นักรบจอมราชันย์

บทที่ 17 ด่าแล้วจะทําไม?



บทที่ 17 ด่าแล้วจะทําไม?

บทที่ 17 ด่าแล้วจะทำไม?

ขณะนั้นเอง เฉินเสก็เดินออกมาพูดกับผู้จัดการหลิว ขึ้น : “ฉันชื่อเฉินเส่เป็นประธานของบริษัทการ์เม้นท์คน เสน่ห์ ค่ะ สร้อยเส้นนี้พวกเราเห็นก่อน ดังนั้นฉันหวังว่า คุณจะขายสร้อยเส้นนี้ให้ฉันได้นะคะ” พูดปุ๊ป เฉินเสก็ยื่น นามบัตรของตัวเองไปให้

จริงๆ แล้วเฉินเส่ไม่ได้ต้องการซื้อสร้อยเส้นนี้แล้ว เพียง แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้ ถ้าเธอไม่ซื้อล่ะก็คงไม่ได้ เพราะนี่มันเกี่ยวกับความมีหน้ามีตาของเธอ

ผู้จัดการหลิวร้บนามบัตรของเฉินเสมา พลันเขาก็กลืน น้ำลายดังเอ็อก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินเส่จะเป็นคนใหญ่ คนโตถึงขนาดนี้ ถึงขั้นเป็นประธานของบริษัทการ์เม้นท์ คนเสน่ห์

บริษัทการ์เม้นท์คนเสน่ห์เป็นธุรกิจขนาดใหญ่เป็นอัน ดับต้นๆ ของเมืองเจียงเฉิง เหมือนว่าผู้จัดการหลิวจะเจอ ของแข็งเสียแล้ว อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ไม่ว่าใครก็ คิดไม่ถึงว่าจะเจอยักษ์ใหญ่ในวงการถึงสองคนโผล่มาที่นี่

“โห คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเธอเป็นถึงประธานของบริษัท การ์เม้นท์คนเสน่ห์ น่าสนใจดีนี่! ได้ยินมาว่าเธอเป็นเทพธิดาสาวสวยของเมืองเจียงเฉิงด้วยนี่นา พอได้ เห็นก็สมคำร่ำลือจริงๆ!” พอรู้ตัวตนของเฉินเส่แล้ว ดิง พ่างก็ยิ้มมองเธอด้วยสีหน้าลามก

พอเห็นสีหน้าของดิงพ่างแบบนั้น เฉินเสก็เลือกที่จะทำ เป็นมองไม่เห็น

ขณะนั้นเองหยางล่อก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกรอด ดู

เหมือนว่าคิงพางจะรนหาที่เสียแล้ว

“สวัสดีครับประธานเฉิน ผม…” ตอนนี้ผู้จัดการหลิวเองก็ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ไม่ว่าจะเป็นดิงพ่างหรือว่าเฉิน เสก็ไม่ใช่บุคคลที่ควรจะไปผิดใจเลยด้วยซ้ำ ถ้ารู้ก่อน หน้านี้เขาคงจะไม่ออกมาหรอก

ดิงพ่างพูดพลางยิ้มอย่างชั่วร้าย : “วางใจเถอะผู้จัดการ หลิว! ถ้าครั้งนี้นายช่วยฉันล่ะก็ ฉันไม่มีทางผิดสัญญา แน่นอน ถึงแม้นายจะถูกไล่ออก แต่นายก็ยังมาทำงานที่ บริษัทฉันได้ พอถึงตอนนั้นแค่จะเพิ่มผู้จัดการเข้าไปอีก คนหนึ่งก็เป็นแค่เรื่อง บจ๊อย

หลังจากได้ยินในสิ่งที่ดิงพ่างพูดแล้วนั้น ในใจของ ผู้จัดการหลิวก็คิดวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นผู้ จัดการหลิวก็ยิ้มพูดกับดิงพ่างอย่างประจบสอพลอ : “ประธานดิงพูดมีเหตุผลมากเลยครับ ในเมื่อคุณเองก็จ่าย เงินเพื่อสร้อยเส้นนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นสร้อยเส้นนี้ก็เป็นของคุณแล้วล่ะครับ”

“ฮ่าๆๆ!” ดิงพ่างหัวเราะลั่นอย่างพอใจ : “ผู้จัดการหลิว นายนี่มันรู้จักสถานการณ์มีสติปัญญาเฉียบแหลมดีนะ”

“ขอบคุณที่ชมครับ ประธานคิง” สําหรับผู้จัดการหลิว แล้ว ถึงแม้เฉินเส่จะเป็นประธานของบริษัทการ์เม้นท์คน เสน่ห์ก็ตาม แต่ดิงพ่างก็สร้างสายสัมพันธ์กับข้าราชการ ระดับสูงในเมืองไว้เบื้องหลัง อย่างไรประชาชนก็สู้กับ ข้าราชการไม่ได้อยู่แล้ว ถึงแม้เฉินเส่จะจ่ายเงินมากแค่ ไหนก็ต่อต้านไม่ได้

และถึงแม้จะไม่ได้ทํางานที่ร้านเครื่องประดับแห่งนี้ต่อ ไป ผู้จัดการหลิวก็ยังสามารถไปทำงานที่บริษัทของดิง พ่างได้อยู่ดี

เฉินเส่ที่ดูจนถึงตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เธอคิดไม่ถึงเลยว่าดิงพ่างจะไร้ยางอายถึงเพียงนี้

ด้ายเสี่ยวหลิงเองก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ : “นี่คุณเป็นคน อย่างไรกันแน่เนี่ย? เห็นๆ อยู่ว่าสร้อยเส้นนี้พวกเราสนใจ ก่อน แล้วดันขายให้กันไอ้อ้วนแบบนี้มันหมายความว่า อย่างไรกัน?”

