ตอนที่ 11 เสียใจที่ติดตามช้าหรือไม่
“ไอหยา ท่านปู่ย่าของข้า ในที่สุดเจ้าก็กลับมาสักที เหล่าผู้คน ล้วนเป็นกังวล ห่วงเจ้ากันแทบแย่”
เมื่อไต้เท้าถุงแห่งร้านการแพทย์ หมินเห็นเล่นไม่เดินเข้ามา จึงตะโกนพูดขึ้นอย่างเสียงดัง แต่เดิมทุกคนต่างรู้กันดีว่าใต้เท้า ถงนั้นมักจะชอบพูดเรื่องที่หาสาระไม่ได้
ครั้งนี้ที่เล่น โมเดินเข้ามาทำให้เขาเห็นหน้า จําต้องเผลอ กระโดดไปสามก้าว เพราะถูกเสียงตะโกนแทงเข้าที่ทำให้รับรู้ ถึงอาการเจ็บที่หูตนเอง
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บหรือไม่ แล้วทำไมต้องย่างเท้า อีกข้าง เข้าไปยังประตูของเหล่าขุนนางด้วยเล่า เจ้าคิดว่ามีชีวิตที่ ยาวเกินไปงั้นหรือ”
ใต้เท้าถุงที่ด้วยร่างอันท้วมกลม เดินเข้าไปสำรวจดูรอบๆของ เล่น โมราวกับลูกบอลที่กำลังกลิ้งไปมา
เล่นโม่ไม่มีแม้แต่คำพูด เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากจะเอาเท้า เหยียบเข้าไปยังบ้านของผู้มั่งมีอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นเรื่องบังเอิญ เท่านั้น การที่เขาแค่จะเข้ามาดูรูปลักษณ์ของโจซื้อโจว ใครจะไป คาดคิดว่าเมื่อเข้ามาแล้วกลับต้องมาติดอยู่ในสภาพนี้
“ข้าไม่เป็นไร” เจ่นโม่ตอบอย่างจนปัญญา นอกจากจะมี อาการเจ็บเล็กน้อยจากที่ต้องตกลงมาจากรถม้า ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียหายแต่อย่างใด แต่กลับคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าท้าทาย มากกว่า เมื่อคิดได้ดังนั้นเล่นไม่จึงยิ้มขึ้นอย่างแปลกๆที่มุมปาก ทำให้ผู้อื่นที่เห็นเข้า เกิดความไม่ไว้วางใจ
ใต้เท้าถงถึงกับถอยหลังไปสามก้าวในทันที ชี้นิ้วมืออันอวบ อ้วนทั้งคู่ไปยังเล่นโม่แล้วตะโกนเสียงดังลั่น
“เจ้า เจ้าทําเรื่องชั่วร้ายอันใดอีก” แม้ว่าเล่นโม่จะเป็นถึงหมอ เทพเซียนของศาลาการแพทย์ แต่ก็ไม่ควรหาเรื่องที่จะทำให้เขา ต้องโดนหางเลขไปด้วย เขาที่แก่จวนจะเข้าโลงอยู่แล้วกลับต้อง มารู้สึกเหนื่อยใจมากขึ้นในทุกวัน
เริ่มแรกนั้นไม่น่ามีคนเข้ามาสร้างปัญหาที่ศาลาการแพทย์เลย เป็นเพราะเล่นโม่ที่สามารถจัดการรักษาคนให้รอดได้ภายใน ระยะเวลาอันสั้น จึงต้องรีบอัญเชิญเขาให้เข้ามาอยู่ในศาลาการ แพทย์ ยิ่งกว่านั้นหลังจากที่เล่นไม่ได้ช่วยศาลาการแพทย์ ทำคลอดที่ยากเย็น ให้กับแม่ลูกคู่หนึ่งได้สำเร็จ จึงตกลงว่าจะไม่ ไล่เขาไป และแต่งตั้งให้เขาได้เป็นหมอ แม้จะได้รับเงิน แต่ ภายในใจกลับรู้สึกถูกทุบจนแหลกสลาย
“ข้าจะไปเก็บยา หากมีคนมาหา ให้บอกว่าข้าไม่อยู่” เล่นไม่ พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก หันหลังเดินตรงออกไปยังทางด้านหลังห้อง โถง
“นี่เจ้าหนุ่ม ข้าจะไม่ช่วยเจ้าจัดการกับปัญหา ตกลงหรือไม่
ใต้เท้าถุงตะโกนตามหลังด้วยใบหน้าที่ดำคร่ำเครียด แต่เล่น โม่ที่เดินเร็วกว่า เขาที่หันมาพูดในทันที กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของคนแล้ว
เมื่อพ้นจากสายตาของผู้คน เล่นไม่จึงลดความเร็วในการย่าง เท้าลง ใช้มือกดไว้ตรงบริเวณหัวไหล่ของเขา จุดนั้นที่เริ่มรับรู้ถึง ความเจ็บปวด และความเปียกชื้นที่เต็มไปทั่วร่างกาย
