นางบำเรอในมือมาร

ตอนที่ 8



ตอนที่ 8

เจ้าของรองเท้าผ้าใบสีชมพูบอบบางค่อยๆ ก้าวเท้าลง ที่บันไดอย่างเบาที่สุด เพราะตลอดทางเดินออกจากห้อง นอนมาจนถึงบันไดด้านหน้า เจ้าตัวก็ทั้งหมอบคลานทั้ง เดินย่องเพื่อไม่ให้เกิดเสียงซึ่งอาจทำให้คนที่คิดว่าหลับ อยู่ตื่นขึ้นมาเห็นได้ ในมือประคองกระเป๋าสะพายใบย่อม ใบหน้านวลหันรีหันขวางก่อนจะค่อยๆ กระเถิดลงบันไดที ละชั้นๆ

“ยายจ๋า ลิลขอโทษนะจ๊ะ ลิลอยากไปดูให้แน่ใจว่าแม่.. ยังอยู่ดีหรือเปล่า ลิลขอโทษ”

ใบหน้าแหงนมองขึ้นไปบนเรือนที่ยังมืดมิดไร้แสงไฟ สองมือพนมไหว้ ดวงตาหวานสั่นเครือไปด้วยหยาด น้ำตา ลลิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดใจมุ่งสู่ ทางออก สองเท้าพาก้าวไปแต่หัวใจกลับรู้สึกเบาโหวง เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่จะจากบ้านไปไหนไกลๆ แม้ สมุทรปราการจะไม่ไกลเท่าใดนัก ทว่าก็ไม่เคยคิดว่าจะ ไปไหนห่างบ้านเกินกว่า 3 วัน เว้นเสียแต่เวลาโรงเรียนพา ไปเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารีเท่านั้น แต่สถานที่ที่คิดจะไป อยู่นั้นอาจต้องใช้เวลากว่า 4 เดือน และก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่า คนที่จะไปหานั้นจะเต็มใจที่จะรับผิดชอบลูกที่เหมือนจะ ทิ้งขว้างนี้หรือไม่

ลลิลหยุดเดินพลางหันมองเรือนไม้อีกครั้ง แสงไฟที่ถูก ตามขึ้นในห้องทำให้รู้ว่าคนบนเรือนนั้นคงตื่นแล้ว แม้ น้ำตาจะรินไหลแต่ก็เลือกแล้วที่จะไป
…กร๊งงงงง…กรี๊งงงงง…

เสียงโทรคัพท์ที่แผดเสียงร้องตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางทําให้ ลินลดาสะดุ้งตัวตื่นในทันที ดวงตาหวานทว่าแฝงไว้ด้วย ความอิดโรยมีแววขุ่นเคืองชั่วครู่ แต่แล้วก็รีบปรับเป็น ปกติโดยเร็ว คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากัน

“ใครจะโทรมาแต่เช้า.. ในเมื่อก็รู้อยู่ว่าเรา…ทำงานกลาง คืน”

คำสุดท้ายนั้นเพียงคิดไว้ในใจ ก่อนที่ร่างอวบอัดจะรีบ เคลื่อนกายลงจากเตียงเพื่อไปรับเสียงที่ยังแผดลั่นอย่าง คนต้นสายนั้นร้อนรนเสียกว่าใคร

“สวัสดีค่ะ..”

เสียงที่เปล่งออกมาตามสายนั้นมีผลทำให้มือไม้อ่อนแรง ลินลดาปล่อยเนื้อกายให้ลู่ลงสู่พื้นอย่างไม่อาจควบคุมตัว เองไว้ได้ ดวงตาหวานเบิกโพลงพลางละล่ำละลักกรอก เสียงพูดลงไปทั้งที่ตัวเองก็แทบจะหัวใจแตกสลายอยู่แล้ว

“แม่..ใจเย็นๆ ไว้ หนูจะจัดการเองจ้ะ.. ไม่ต้องห่วง หนูจะ ไม่ปล่อยให้ลูกต้องลำบาก แม่ไม่ต้องห่วง จ้ะ… จ้ะ..