ไอ้อ้วนงั้นหรือ? พอได้ยินด้ายเสี่ยวหลิงด่าแบบนั้น หยางล่อก็อดไม่ได้ที่จะขำพรืดออกมา แต่พูดก็พูดเถอะที่ด้ายเสี่ยวหลิงด่าก็มีเหตุผลอยู่บ้างล่ะนะ

“นี่เธอกล้าว่าฉันว่าไอ้อ้วนงั้นหรือ?” สิ่งที่ดิงพ่างเกลียด มากที่สุดก็คือมีคนด่าตัวเองว่าไอ้อ้วนเนี่ยล่ะ ดูเหมือนว่า ด้ายเสี่ยวหลิงจะไปสะกิดต่อมโกรธเขาให้แล้ว

ด้ายเสี่ยวหลิงเองก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ : “เดิมทีนายมัน ก็แค่ไอ้อ้วนนี่ ด่าแล้วมันอย่างไรกันล่ะ?”

“นี่เธอ…” ดิงพ่างโกรธจนตัวสั่นไปหมด จนเขาแทบ อยากจะลงมือกับด้ายเสี่ยวหลิงจริงๆ

หยางล่อพลันออกมายืนขวางหน้าของด้ายเสี่ยวหลิง พลางใช้สายตาจ้องไปที่ดิงพ่างเขม็ง : “นี่ไอ้อ้วน อยากจะ โดนอัดอีกหรือไง?”

“ก็ได้ๆๆ แต่สักวันหนึ่งแกต้องได้ชดใช้แน่ๆ” พอเห็นว่า หยางล่อเดินออกมา ดึงพ่างก็ยอมแพ้ทันที

ชิ! หยางล่อไม่ได้เอาคำขู่ของดิงพ่างมาใส่ใจเลยแม้แต่ นิดเดียว

“ผู้จัดการหลิว ที่คุณทำแบบนี้มันไม่เป็นไปตามกฎนะคะ ฉันฟ้องร้องกับบริษัทคุณได้นะ” เฉินเส่พูดอย่างเรียบเฉย
ผู้จัดการหลิวได้ยินแบบนั้นก็ส่งเสียงหึ : “การที่ผมจะ ขายสร้อยเส้นนี้ให้ใครมันก็เป็นอิสระของผมนี่ครับ””

“ดีๆๆ!” คิงพ่างหัวเราะ : “ผู้จัดการหลิวพูดถูกทีเดียว รีบ เอาสร้อยเส้นนั้นให้ฉันได้แล้ว”

“ครับ!” ผู้จัดการหลิวพยักหน้ายิ้ม หลังจากนั้นเขาก็หัน ไปพูดกับพนักงานที่อยู่ข้างๆ : “รีบไปห่อสร้อยเส้นนี้ซะ หลังจากนั้นก็เอามาให้ประธานดง”

“ค่ะ!” พอได้ยินผู้จัดการหลิวพูดแบบนั้น พนักงานคนนั้น ก็ทําได้เพียงไปเตรียมห่อสร้อยให้ดิงพ่างอย่างช่วยไม่ได้

พอเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เฉินเสก็หยิบมือถือ ขึ้นมา : “ผู้จัดการหลิว ดูเหมือนว่าฉันคงต้องโทรไปที่ สำนักงานใหญ่ของคุณแล้วล่ะ” เธอคงเสียหน้าแน่ๆ ถ้า หากสร้อยเส้นนี้ถูก ดิงพ่างแย่งเอาไป

พอเห็นว่าเฉินเส่ทำแบบนั้น ผู้จัดการหลิวก็ยิ้มพูดอย่าง ดูถูก : “ขอโทษนะครับประธานเฉิน สำนักงานใหญ่ของ พวกเราอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสนะครับ ถ้าคุณจะไปฟ้องที่ สำนักงานใหญ่คงจะทำไม่ได้หรอกนะครับ”

พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเฉินเส่ก็ดูแย่ลงทันที เธอคิด ไม่ถึงเลยว่าสำนักงานใหญ่ของร้านนี้จะอยู่ที่ฝรั่งเศสซะได้ ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะโทรไปก็ไม่มีผล และถึงแม้เธอจะ เป็นเจ้าของธุรกิจระดับต้นๆ ของเมืองเจียงเฉิงก็ตาม แต่ เมื่อไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ก็ไม่มีใครที่จะรู้จักเธอสักคน