สายตาราวเหยี่ยวอันเฉียบคมกลับเต็มไปด้วยความหนาว เหน็บ การกระทําของเฟิง คงทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ อีกอย่าง นั่นยังเป็นการถูกผลักให้ตกจากรถม้า
เจน ไม่รีบเก็บของบางอย่าง เดินออกไปทางด้านหลังของ
ประตู
เมื่อท้องฟ้ามืดลง ก็ถึงเวลาต้องปิดประตูกันแล้ว
ทั่วทั้งสี่ทิศของเมืองหยิ่งล้วนเป็นเทือกเขาสูง ส่วนที่แคว้น เฟิงหลวก็มากด้วยภูเขา เมื่อเล่น โม่มาถึงนอกเมืองจึงเดินเข้าไป ยังกระท่อมหลังเล็กกลางป่า ท้องฟ้ามืดไปนานแล้ว ภายใน กระท่อมมีเพียงไฟที่สลัว ด้านข้างมีโต๊ะไม้อีกอัน ใกล้ๆนั้น มีคน สองคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว เป็นชายแก่ที่ผมขาวทั้งหัว ดวงตาทั้งคู่ที่ เต็มไปด้วยความชาญฉลาดและใจกว้าง มือข้างหนึ่งถือไหเหล้า ไว้ ส่วนอีกข้างลูบหนวดเคราสีเทาอันยาวเฟือยของเขา หากแต่ ว่าเสื้อผ้าบนกายกลับขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงจนเป็นก้อน
คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาคือเด็กหนุ่มที่ราวสิบห้าสิบหก ใบหน้าที่หล่อเหลาและอ่อนโยน นั่งยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือเล่นโม่ จึงลุกขึ้นยืนทันที
“คุณชาย”
“หยูนจื้อ” เล่น โม่เหนื่อยหอบฟังอยู่กับประตู แม้ว่าจะปรับ สภาพร่างกายของตัวเองมาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว แต่ร่างกาย กลับยังอ่อนแอและเปราะบาง ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ยังเจอกับเหตุ ร้ายตั้งมากมาย
เด็กหนุ่มหยูนจื้อเดินเข้ามา ช่วยพยุงแขนของเล่น โม่เข้ามานั่ง โต๊ะไม้เดียวกัน แม่หญิงนางหนึ่งอายุราวสามสิบเดินเข้ามาจาก ด้านหลังเพราะได้ยินเสียงของคนที่เข้ามา ในมือถืออาหารร้อนๆ อันหอมกรุ่นอยู่ คิ้วงามที่อ่อนโยน รอยยิ้มอันบริสุทธิ์ ร่างกายที่ ผอมบาง ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าคบหา
“คงยังไม่ได้กินอะไรกันเลยสินะ” เมื่อได้ฟังคำพูดทำให้เล่นไม่ รู้สึกประหลาดใจ
เจน ไม่ยิ้มออกมาอย่างยากเย็น ใบหน้าซีดขาว เงยหน้าขึ้น
มองผู้หญิงตรงหน้า
“หน้าเช่น เจ้าช่วยมาดูอาการบาดเจ็บของข้าก่อน” ในตอนนี้ ทั้งไหล่กลับเปียกชุ่ม บาดแผลที่ไม่ได้ทำการรักษาตอนนี้ยิ่งเปิด กว้างขึ้น
เย่นหลิ่งที่ถูกเรียกว่าหน้าเย็นกลับตะลึงงัน ในดวงตาเกิด ความกังวลที่สั่นเทา
“ทำไมถึงบาดเจ็บอีกแล้ว” พูดพลางช่วยพยุงเด่นโม่อีกข้าง เข้าไปยังห้องด้านหลัง
หลิงหยูนจื้อกับชายแก่สบตากัน ในสายตาเต็มไปด้วยความ กังวลอย่างชัดเจน กับเรื่องที่วันนี้เล่น โม่เจอในเมืองหลวง พวกเขาต่างก็รู้กันเล็กน้อย โดยปกติก็รู้แล้วว่าเล่นไม่ได้เข้าไปพัวพัน กับอะไรเหมือนเดินลงบ่อโคลนที่ขุ่นมัว อาจจะมีปลาในบ่อโคลน แต่ไม่ใช่ไม่รู้ภัยพิบัติที่อยู่ในบ่อโคลนนั้น
“เสียใจที่ติดตามข้าหรือไม่” เล่นไม่ได้กลับมานั่งลงบนโต๊ะ ตามเดิม จับตะเกียบไว้แล้วถามขึ้นเบาๆ
หลิงหยูนจื้อกับชายแก่มองดูเป็นฝูหลิงเอากะละมังที่เต็มไป ด้วยเลือดออกไปด้านนอก สายตาที่ตำลึก ใบหน้าวิตกกังวลขึ้น ชั่วขณะ
“ท่าน ไม่เป็นไรใช่หรือไม่” หลิงหยูนซื้อทนไม่ไหวจึงถามขึ้น เด็กชายผู้นี้ทั้งอ่อนโยนและเงียบสงบ เล่น โม่มักจะคิดว่าเขาเป็น น้องชายของตนเสมอ ทั้งๆที่หลิงหยูนซื้อต้องแบกรับสิ่งต่างๆ และ หน้าที่มากมาย แต่นั่นก็เป็นเพราะในจิตใจของเขาไม่ใช่เด็กอีก แล้ว
