บทที่ 6 สมัครงานที่โรงเรียนศิลปะป้องกันตัว!
บทที่ 6 สมัครงานที่โรงเรียนศิลปะป้องกันตัว!
ทันทีที่กลับมาถึงที่พัก หยางล่อก็อาบน้ำล้างหน้าอย่าง ลวกๆ ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น พลันเปิดเข้าไปในเว็บ หางาน พลางค่อยๆ ไล่ดูไปทีละอันอย่างตั้งใจ
“ให้ตายเถอะ นี่มันสังคมอะไรกันล่ะเนี่ย? ทำไมการ ไม่มีปริญญาบัตรถึงได้ยุ่งยากขนาดนี้นะ” หลังจากที่ดู บริษัทไปกว่าห้าสิบกว่าแห่ง ต่างก็ต้องการคุณสมบัติจบ ปริญญาตรีมาทั้งนั้น ไม่ก็ประสบการณ์การทำงานไม่ต่ำ กว่าสามปี ไม่ก็ทักษะภาษาอังกฤษระดับสี่ ไม่ก็ทักษะการ คำนวณระดับสองบ้างล่ะ
“ถ้าไม่มีคุณสมบัติพวกนั้นก็จะไม่เอาเลยหรือไงกัน?” หยางล่ออยากจะด่าออกมาแบบหยาบคายจริงๆ
“เอ๊ะ เหมือนอันนี้จะเหมาะกับฉันอยู่แฮะ เงินเดือนหนึ่ง หมื่นขึ้น เหมาะกับนักเรียน…….. หยางล่อคิดว่าในเมื่อ นักเรียนยังทำได้ ตัวเองก็ต้องทำได้เหมือนกัน ดังนั้นจึง กดเปิดดูข้อมูลของบริษัทนั้นทันที
“ดูแลจัดการระบบเถาเป่า อยู่บ้านก็ทำได้ เพิ่มเป็นเพื่อน qq34646……
“นี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย” พอเห็นระบบเถาเป่าขึ้นมาหยางล่อก็ส่งสายตามอง พลางคิดว่านี่มันจะดักอะไรกัน ล่ะเนี่ย
“อืม รับสมัครอาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวของโรงเรียน กังฟูฉี่หาง ไม่ต้องมีประสบการณ์ ไม่ต้องมีใบจบการ ศึกษา คุณสมบัติแค่มีความคิดเพียบพร้อมไปด้วย คุณธรรม มีความอดทนต่อการถูกทุบตี พื้นฐานการต่อสู้ ดี…” หยางล่ออ่านคุณสมบัตินั้นรอบหนึ่ง ก่อนจะพบว่า ตัวเองมีคุณสมบัติครบทุกข้อ เพียงแค่มีความอดทนต่อ การถูกทุบตีนี่เหมือนตัวเองจะทำไม่ค่อยได้นะ เพราะแต่ ไหนแต่ไรตัวเองก็เอาแต่ซ้อมคนอื่นมาตลอด จนดูเหมือน ว่าจะไม่มีใครทําอะไรเขาได้เลย
“เงินเดือนช่วงฝึกอยู่ที่สองพัน หลังจากผ่านก็จะได้ รับเงินเดือนและสวัสดิการปรกติ มีประกันห้าแห่งและ กองทุนหนึ่งแห่ง มีวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดพัก ร้อน…….……” หยางล่อไม่ได้อ่านข้างหลังต่อ เพราะเพียงแค่ พวกนี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว อีกอย่างเขาจะได้ฝึก กล้ามเนื้อพอดี ที่สำคัญเหมือนว่าตอนที่อยู่ที่คาเฟ่นั้น เหมือนวัยรุ่นผมทองจะพูดไว้ว่าหลินเย่เป็นอาจารย์อยู่ที่ โรงเรียนกังฟูฉี่หางด้วย ไม่แน่อาจจะได้เป็นเพื่อนร่วมงาน กับหลินเย่ด้วยสินะ ไม่ลองไม่รู้
