ตอนที่ 13 ข้าเป็นสหายเก่าของตระกูลเย่
“เจนโม่ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ” เป็นฝูหลิ่งที่ได้ยินเสียงดังมาจากใน บ้าน วิ่งอย่างรีบร้อนมาจากทางด้านหลังเพื่อเข้ามาดู
“เจ้าไปทำธุระต่อเลย ข้าแค่ดีใจไปหน่อยที่ได้ข่าวว่าเด็กๆ กลับมากันแล้ว” ชายแก่ไม่หันมอง เพียงดื่มเหล้าต่อไป กลิ่น เหล้าที่ถูกลมพัดโชยเข้าที่จมูกของเล่น โม่ ความจริงแล้วมันช่าง เป็นกลิ่นที่หอมหวาน แต่เล่นไม่รู้สึกราวกับกำลังอยู่ในระหว่าง สงครามเย็น
หรือเขาที่ทําตัวสบายเกินไป ทำให้ผู้อื่นรู้ตัวตนได้ง่ายเพียงนี้ ต้องบอกก่อนว่า เย่อเหยื่นที่ใช้ผ้าปิดหน้าไว้เพื่อทำเป็นหน้ากาก ตลอดทั้งวัน เพราะด้วยใบหน้าที่มีปานใหญ่อยู่เต็มครึ่งหน้า น่า กลัวราวกับผีสาว โดยปกติเย่อเหย็นจะปิดใบหน้าไว้ด้วยผ้าและ มักจะไว้หน้าม้ายาวๆ แทบจะไม่มีใครได้เห็นรูปร่างหน้าตาของ นาง
“เจนโม่” เย่นฝูหลิ่งมองไปยังเล่นไม่เอ่ยด้วยเสียงที่ตะลึงงัน ทนไม่ไหวที่จะถามขึ้น
“หน้าเช่น ไม่เป็นไร ข้าแค่แปลกใจไปหน่อย” เล่น โม่พูดและ ยิ้มอย่างเอาใจ ส่วนเป็นหนึ่งเดินเข้าในครัวอย่างลังเล
“อย่ากังวลไปเลย นอกจากข้า ก็ไม่มีผู้ใดที่รู้” ชายแก่ยังคง มองไปยังเด็กๆ ที่กำลังเดินมาจากที่ไกล เด็กพวกนั้นล้วนแต่เป็น เด็กกําพร้าที่เขารับมาเลี้ยง ต่างก็เติบโตกันแล้ว
“เช่นนั้น ท่านรู้ได้อย่างไร” เล่นไม่ทั้งใจเต็มไปด้วยความ สงสัย จําไม่ได้ว่าเคยพบกับชายแก่ที่แห่งหนใด
“เพราะ…ข้าเป็นสหายเก่ากับตระกูลเย” ชายแก่ยิ้มน้อยๆ ให้ เหล่าเด็กๆที่เดินเข้ามา ช่วงนี้มีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ทุกคนต่างก็สูงขึ้น “วันหลังเจ้าก็เรียกข้าว่า ท่านปูก ก็แล้ว น
“ท่านปู่ พี่ใหญ่เล่น” เมื่อเด็กๆเห็นเล่นไม่ตาก็เป็นประกาย รีบ วิ่งมาห้อมล้อม และต่างคนต่างพูดไม่หยุด
เล่นไม่ยิ้มรับทุกคน เด็กพวกนี้ถูกหลิงหยูนซื้อพามาที่นี่เมื่อ สองเดือนก่อน ทุกวันนี้มีความเป็นอยู่และสภาพจิตใจที่ดีขึ้นมาก
เด็กๆรีบพากันกินข้าวแล้วไปพัก ทำให้เวลานี้เป็นหนึ่งไม่ ปล่อยให้เวลาต้องสูญเปล่า นำสมุดบัญชีเล่มหนึ่งวางลงตรงหน้า เล่น โม่ “บัญชีของเม่ยเส้นฟาง ในเดือนนี้
เล่น โม่ลองดูผ่านๆ คิ้วกลับขมวดขึ้นแน่น “เกิดปัญหาขึ้น อย่างนั้นหรือ”
