นางบาเรอเติมใจ

บทที่ 1



บทที่ 1

สาวหน้าสวยหวานนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในร้านอาหาร ตามสั่งข้างมหาลัย ข่าวนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงหน้าตาหล่อ เหล่าติดท๊อปสิบหนุ่มชวนฝันของโลก เป็นที่หมายปอง ของสาวๆ ตั้งแต่อ่านมาเธอไม่อาจละสายตาไปจากตัว หนังสือในนั้นได้เลย นางสาวพิรุณรัก เจตจํานนท์ หรือ ปลายฝน คลั่งไคล้หนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่ง เป็นลูกครึ่งไทยด้วยแล้วยิ่งน่าหลงใหล

รายละเอียดในนั้นบอกว่า เขาชื่อ แกริค ซีคีเลียโน ลูก ครึ่งไทย อิตาลี แม่เป็นคนไทยพ่อเป็นคนอิตาลี แต่ หน้าตาของเขาออกไปทางอิตาลีมากกว่าไทย จมูกโด่ง เป็นสัน คิ้วหนาดกดำ ปากกระจับได้รูปสีเข้ม ผมสีดำเข้ม แถมมีเคราหน่อยๆ อย่างที่เธอคลั่งไคล้ รูปร่างสูงใหญ่ ภายใต้เสื้อสูทนั้นคงมีซิกแพคแน่นๆ อย่างคนที่ชอบดูแล ตัวเองเป็นแน่ ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งครบวงจร ทั้ง ทางเรือ ทางบก และอากาศ แถมยังมีบอกอีกว่าตระกูลซี คีเลียโนสืบเชื้อสายมาจากมาเฟียอิตาลี

เร้าใจเป็นบ้า

บทสัมภาษณ์มีตั้งแต่เรื่องงาน การก่อตั้งธุรกิจที่สืบทอด มาจากครอบครัวและชายหนุ่มเป็นคนก่อตั้งเอง

แต่ที่ทำให้ให้พิรุณรักสนใจมากคงไม่พ้นเรื่องความรัก หรือสเปคสาวๆ ของเขา คงไม่มีสาวๆ คนไหนที่ไม่อยากรู้เรื่องนี้ แต่คำตอบที่แกริค ซีคีเลียโน ตอบนั้นมันสั้นมาก แถมไม่มีสเปคตายตัว แต่ก็เป็นคําตอบที่สะกดสาวๆ ได้ เหมือนกัน คือ ผู้หญิงที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงได้ตั้งแต่ แรกเจอ เขาตอบไว้แค่นั้น พิรุณรักครุ่นคิดว่าคนแบบไหน กันนะที่ทำให้ผู้ชายแบบนี้หัวใจเต้นแรงได้ ต้องเพอร์เฟค ขนาดไหน

“ยัยปลายฝนแกอ่านอะไรอยู่ พวกฉันกินข้าวจะเสร็จ แล้วนะ” เสียงเรียกของเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามทำให้ คนที่กำลังตั้งใจอ่านข้อความในกระดาษหนังสือพิมพ์ต้อง สะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ซึ่งก็คือ หทัยรัตน์ หรือหวาน ใจ เพื่อนสนิทของเธอ

“ข่าวทั่วไป รีบกินไปไหนรอด้วย” เธอว่างหนังสือพิมพ์ลง แล้วหันมาสนใจจานข้าวตรงหน้า สลัดใบหน้าหล่อเหล่า ราวกับเทพพระบุตรของชายในฝันออกไป

“เร็ว เรามีสอบนะ” และก็มีอีกหนึ่งคนนั้นก็คือ เอกพล หรือ เอมมี่ ที่มันให้เพื่อนเรียก เป็นสาวประเภทสองที่สวย มากแต่ยังไม่ตัด เมื่อเพื่อนพูดแบบนั้นเธอก็เร่งรีบกินอย่าง ไว ลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองมีสอบ

“เออ” ทั้งสามคนเรียน คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขา คอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนี้ทั้งสามคนได้อยู่ปีสามแล้ว

ชีวิตของพิรุณรักไม่มีอะไรมาก เธอไม่ได้เป็นสาวเมืองกรุงและไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ลำบากจนเกินไป พ่อแม่ ทําไร่ทําสวนพอมีพอกิน แต่ที่ได้เข้ามาเรียนในเมืองใหญ่ เพราะพ่อกับแม่อยากให้เธอเรียนมหาลัยดีๆ ท่านบอกว่า พวกท่านส่งได้

เธอ าเนินชีวิตเหมือนหญิงสาวทั่วไป มีเที่ยวมีเล่นตาม ประสาวัยรุ่นแต่ก็ไม่เคยทำตัวเหลวแหลกแม้ว่าบางครั้ง สถานการณ์เอื้ออำนวยก็ตาม แต่เธอก็ยับยั้งช่างใจไว้ได้

“แกอาทิตย์หน้าฉันไม่อยู่ทั้งอาทิตย์นะไปเที่ยวกับเสีย ฝากจดเลคเชอร์ให้ด้วย” เมื่อสอบเสร็จทั้งสามคนก็ออก มานั่งรอเรียนวิชาต่อไป เป็นหทัยรัตน์ที่พูดขึ้น

“เที่ยวที่ไหนวะ”