พลันหยางล่อรีบส่งใบสมัครกับประวัติส่วนตัวของเขา ไปให้โรงเรียนกังฟูฉี่หางทันทีผ่านทางอีเมล ประมาณ สิบกว่านาทีต่อมาก็ได้รับจดหมายตอบกลับมานัดสอบ สัมภาษณ์ “ดูเหมือนว่าโรงเรียนนี้จะขาดคนจริงๆ แฮะ”หยางล่อบ่นพึมพำกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ปิด คอมพิวเตอร์ลง แล้วล้มตัวลงนอนทันที
โรงเรียนกังฟูฉี่หางตั้งอยู่ที่ถนนปืนเจียงของเขตภูเขา ทางตอนเหนือของเมืองเจียงเฉิง ซึ่งไม่ได้เป็นที่เจริญ รุ่งเรืองอะไรถึงขนาดนั้น หยางล่อตื่นมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เก็บของต่างๆ เตรียมตัว ก่อนจะนั่งรถประจำทางไป ใช้ เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงพอดี
ขณะที่ยืนอยู่นอกประตูนั้น หยางล่อพลางสํารวจรอบๆ ไปอย่างละเอียด โรงเรียนนี้ก่อสร้างใหญ่อย่างมาก ถึงแม้ นักเรียนจะไม่ถึงสองพันคนก็ตาม แต่เนื้อที่ก็ใช่ว่าน้อยๆ เลย แถมยังได้ยินมาว่าเป็นแผนการสำคัญของรัฐบาลอีก ด้วย ตั้งแต่ที่โรงเรียนนี้ได้ก่อตั้งมา ก็ดูเหมือนว่าที่เขาทาง ตอนเหนือแห่งนี้จะดูสงบเรียบร้อยขึ้นกว่าเดิม ตามถนน ต่างๆ ก็มีพวกจิ๊กโก๋น้อยลงด้วย
พลันมือถือของหยางล่อก็สั่นขึ้น ปรากฏว่ามีข้อความถูก ส่งมาหาเขา
“กรุณามาสอบสัมภาษณ์ที่สนามกีฬาของโรงเรียนด้วย”
หลังจากที่หยางล่อถามทางไปสนามกีฬากับยามรักษา ความปลอดภัยที่หน้าประตู พลันเขาก็มาถึงที่สนามกีฬา ของโรงเรียนกังฟูฉี่หางได้อย่างง่ายดาย ที่นี่เป็นสนามกีฬาพื้นยาง ขนาดสี่ร้อยเมตรตามมาตรฐาน ในสนาม กีฬามีประตูสองบาน ที่ด้านขวาของประตู ช่องว่าง ระหว่างกำแพงถูกตกแต่งด้วยกระจกบานใหญ่ ด้านใน สนามเองก็มีนักเรียนกำลังออกกำลังกายโยคะกันอยู่
ชุดที่หยางล่อสวมมานั้นด้านบนเป็นเสื้อกล้ามสีขาวตัว หนึ่ง ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์ที่ขาดเป็นรูๆ ตัวหนึ่ง ส่วน รองเท้าก็เป็นรองเท้าอาดิดาสของก๊อปเกรดเอคู่หนึ่ง ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง แค่มองปราดเดียวก็แทบจะดู คล้ายพวกนักเลงหัวโจกเลยล่ะ
ทันทีที่หยางล่อเดินเข้ามาก็สังเกตเห็นผู้สัมภาษณ์สอง คนทันที ขณะนั้นพวกเธอกำลังยกโต๊ะขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง มาอยู่ พอเห็นหยางล่อเข้า ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อย พอใจกับภาพลักษณ์ของหยางล่อเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้ หยางล่อคาดไม่ถึงก็คือคนที่สอบสัมภาษณ์ตัวเองกลับ เป็นผู้หญิงสองคน หรือว่าผู้หญิงสองคนนี้จะเป็นผู้มีฝีมือ กัน?