“ปัญหาใหญ่นั้นอยู่ด้านใน ในระหว่างแป้งฝุ่นของพวกเรารวม ถึงวัสดุอื่นๆต่างก็ต้องใช้ดอกไม้ ในช่วงฤดูหนาวมีดอกไม้ไม่ มาก แป้งฝุ่นในเมืองหลวงเกือบทั้งหมดถูกผูกขาดด้วยตระกูล หลิน จนไม่มีวัตถุดิบ ทำให้เราทำออกมาได้ไม่เต็มที่” เย่นฝูหลิ่ง พูดขึ้นอย่างเศร้าใจ ความจริงแล้วสามีของนางก็เป็นนักการค้า คนหนึ่ง เมื่อการค้าขายล้มเหลว สามีตายจากไป บ้านจึงเริ่มทรุด โทรมจนเป็นที่น่าตกใจ แต่สำหรับการค้า นางกลับทำได้เป็นอย่าง
“ข้ามีวิธี ไม่ใช่ว่าในช่วงฤดูหนาวดอกไม้จะบานไม่ได้ แต่ข้า เพียงไม่มีที่ดิน”
เจน โม่ที่ยังไม่ชัดเจนถึงหายนะของตระกูลเย่ ก็ไม่สามารถเปิด เผยตัวตนได้เช่นกัน
“เช่นนั้นก็ต้องหาผู้ร่วมมือ ขาได้ข่าวมาว่าด้วยอนุภาคเล็กๆที่ แบ่งแยกจากหมู่บ้านและที่ดินอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาลูกนี้ หรือบางทีอาจหาได้จากต้นน้ำของเมือง ที่นั่นมีอุณหภูมิที่อบอุ่น เป็นสี่ฤดูที่ไม่มีวันเหี่ยวเฉา” ผู้เฒ่าพูดเบาๆ
เล่น โม่ไม่พูดแต่กลับคิดว่า มวลอนุภาคแห่งสายลมงั้นหรือ
“อีกอย่าง เมื่อกิจการของเมียเย็นฟางดีขึ้น คงมีคนมากจนกระ สับกระส่ายเป็นแน่” เย่นหลิ่งพูดต่อ “เมื่อไม่นานมานี้มีคนมา เพื่อแอบสอบถาม และเมื่อคืนก็มีคนแอบปีนข้ามกำแพงเข้าไป ในโรงงาน”
เล่น โม่ตระหนักขึ้นมาทันที เขาตั้งใจจะปักหลักอยู่ในเมือง หลวง อยากจะมีอำนาจเป็นของตนเอง ไม่อยากจะถูกรังแกอีก ตอนนี้เพียงหาต้นไม้ใหญ่เพื่อพักพิง หรืออาจจะยังไม่ทันได้ทำ มันขึ้นมา ก็ถูกใครที่ไหนไม่รู้มาถอนรากถอนโคนเสียแล้ว
หลิงหยูนจื้อยืนเงียบๆอยู่ข้างเล่นโม่ ไม่พูดอะไร เพียงกำปั้นไว้ แน่นอย่างเงียบๆ พวกเขายังอ่อนแอเกินไปงั้นหรือ
ท่านเพียงจิบเหล้าไปคำหนึ่ง มองไปยังเล่นโม่เงียบๆ เขาต้องรอให้เล่นไม่แก้ไขปัญหาก่อน ในสายตาของเขาไม่มีความ หนักใจอันทุกข์ระทมที่อยู่บนบ่าของเล่น โม่ ทำเพียงแค่รอ
ตระกูลเย่นั้นมีหมู่บ้านที่ใหญ่โต เมื่อตระกูลเยถูกโจมตีจน ทําให้ลดลง บุคคลลึกลับต่างก็เข้ามาครอบครองหมู่บ้านไป เรื่อยๆ ไม่พูดไม่ได้ว่า เล่น โม่เองก็แตะต้องไม่ได้
เล่น โม่ขมวดคิ้วคิดสักพัก กลับยิ้มขึ้นน้อยๆ