“ลงใต้มั้งเสี่ยเขาอยากไปเที่ยวทะเล” หทัยรัตน์ตอบ ด้วยท่าทีสบายๆ

“คนนี้แกอยู่กับเขานานนะ เขาดีกับแกเหรอวะ” พิรุณรัก ถามเพื่อนด้วยความสงสัยใคร่รู้ เธอรู้ว่าเพื่อนเป็นเด็กเสี่ย เป็นมานานแล้วแต่ก็ไม่เคยนึกรังเกียจเพราะคนเราก็ต้อง มีเหตุผลของตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ

“อืม ก็ดีนะเสี่ยเขาตามใจฉันทุกอย่างเลย อีกอย่างจะไป ไหนมาไหนกับเขาฉันก็ไม่กลัวเพราะว่าเขาไม่มีเมียเสี่ยที่หทัยรัตน์พูดถึงคือคนที่เลี้ยงเธออยู่ ซึ่งคนนี้หทัย รัตน์อยู่กับเขามาได้ร่วมหกเดือนแล้ว

“ไม่ใช่ว่าแกรักเสี่ยไปแล้วหรอกนะ”

“บ้า ฉันก็แค่ไม่อยากเปลี่ยนคนเลี้ยงบ่อยๆ ในเมื่อเขายัง ไม่เบื่อฉัน ฉันก็คิดว่าอยู่ไปแบบนี้เรื่อยๆ ก็ไม่เสียหาย อีก อย่างเขายังไม่แก่แถมยังใจป่ามากด้วย ฉันชอบ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ฉันไม่คิดหรอก เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนมารักผู้ หญิงแบบฉันหรอก” หทัยรัตน์พูดด้วยท่าทีสบายๆ ไม่มี แววซีเรียสอยู่ในน้ำเสียงเลยสักนิด ซึ่งเรื่องที่เธอพูดมัน ก็คือเรื่องที่เธอรู้สึกมาตลอด ชีวิตของเธอไม่ได้สุขสบาย เหมือนคนอื่นๆ เธอต้องปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เด็กๆ แถม ยังมียายต้องเลี้ยงดู

ถึงบางคนจะบอกว่าชีวิตคนเรามีหลายทางเลือก และ เลือกที่จะไม่ทําในสิ่งที่ไม่ดีก็ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอไม่เคยทําอย่างนั้น เธอลองมาหมดแล้วทุกอย่าง จน กระทั่งชีวิตจนตรอกจริงๆ ยายเธอต้องผ่าตัด ทำให้เธอ เลือกทางเดินนี้ ทางที่ได้เงินเร็วและเยอะ ตั้งแต่นั้นมาเธอ ก็ถอนตัวจากทางนี้ไม่ได้แล้ว

เพราะมันทำให้เธอสุขสบายขึ้น ถึงบางครั้งจะไม่ สบายใจก็เถอะ แต่หทัยรัตน์ก็เลือกผู้ชายที่เธออยู่ด้วย เธอพยายามจะไม่ให้คนที่มีครอบครัวเลี้ยงดู
“แล้วเสียเขาไม่มีท่าทีชอบแกบ้างเหรอวะ” พิรุณรัก ยังถามต่อ ทั้งสามคนไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังกันจึง สามารถถามได้ทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องที่เพื่อนไม่อยากพูด พวกเธอก็จะไม่เข้าซื้

“ไม่นะ เขาก็เฉยๆ ก็ดูแลฉันปกติ”

“ถ้าฉันมีบ้างจะเป็นยังไงนะ” พิรุณรักพูดเบาๆ

“อะไรนะยัยปลาย” เอมมี่ร้องถามเพื่อนเสียงดัง เพราะ ไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

“แกจะตะโกนทำไม”

“แล้วเมื่อกี้พูดอะไร อยากมีอะไร”

“ก็….ฉันแค่ลองคิดว่าถ้ามีเสี่ยเลี้ยงแบบยัยหวานบ้างจะ เป็นยังไง”

“หยุดความคิดแบบนั้นของแกเลย คิดยังไงอยากเป็น เด็กเสี่ย”

“ก็ แค่คิด แต่ฉันไม่เป็นหรอกน่า”

“แกไม่ทำแหละดีแล้ว อนาคตแกอาจจะเจอผู้ชายดีๆสักคน แกควรเก็บสิ่งสำคัญไว้ให้กับพ่อของลูก ชีวิตแกก็ ไม่ได้ลำบากอะไร” หทัยรัตน์บอกเพื่อนที่มีความคิดแผงๆ เธอไม่โกรธหรืออะไรเพื่อนเลยสักนิด

“จะเจอรึเปล่าก็ไม่รู้” ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูกเธอที่เพื่อน ว่าเธอยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง เพราะเธอคลั่งไคล้ หนุ่มตาน้ำข้าวเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่มีโอกาสจะเจอหล่อๆ ตามสเปคที่เธอตั้งไว้สักนิด

“คนมาจีบแกเยอะแยะเลือกๆ สักคนเถอะ”

“ฉันไม่ชอบหนิ”

“แกก็รู้ว่ามันชอบล่ำๆ ของนอก ของไทยตัวเล็กๆ มันไม่ ชอบหรอก” พิรุณรักมองค้อนเพื่อนที่พูดได้ตรงเผง

“เลิกพูดแล้วไปเรียนได้แล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