“คุณคือหยางล่อหรือเปล่าคะ?” คนที่ชื่อหลิวกุ้ยจีถาม ขึ้น ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของหยางล่อจะไม่เลวนัก แต่ ท่าทีที่เอ้อระเหยของเขาทำให้ยากจริงๆ ที่จะมองเขาเป็น ครูได้
หยางล่อยิ้มพลางพยักหน้าตอบ : “ถูกแล้วครับ ผมคือ หยางล่อ! คุณคืออาจารย์หลิวใช่ไหม?”
พลันหลิวกุ้ยจีก็ถามขึ้นต่อ : “คุณรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเรา รับสมัครงานแบบไหน?”
“ไม่ใช่ว่าเป็นครูศิลปะป้องกันตัวหรือครับ? ผมมีความ เชี่ยวชาญพอดีเลยล่ะ” หยางล่อไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอไม่รู้ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ แต่ความหมายของฝ่ายตรงข้าม กลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิดไว้
“คุณรู้จักคำว่าครูด้วยหรือคะ? แล้วสภาพแบบนี้เนี่ยนะ คะที่จะเป็นครู?”
“นี่คุณสาวสวย คุณเข้าใจผิดอะไรไปนะ จะวัดคนน่ะวัด ที่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้หรอกนะครับ อีกอย่างผมก็ใช่ ว่าจะทำไม่ได้ แล้วทำไมต้องสวมชุดทางการแบบนั้นด้วย ล่ะ อีกอย่างผู้ชายแบบนี้ก็มักจะมีเสน่ห์ไม่ใช่หรือครับ หรือคุณว่าไม่ใช่ล่ะ?” หยางล่อมองไปที่หลิวกุ้ยจีด้วย ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ผู้หญิงเหล่านี้ต่างก็มีอายุแล้ว ล้วน แล้วแต่อายุสี่ห้าสิบแล้วทั้งนั้น จะเป็นสาวสวยได้อย่างไร เขาก็เพียงแค่พูดโกหกจนชินเท่านั้นแล้วล่ะ
พอหลิวกุ้ยจีได้ยินหยางล่อพูดแบบนั้น ก็มีรอยยิ้ม ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ แต่เธอก็เก็บรอยยิ้มนั้นลง อย่างรวดเร็ว “เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเราจะขอสัมภาษณ์ เบื้องต้นไปก่อน นี่เป็นการสัมภาษณ์รอบแรก ฉันกับว้าง เสี่ยวเสี่ยวคนนี้จะเป็นคนจัดการ ถ้าคุณผ่านการคัดเลือก ของพวกเราล่ะก็ หลังจากนี้ก็ค่อยสัมภาษณ์อีกรอบหนึ่ง หลิวกุ้ยจีพูดอย่างเป็นระเบียบไม่คิดเลยว่ากับแค่สมัครหาผู้ฝึกสอนศิลปะป้องกันตัวจะ ยุ่งยากขนาดนี้
“ได้ครับ” หยางล่อมาอยู่ในที่ของเขาแบบนี้ ก็ทำได้ เพียงแต่ต้องทำตามที่คนอื่นพูดเท่านั้น
“เสี่ยวเสี่ยว เธอมานี่หน่อยสิ!” หลิวกุ้ยจีตะโกนขึ้นเสียง
“เรียกฉันมีอะไรหรือคะผู้จัดการ?” ผ่านไปไม่นาน ก็มีผู้ หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินมา
พอเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น แววตาของหยางล่อ ก็เป็นประกายขึ้นทันที ถ้าหากเอาไปเปรียบกับผู้หญิงที่ สูงส่งและเยือกเย็นอย่างเฉินเส่แล้ว ผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม คนนี้ดูทั้งน่ารักมาก โดยเฉพาะใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอที่ มองแล้วก็อดไม่ได้ที่อยากจะเอามือไปหยิกเล่นเสียเหลือ เกิน
พลันหลิวกุ้ยจีก็ชี้มาที่หยางล่อแล้วพูดขึ้น : “เสี่ยวเสี่ยว เธอช่วยคุณคนนี้ลงทะเบียนหน่อยนะ หลังจากนั้นก็พา เขาไปหาอาจารย์หวางด้วยล่ะ”
“รับทราบค่ะ อาจารย์หลิว!” ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้ารับ อย่างกระตือรือร้น หลังจากพูดจบ หลิวกุ้ยจีก็หมุนตัวเดิน จากไปทันทีโดยไม่ได้สนใจอะไรหยางล่ออีก การต้องมาเจอกับท่าทางของหลิวกุ้ยจีแบบนั้น ทำให้หยางล่อ อดไม่ได้ที่จะเบะปากใส่ แต่เรื่องพวกนี้หยางล่อเองก็เจอ มาเยอะแล้ว เขาจึงขี้เกียจที่จะเอามันมาใส่ใจ
ขณะนั้นเองสายตาของหยางล่อก็มองไปที่ผู้หญิงคนนั้น พลางยิ้มไปพูดไป : “ผมชื่อหยางล่อนะครับ แล้วคุณชื่อ อะไรหรือครับ?”
ผู้หญิงคนนั้นที่ดูเหมือนเพิ่งจะจบจากมหาวิทยาลัยคน นั้น พอได้ยินเข้าก็ตอบด้วยท่าทีที่เขินอาย : “ฉันชื่อว่าวั างเสียวเสี่ยวค่ะ มาฝึกงานที่แผนกทรัพยากรบุคคลค่ะ” พอรู้ว่าวางเสี่ยวเสี่ยวเป็นเด็กฝึกงาน หยางล่อก็เข้าใจ ได้ทันทีว่าทําไมเธอถึงดูเคอะเขินแบบนั้น พลันว้างเสี่ยว เสี่ยวก็ลงทะเบียนให้หยางล่อเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
“หยางล่อ ค่ะ เดี๋ยวฉันจะพาไปหาอาจารย์หวางนะคะ เขาเป็นผู้คุมสอบหลักของวันนี้ค่ะ” ว้างเสี่ยวเสี่ยวดูเขิน มากจริงๆ เธอพูดแค่ประโยคสองประโยคหน้าเธอก็แดง ทั่วไปหมดแล้ว พอเห็นแบบนี้ หยางล่อก็อดที่จะเผยอยิ้ม มุมปากไม่ได้
ระหว่างทางหยางล่อเองก็พูดหยอกล้อกับวางเสี่ยวเสี่ยว ไม่หยุด แต่ด้วยนิสัยที่เขินอายของว้างเสี่ยวเสี่ยว ดังนั้น เธอจึงตอบง่ายๆ แค่คำสองคำ แต่ใบหน้าของเธอกลับ แดงสุกเป็นลูกตำลึง ใช้เวลาไม่นาน ว้างเสี่ยวเสี่ยวก็พาห ยางล่อมาถึงที่อีกมุมหนึ่งของสนามกีฬา ที่นี่ติดตั้งโครงหลังคาอย่างง่ายๆ ขึ้นไว้ ด้านในนั้นมีผู้ชายรูปร่าง สูงใหญ่ยืนกันอยู่หลายคน แต่ละคนดูมีบุคลิกที่เหมาะกับ การเป็นอาจารย์ของโรงเรียนแห่งนี้ ตอนแรกหยางล่อก็ คิดว่าตัวเองเข้าใจผิดมาผิดที่ เพราะกลับส่งผู้หญิงสอง คนมาต้อนรับตัวเองซะได้