“หยูนจื้อ ออกไปกับข้าไป ไป” เล่นไม่ลุกขึ้นยืน อากาศที่ หนาวแต่ไม่เท่าความหนาวของฤดูหนาว แต่เป็นลมแห่งฤดูใบไม้ ผลิ ในบางหุบเขามีดอกไม้ที่เริ่มบานแล้ว กลิ่นดอกไม้ที่ถูกพัด โชยมา ในยามค่ำคืน
เย่นฟูหลิ่งได้แต่มองเด็กทั้งสองที่เพิ่งวิ่งออกไป โดยไม่คิดจะ ตาม “ท่านเชื่อใจเขาหรือเย่นหลังถามอ่อน สายตาที่จ้องมอง
เหลือไว้แต่ความมืดมิด
“เจ้ากลับไม่เชื่อใจเขาหรือท่านถามเสียงอ่อน กลับไม่พูด อะไรอีก
เย่นฝูหลิ่งห้ามเสียงตนเองไว้ เธอเชื่อใจไหม บางทีในตอนที่ ได้รับการรักษาจากเจ่นโม่ ในช่วงเวลาที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บ เขาที่คอยวินิจฉัยอาการป่วยของลูกและของเธอ ก็ทำให้เธอเชื่อ ใจแล้ว เด็กที่ผอมแห้งราวกับถ้าต้องลมก็พร้อมจะปลิดปลิวไปได้ ทุกเมื่อ ดวงตาที่สุกสว่าง แต่ดูเหมือนว่าเป็นผู้ที่มีพลังงานไม่รู้จบ
ช่วงเวลาสั้นๆแค่สองเดือน ร้านขายแป้งฝุ่นที่แท้จริงแล้วเมีย เย้นฟางนี้ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมากมายในเมืองเขต ใต้
อย่างไรก็ตามเธอยังคงกังวล และกังวลว่าตนนั้นไม่สามารถ แบ่งเบาภาระให้กับเจนโม่ได้ เป็นห่วงว่าเจน ไม่ไม่สามารถประ คับประคองไหว เมืองหลวงแห่งนี้ มีเจ้าหน้าที่ทุกแห่งหน และยิ่ง ไม่มีอำนาจ คนธรรมดาทั่วไปยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะขอความช่วย เหลือและพึ่งพา
“วางใจเถิด เขาคือเล่นโม” ท่านปู่ยังคงพูดเบา ตั้งแต่ที่กล้า กลับมา เนื่องจากไม่ตาย ก็เป็นคนที่มีเก้าชีวิตแล้ว ทุกย่างก้าวที่ เดินล้วนระมัดระวังอยู่เสมอ
“ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวแบบนี้ไม่เลวเลยเล่น โม่ยืนอยู่บน ภูเขาสูง หอบหายใจอย่างรุนแรง แต่กับหลิงหยูนซื้อที่หน้าไม่ แดงไม่เหนื่อย ทำให้เล่น โม่ประหลาดใจ ดูไปแล้วการที่หลิงห ยูนจื้อที่คอยอยู่ข้างกายท่านไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
พระจันทร์ที่ไม่รู้ว่าออกมาจากเมฆหมอกตั้งแต่ตอนไหน ทั่วทั้ง ป่าจึงกระจ่างชัดขึ้นมา
ดูเหมือนจะมีเสียงหมาป่าที่ร้องโหยหวนออกมาจากสักที่ เสียงเบาตามสายลมที่พัดมาเมื่อฟังดีๆกลับเหมือนมีคนอยู่ด้วย
“หยูนจื้อ เจ้าอาจจะเสียใจที่พาข้ากลับมา” เงียบไปครู่หนึ่ง ทันทีที่เล่นไม่ถามขึ้น วันนั้นเขาออกมาจากถ้ำ ต้องใช้เวลาเดิน ทางไกลพอควร จึงจะออกจากหุบเขานั่นได้