“แค่แผลแตกเท่านั้น ไม่เป็นไรมาก ติดตามข้านั้นอันตรายเกิน ไป ข้าไม่อยากลากพวกเจ้าให้มาข้องเกี่ยวด้วย เช่น โม่ถอน หายใจ อาจเพราะต้องสูญเสียมากไป หรืออาจเพราะจิตใจของ เขาเริ่มอ่อนแอลง เขาไม่หวังให้คนใกล้ตัวต้องเกิดปัญหาอีก
ทั้งสามต่างอยู่ในความตะลึงงัน จ้องมองสายตาของเล่น โม่ที่ เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
“เล่น โม่ ข้าจะยังติดตามท่าน” หลิงหยูนซื้อพูดอย่างจริงจัง อาจเป็นเพราะค่ำคืนที่หิมะตกหนักเขาได้ช่วยเล่น โม่ไว้ หรืออาจ เพราะที่เล่นไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเขาไว้ อย่างไรก็จะยังคงติดตามเล่น โม่ ทันใดนั้นก็รู้ทิศทางของตัวเอง
เจน ไม่ก้มหน้าก้มตากินข้าว โดยไม่เงยหน้าขึ้น แต่กลับรู้ถึง สายตาของชายแก่ที่จ้องมองเขาอยู่
ชายแกรินเหล้าเบาๆ ทั่วทั้งกระท่อมหอมอบอวลไปด้วยกลิ่น เหล้า ไม่มีผู้ใดรู้ว่า เหล้าที่ชายแก่ดื่มนั้นไม่เคยได้ซื้อมา เป็น เย่นฝูหลิ่งที่ต้มเอง เรียกว่าน้ำเมาของสาวงาม แต่มันกลับ เป็นการต้มเหล้าที่ผสมลูกพลัมสีแดงในฤดูหนาวและสมุนไพร ต่างๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกโบตั๋น
ทั้งตัวของเขาช่างดูสกปรก แต่กลับไม่มีกลิ่นแปลกๆอะไร ผม ที่ดูเป็นสีขี้เถ้า ใบหน้าที่แดงระเรื่อตรงแก้มจากฤทธิ์เหล้า ดวงตา ทั้งคู่ของชายชราจ้องมองเจน ไม่อย่างชัดเจน
วันนั้น หลิงหยูนจื้อแบกเล่น โม่ที่บาดเจ็บสาหัสกลับมา ความ จริงเขาไม่เต็มใจที่จะรับไว้ จากชุดที่เจนไม่สวมใส่นั้นดูก็รู้ว่า ไม่ใช่บุคคลทั่วไป ด้วยผิวพรรณที่ขาวผ่อง ทำให้ดูเหมือนกับ ผู้ชายเจ้าสำอางที่ไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง แต่กลับมีใบหน้าที่สวยงาม ชายที่มีลักษณะแบบนี้ต่างก็ถูกเรียกว่าเป็นคนขอทาน จะต้องไม่ เกิดประโยชน์และเป็นตัวปัญหาแน่
ยังมีผู้คนอีกมากที่ต่างขอพรเพื่อความอยู่รอด เพื่อมีข้าวกิน จึงไม่กล้าที่จะมีเรื่องและข้องเกี่ยวกับเรื่องใดๆ
แต่เล่น โม่คนนี้ อาจจะลดความดึงดูดจากลัทธิทางศาสนาไม่ ได้อยู่แล้ว เพราะความงดงามที่มากจนเกินไปอาจถูกนำตัวไป เพื่อเป็นที่บูชา
หากไม่กล่าวถึงตอนนั้น ลมหนาวที่โหมกระหน่ำ บ้านที่พัง ทลายทำให้กลุ่มเด็กไปจนคนเฒ่าคนแก่ที่ล้มป่วยกันอย่าง มากมาย ไม่มีเงินก็ไม่มีคนเหลียวแล ในฤดูหนาวแบบนี้แม้แต่ สมุนไพรยังไม่มีให้เก็บ แม้แต่ชาขิงยังช่วยบรรเทาไม่ได้
หลังจากเล่น โมฟื้นขึ้น ขั้นแรกคือการเข้าพบเขา เขากล่าวว่า หากขาสามารถรักษาคนทั้งหมดนี้ได้ ท่านจะให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อได้ หรือไม่
ทั้งๆที่เป็นแค่คำถาม แต่เขากลับฟังได้ถึงน้ำเสียงที่แฝงไป ด้วยความมั่นใจ
แต่แค่เพียงเข็มเย็บผ้าเล่มเดียว ชาขิงไม่กี่หม้อ เวลาเพียงไม่กี่ วัน เช่น โม่กลับสามารถรักษาคนทั้งหมู่บ้านได้จริงดังที่กล่าว
ตอนนั้น เช่น โม่พูดขึ้น หากว่าข้านำพาพวกเจ้าได้ นำพาชีวิตที่
แตกต่างมาให้กับเด็กๆได้ พวกเจ้ามีใครที่จะยอมติดตามข้าบ้าง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