พอเข้ามาในโครงหลังคา ก็เห็นมีคนนับสิบคนที่สวมชุด กีฬาเหมือนๆ กัน ที่หน้าอกของเสื้อปักตราของโรงเรียน กังฟูฉี่หางไว้ด้วย และครูเหล่านั้นต่างก็จ้องมองมาที่เขา เป็นตาเดียวกัน
“อาจารย์หวางคะ คุณคนนี้คือหยางล่อที่วันนี้ต้องพา มาพบค่ะ”ว้างเสี่ยวเสี่ยวเดินไปตรงกลางพลางพูดขึ้นกับ ผู้ชายตรงหน้านั้นอย่างสุภาพ พอพูดจบเธอก็ดันกรอบ แว่นของเธอขึ้น ถึงแม้ผู้ชายเหล่านั้นจะแสร้งทําเป็นไม่ เห็น แต่หยางล่อก็เห็นว่าสายตาของพวกเขาต่างก็มองไป ยังส่วนที่นูนสูงของว้างเสี่ยวเสี่ยวกันทั้งหมด
พอได้ยินแบบนั้น หวางหมิงก็เงยหน้าขึ้นมองหยางล่อ ยิ่งพอเห็นท่าทางที่เอ้อระเหยของหยางล่อแล้ว หวางหมิ งก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
พลันว้างเสี่ยวเสี่ยวก็พูดกับหยางล่อขึ้น : “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะหยางล่อ!” หลังจากพาหยางล่อ มาส่ง หน้าที่ของว้างเสี่ยวเสี่ยวก็ถือว่าจบสิ้นลง
“เดี่ยวสิครับ ไม่ทราบว่าเบอร์โทรของคุณคืออะไรหรือ? เดี่ยวหลังจากนี้พวกเราจะได้ติดต่อกันได้อย่างไรล่ะ!” พอได้ยินว่าวางเสี่ยวเสี่ยวจะขอตัวกลับไป หยางล่อก็รีบ พูดขึ้น ไอ้บ้าเอ๊ย ไหนตอนแรกบอกว่าจะสอบสัมภาษณ์ ครั้งแรกกับว้างเสียวเสี่ยวอย่างไรล่ะ ทําไมจับพลัดจับผลู ถึงพามาหากลุ่มสัตว์ป่าแบบนี้ได้ ทำให้ใจของหยางล่อที่ คิดจะทําความรู้จักกับว้างเสี่ยวเสี่ยวให้มากขึ้นพังทลาย ลง นี่มันไม่ง่ายเลยนะกว่าจะได้เจอสาวสวยที่หน้าตาน่า รักน่าทะนุถนอมแบบนี้น่ะ แล้วแบบนี้หยางล่อจะยอม ปล่อยเธอไปง่ายๆ ได้อย่างไร
ว้างเสี่ยวเสี่ยวเองก็พูดขึ้นอย่างหน้าแดงก่ำ : “นี่มันสมัย ไหนกันแล้วมาแลกเบอร์โทรกันอยู่น่ะคะ เอาเป็นว่าพวก เราเพิ่มวีแชทกันดีกว่านะคะ!” จริงๆ แล้วความประทับใจ ที่ว้างเสี่ยวเสี่ยวมีต่อหยางล่อเองก็ไม่ได้เลวนัก ถึงแม้ สายตาที่หยางล่อมองตัวเองนั้นมันจะดูโรคจิตไปหน่อย ก็เถอะ แต่เพราะตั้งแต่ว้างเสี่ยวเสี่ยวได้มาฝึกงานที่นี่นั้น เธอเองก็ยังไม่เคยได้พูดคุยกับใครจริงๆ จังๆ สักที
หีอ? หยางล่อทําสีหน้ากระอักกระอ่วน : “แต่ว่าโทรศัพท์ ของผมมันเพิ่มวีแชทไม่ได้นี่นา”
“ใช่หรือ?! สมัยนี้ยังมีมือถือที่เพิ่มวีแชทไม่ได้อยู่หรือ คะเนี่ย?” พอได้ยินแบบนั้น ว้างเสี่ยวเสี่ยวก็ถามอย่าง ตกใจ
พลันหยางล่อก็หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาพูด : “ก็ดูสิ!”
