่ดีไม่ใช่หรือไงกัน ขนาดศิษย์สายนอกยังเก่งขนาดนี้ พวกศิษย์สายในก็คงต้อง
แข็งแกร่งกว่ามาก ถ้าได้เป็นศิษย์สายในก็คงไม่พ้น โดนดูถูก
ว่าเราควรเริ่มต้นแค่ศิษย์สายนอกก่อนดี
“เอาหล่ะ ข้าจะประกาศการทดสอบแรก!… การทดสอบรอบ แรกนั้นง่ายมาก เพียงแค่พวกเจ้าเดินผ่านไปยังอีกฟากของ สะพานก็ถือได้ว่าผ่านการทดสอบ นั้นคือการทดสอบรอบแรก ของพวกเจ้า พวกข้าจะให้เวลาการทดสอบยาวนานถึงพลบค่ำ
เหล่าผู้เยาว์คนหนึ่ง ยกมือขึ้นเหมือนมีคำถาม
“แล้วการทดสอบที่เหลือหล่ะ คือการทดสอบอะไร?”
“การทดสอบที่เหลือ พวกเจ้าจะรู้เมื่อถึงเวลาเองนั่นแหละ
ศิษย์สายนอกมองไปทางคนที่ยกมือก่อนตอบคำถาม
“มีใครมีคำถามอีกหรือไม่?”
ทันใดนั้นเซียวเยก็ยกมือขึ้น กล่าวถาม
“ข้าสามารถสังหารคนได้หรือไม่”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินเซียวเข่กล่าว ต่างก็คิ้วกระตุก เส้นเลือดปูดขึ้นหน้าในเวลาเดียวกัน
ศิษย์สายนอกต่างมองหน้ากันและกัน ก่อนกล่าว
“โดยทั่วไปนั้นไม่ได้ แต่ถ้ามีคนพยายามจะฆ่าเจ้า เจ้า สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ แต่ถ้าฆ่าแล้วก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วย ตนเอง นอกเสียจากว่า…เจ้าจะมีค่ามากพอให้สำนักปกป้องเจ้า”
“เจอกันอีกครั้งที่อีกฟากของสะพาน…
พวกศิษย์สายนอกกล่าวเสร็จ ก็เดินกลับไปที่สะพานเพื่อกลับ ไปอีกฟาก
พอเห็นพวกศิษย์สายนอกเดินหายลับไป เหล่าผู้เยาว์ก็เริ่มพูด คุยกันอีกครั้ง
“แค่เดินไปถึงอีกฟากของสะพานก็ได้เป็นศิษสายนอกแล้วนรี”
“ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ศิษย์สายตรงข้ามาแล้ว!”
“เดี๋ยวก่อน! มันอาจเป็นกับดักก็ได้นะ”
“กับดักแล้วอย่างไร เจ้ามีความคิดที่ดีกว่านี่หรือ เจ้าไม่ได้ยิน หรือ? ว่าเค้าให้เราเดินข้ามสะพานไป ”
เหล่าผู้เยาว์เริ่มทยอยกันเดินทางข้ามสะพานกันเรื่อยๆ แล้ว
ฉันฟางเซียนเห็นว่าการทดสอบเริ่มต้นขึ้นแล้ว จึงหันหน้ามาก ล่าวกับเซียวเย่
“เจ้าแน่ใจนะว่าจะไม่ร่วมมือกับข้าหน่ะ?”
“ข้าเซียวเย่ พูดแล้วไม่คืนค่า เจ้าเดินทางข้ามสะพานไปก่อน ได้เลย” เซียวเข่กล่าว ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ฉันฟางเซียน ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดิน เข้าไปยังสะพาน
ระหว่างรอให้คนทยอยเข้าไปจนหมด เซียวเก็หันไปเห็นหัว
เฉิน
ที่หน้าเหมือนคนโมโหตลอดเวลาเดินเข้ามาหา กล่าว
“เจ้าหนู เจ้าชื่อเสียวเยสินะ อย่าคิดว่าตอนนั้นเจ้าชนะข้าได้ ข้าแค่เผลอถูกเจ้าเกินไปหน่อยเท่านั้น เจอกันครั้งหน้าเราจะได้ ตัดสินกัน ”
เขียวเยเงยหน้าขึ้นไปมอง หน้านิ่งเฉย
“ตอนนั้น….เจ้าควรขอบคุณคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเจ้านะ ไม่งั้น หัวเจ้าคงล่วงหล่นลงพื้น
“จ-เจ้า! ดี ดีมาก ข้าจะไปรอเจ้าอีกฟากของสะพาน แล้วก็อย่า
เข้าไปคุยกันฉันฟางเซียนให้มันเกินไปนัก
“เจ้าหึง?”
“เออสิ!!!”
หัวเฉินกล่าวเสร็จก็เดินทางไปสะพาน ตามไปด้วยเสงี่ยเจี้ยนที่ เดินตามไปห่างๆ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