ใครจะไปคาดคิดว่าหิมะที่ตกหนักจะหนาวเหน็บได้ขนาดนั้น ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด แม้แต่หิมะยังพบได้ไม่บ่อย ยิ่งกว่านั้นที่นี่ กลับเป็นหิมะที่หนาหลายฟุต พอที่จะกลบทุกอย่างได้หมด
เพราะการเดินทางทําให้แผลเปิด เพราะความหิวโหยและบาด เจ็บสาหัส เขาที่กำลังจะตายอยู่บนหิมะ กลับถูกหลิงหยูนซื้อที่ เดินผ่านมาช่วยเขาไว้
“ทำไมต้องเสียใจ”หลิงหยูนจื้อขมวดคิ้วที่อ่อนโยนมองมา อย่างสงสัย และทำการตัดสินใจอยู่อย่างลับๆ
“ท่านทำให้ข้ารู้ว่า การมีชีวิตอยู่ต้องทำสิ่งที่มีความหมาย มี เป้าหมายและความหวัง หลายปีที่ผ่านมา ข้าใช้ชีวิตไปอย่างโง่ เขลา กินอิ่มก็พอ ไม่เคยที่จะไล่ตามอะไร แต่ว่าตอนนี้ ข้าต้องการ ความแข็งแกร่ง ปรารถนาที่จะเติบโต เพราะมีคนที่ต้องปกป้อง และมีหลายสิ่งที่ต้องทำ
“แต่ว่าเขาอาจนําพาเจ้าไปยังที่ที่อันตรายเกินไป ข้าบอกเจ้า ได้เพียงว่า ข้ากลับมาเพราะความบาดหมางของตระกูล เพื่อแก้แค้น”เจน ไม่ถอนหายใจ ข้ามา
“ถ้าเช่นนั้นก็แก้แค้น ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” หลิงหยูนจื้อเสียงเบามาก เพราะเหตุผลลัพธ์ จึงยืนนิ่งๆอยู่ข้าง กายเล่น โม่ เอียงกายเล็กน้อย เพื่อคอยบังลมหนาวเย็นที่พัดผ่าน
“หยูนจื้อ เหตุใดเจ้าถึงอยู่กับพวกเขา”เล่น โม่สงสัยเรื่องนี้มา ตลอด หลิงหยูนจื้อที่ไม่ว่าจะการพูดคุยหรืออื่นๆ ก็ดูไม่เหมือน เด็กขอทาน
“ถูกทิ้งตอนห้าขวบ ท่านจึงเก็บข้ามาเลี้ยง” เมื่อหลิงห ยูนจื้อพูดถึงตรงนี้ ในดวงตาได้เกิดความผันผวน
“แล้วเจ้ายังจํา…”
“จำไม่ได้แล้ว เช่น โม่ยังไม่ทันพูดจบ หลิงหยูนซื้อก็ตอบกลับ อย่างเด็ดขาด คําตอบที่รวดเร็ว แทนสิ่งที่อยากปกปิด
“ไม่ว่าเมื่อใดที่เจ้าคิดออก จำไว้ว่าอย่างไรข้าก็อยู่ข้างเจ้า เสมอ” เล่น โม่ยืนใกล้เขาแล้วพูด ไกลออกไปเป็นเมืองหลวงของ แคว้นเฟิงหลว แม้ในเวลากลางคืน ก็ยังคงสว่างสุกใสอยู่ และ ความสุกใสนี้ก็เหมือนคืนนั้นในจวนเยโกงที่โชติช่วงไปด้วย กองเพลิง
หลิงหยูนจื้อในตอนนี้จึงเป็นโม่อย่างแรง เช่น โมล้มลงกลางอก ของเขา ทั้งสองรับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นยังด้านหลัง ต้นไม้ใหญ่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