พอว้างเสี่ยวเสี่ยวเห็นมือถือของหยางล่อเท่านั้น เธอก็ ตะลึงอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก
มือถือของหยางล่อนั้นเป็นมือถือยี่ห้อโนเกียรุ่นหนึ่ง แต่ เป็นรุ่นที่เก่าที่สุด ว้างเสี่ยวเสี่ยวเห็นแบบนั้นก็พูดไม่ออก สมรรถนะของมือถือแบบนี้มันธรรมดามากๆ คิดไม่ถึงว่า จะยังมีคนใช้อยู่อีก สุดท้ายวางเสี่ยวเสี่ยวก็ทำได้แค่ทิ้ง เบอร์ไว้ให้เขา แล้วเดินจากไป
สีหน้าของหวางหมิงตอนนี้ดูฉุนเฉียวอย่างมาก เพราะ เห็นได้ว่าหยางล่อกำลังแทะโลมผู้หญิงต่อหน้าเขาอยู่
“ไอ้เจ้านี่มันไม่ได้มีฉันอยู่ในสายตาของมันเลยนะ!” หวา งหมิงแอบคิดในใจ เพราะหยางล่อก็ไม่ได้เอาหวางหมิงมา อยู่ในสายตาอยู่แล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเฉินเสู่ล่ะก็ เขาก็ คงไม่มาเป็นอาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวหรอกนะ
หวางหมิงสูดหายใจเข้าลึกก่อนถามขึ้น : “นายคือหยาง ล่อที่มาสมัครเป็นครูสอนศิลปะป้องกันตัวคนใหม่ใช่ ไหม?”
พลันหยางล่อก็ดึงเก้าอี้ลงนั่งข้างๆ พลันหยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวนแล้วพยักหน้า : “ใช่แล้ว!” กิริยาท่าทางของ หยางล่อแบบนี้ ทําให้หวางหมิงแทบจะอดทนไม่ได้อีกต่อ ไป : “หยางล่อนายรู้ใช่ไหมว่าที่นี่เป็นโรงเรียนสอนศิลปะ ป้องกันตัว ไม่ใช่คนที่เก่งแต่ปากแล้วจะเข้ามาได้หรอกนะ ครูหลายคนที่อยู่ตรงหน้านาย สามารถส่งให้นายไปนอน หยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลได้เลยนะ”
หยางล่อได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น พลางคิดในใจว่า : “ดูเหมือนว่าครูพวกนี้จะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่นะ มิน่าล่ะใน เว็บถึงไม่ได้เรียกร้องคุณสมบัติอะไรเลย นอกจากทนมือ ทนเท้าเท่านั้น ดูเหมือนว่าเขาต้องสั่งสอนครูพวกนี้ให้รู้ซึ้ง เสียหน่อยแล้วล่ะ”
หยางล่อเองก็ใช้น้ำเสียงที่ไม่พอใจถามขึ้น : “แล้วทำไม ครูพวกนี้ถึงทำอะไรไม่ดีแบบนั้นได้ล่ะ?”
“เหอะๆ!” หวางหมิงแค่นเสียงหัวเราะ : “จะบอกอะไรให้ นะ ครูสอนศิลปะป้องกันตัวของโรงเรียนกังฟูฉี่หางแต่ละ คนนั้นล้วนแล้วแต่มีฝีมือยอดเยี่ยม ส่วนใหญ่ก็ถูกปลด ประจำการมาจากกองทหาร ไม่ก็มาจากหน่วยรบพิเศษ ด้วย”
หือ? พอได้ยินแบบนั้น หยางล่อก็อดประหลาดใจไม่ได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