น้ำตาที่ปริ่มจะไหลต้องรีบสะกดทิ้งก่อนจะรีบจัดการตัวเองให้พร้อมที่จะรับสถานการณ์ที่คงมาถึงไม่เกิน 7 โมงเช้าของวันนี้ เธอต้องรีบเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนที่ ลูกจะมาเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น

“ลินลดาคาเฟ่” ป้ายชื่อที่บ่งบอกเหมือนกับสิ่งที่เขียน อยู่ในกระดาษ ดวงตาหวานที่ทอประกายสีเขียวหม่นจ้อง มองป้ายชื่อนั้นนิ่ง ไอร้อนผะผ่าวที่เกิดขึ้นเหมือนจะรู้สึก ได้ที่ดวงตาและปลายจมูกนั้น ลลิลหลับตาชั่วครู่เรียกแรง ฮ็ดให้กับตัวเองเมื่อความรู้สึกต่างๆ เหล่านั้นมันปะปนไป ด้วยความประหม่าและไม่แน่ใจว่าเจ้าของสถานที่แห่งนี้ จะยินดีต้อนรับเธอหรือไม่

“สู้! ไอ้ลิล สู้! อุตส่าห์นั่งรถมาถึงนี่แล้วจะกลัวอะไรอีก ลองสักตั้ง คิดซะว่าจะได้ไม่เสียเที่ยวรถ

ลลิลทำท่าสู้ๆ เรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนที่ร่างสูงโปร่ง จะเดินสํารวจรอบๆ บริเวณหน้าร้าน ประตูทางเข้าที่ปิด มิดชิดพร้อมทั้งเขียนกำกับเวลาปิด-เปิดเอาไว้ทำให้ลลิล เกิดความไม่แน่ใจว่าจะมีใครอยู่ที่นี่หรือเปล่า ร้านอาหา รกึ่งสปาในความคิดของเธอช่างแตกต่างไปจากสิ่งที่เห็น อย่างสิ้นเชิง สภาพด้านนอกที่ปลูกต้นไม้ประดับไว้ตาม รั้วพร้อมติดไฟสีต่างๆ ที่เห็นนั้น ทุกๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นจับ จนหนาเตอะ รวมทั้งแผ่นป้ายไฟนีออนที่ประดิษฐ์อักษร ไว้เป็นคำอ่านชวนวาบหวามนั้นด้วย มันยิ่งทำให้เธอรู้สึก แปลกๆ กับสิ่งที่แม่และยายบ่งบอกว่าเป็น “ร้านอาหาร”
“สาว สวย ขาว อึ่ม sexy”

ลลิลย้อนกลับมาที่ประตูด้านหน้าอีกครั้ง เมื่อสํารวจดู ทุกทางก็ไม่เห็นว่าจะมีช่องทางใดที่จะเข้าไปข้างในได้ นอกเสียจากประตูทางเข้านี้เท่านั้นก่อนที่จะแนบสายตา กับบานประตูใหญ่ที่แม้จะมืดแต่ก็ยังมองเห็นสภาพด้าน ในได้อย่างรางเลือน โต๊ะเก้าอี้เข้าชุดตามมุมต่างๆ รวมทั้ง เวทีเล็กๆ ด้านใน ทำให้ลลิลต้องถอนหายใจออกมาเฮือก ใหญ่ “ร้านอาหารจริงๆ” ความกังวลใจกับสภาพภายนอก แทบจะหมดไปในทันทีถ้าไม่เพราะ..

“โอ๊ะ! ว๊าย!.”

บานประตูที่ถูกดึงจากด้านในทำให้ลลิลเสียหลักเอน ไปข้างหน้าด้วยความตกใจแต่ก็ไม่เท่าที่ร่างบางนั้นกลับ เอนไปซบแผงอกกว้างของใครบางคนที่กำลังรวบร่างของ เธอไว้ทั้งตัว ทันทีที่เรียกสติกลับมาได้ใบหน้าจึงแหงนขึ้น มองโดยอัตโนมัติ ทว่าสิ่งที่เห็นกลับทำให้เธอตื่นตะลึง เสียยิ่งกว่า แก้มนวลเหมือนจะมีสีระเรื่อขึ้นในทันทีเพราะ เจ้าของดวงตาคมเข้มนั้นอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบจนสามารถ สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ จางๆ นั้น

ภคินถึงกับชะงักไปชั่วครู่กับสิ่งที่เห็น เด็กสาวที่ล้มหน้า คะลําลงมาที่อกของเขา ความรีบทำให้เขากระชากบาน ประตูเปิดเร็วเพราะไม่คิดว่าจะมีใครกำลังแนบร่างอยู่กับ บานประตูนี้ แต่จากสภาพของเธอก็คงจะปฏิเสธไม่ได้จริงๆ เพราะเล่นกลามาตามแรงกระชากถึงขนาดนั้น ทว่าดวงตากลมโตที่นัยน์ตานั้นให้สีเขียวหม่นๆ ที่มองเห็น อยู่ห่างไม่ถึงคืบนี้กลับทำให้เขาต้องขอบคุณความเพลีย ที่ทําให้เขาเผลอหลับไปจนเช้า ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มี โอกาสได้เห็นของสวยๆ งามๆ ยามเช้าแบบนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