“ฮ่าๆๆ!” คิงพ่างยิ้มอย่างพอใจ : “เฉินเส่ถึงแม้ว่าเธอจะ เป็นประธานของบริษัทการ์เม้นท์คนเสน่ห์ก็ตามแต่เถอะ นะ แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้แก่ฉันอยู่ดี สร้อยเส้นนี้ตอนนี้ เป็นของฉันแล้ว”

พอเห็นท่าทีที่พึงพอใจของดิงพ่าง ด้ายเสี่ยวหลิงกับเฉิน เสก็กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ

“รอเดี่ยว!” ขณะที่สร้อยเส้นนั้นกำลังจะถูกส่งให้ดิงพ่าง หยางล่อก็ออกมาตะโกนเรียกทันที

“นี่แกอีกแล้วหรือ!” พอเห็นว่าหยางล่อโผล่มา สีหน้าของ ดิงพ่างก็มืดทีมลง : “แกจะอย่างไรอีกล่ะ? หรือว่าคิดจะ แย่งสร้อยเส้นนี้ไปซึ่งๆ หน้าหรือไง? ถ้าหากทำแบบนั้นล่ะ ก็ฉันแจ้งตำรวจจับแน่!”

ดิงพ่างกลัวหยางล่อคนนี้จริงๆ ดูจากท่าทีไม่กลัวฟ้ากลัว ฝนแบบหยางล่อแล้ว ดิงพ่างก็กลัวว่าเขาจะลงมือกับตัว เองอีก

หยางล่อเองก็มองไปทางดิงพ่างอย่างดูถูกแล้วพูดขึ้น :“แย่งหรือ? ฉันเป็นคนมีอารยธรรมนะ ฉันไม่ทำอะไรแบบ นั้นหรอก!”

“แกเป็นคนมีอารยธรรมหรือไง?” พอได้ยินหยางล่อพูด แบบนั้น ดิงพ่างก็กัดฟันกรอด พลันรู้สึกถึงความร้อนผ่าว บนใบหน้าตัวเองได้อย่างเลือนราง

หยางล่อหยิบมือถือของตัวเองออกมาแล้วยิ้มพูด : “รอ ฉันโทรหาใครคนหนึ่งก่อนนะ แล้วนายก็จะมอบสร้อยเส้น นั้นให้ฉันอย่างว่าง่ายเลยล่ะ”

ดิงพ่างได้ยินก็ยิ้มแสยะ : “จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ท่าทางโสโครกแบบนั้นจะมาบอกว่าฉันจะยกสร้อยเส้นนี้ ให้แกอย่างว่าง่าย ถ้าแกทำได้ล่ะก็ ฉันยอมเรียกแกว่าปะ ป๋าสามทีเลย!”

หยางล่อคิดไม่ถึงเลยว่าดิงพ่างจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา เขาจึงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ : “นี่นายพูดเองนะ ถ้าหากแพ้ล่ะก็ จะมาเล่นแง่ไม่ได้แล้วนะ จําไว้ว่าอย่าลืมเรียกฉันว่าปะป๊า สามครั้งล่ะ!”

ดิงพ่างส่งเสียงหึ : “ได้สิ! ฉันพูดคำไหนคำนั้น แต่ถ้า หากแกไม่ได้สามารถทำได้อย่างว่าไว้ล่ะก็ แกต้องคุกเข่า คำนับฉันสามที

“ไม่มีปัญหา ฉันรับปาก!” หยางล่อตอบทันทีโดยไม่คิด
“หยางล่อนี่นายบ้าไปแล้วหรือไง!” เฉินเส่กับด้ายเสี่ยว หลิงมีท่าทีร้อนรนขึ้นทันที หลังจากที่เห็นหยางล่อตอบรับ แบบนั้น

หยางล่อเองก็หัวเราะพูด : “วางใจเถอะน่า ผมไม่มีทาง

แพ้หรอก” “มันก็แค่สร้อยเล็กๆ เส้นเดียวเองนะ หยางล่อ แค่พี่ไม่

เอาก็ไม่เป็นไรแล้ว เธอไม่จําเป็นต้องทําแบบนี้ก็ได้” เฉิน

เส่พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ

พอได้ยินแบบนั้น ในใจของหยางล่อก็รู้สึกอบอุ่นขึ้น ก่อนจะยิ้มพูดขึ้น : “วางใจเถอะครับพี่เส่ ผมไม่มีทาง ทําให้ ผิดหวังแน่นอน”

พอเห็นท่าทางมั่นใจตัวเองของหยางล่อแบบนั้น เฉินเส กับด้ายเสี่ยวหลิงก็เห็นว่าคงไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ

“ฉันรอแกมาคำนับฉันสามทีอยู่นะ รีบๆ โทรเร็วเข้าสิ ฉัน แทบจะรอไม่ไหวแล้ว” ขณะนั้นใบหน้าของดิงพ่างเต็มไป ด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ ในสายตาของเขาแล้ว หยาง ล่อก็เป็นแค่แมงดาเท่านั้น ไม่มีปัญญาที่จะโทรหาใครที่จะ ทำให้มอบสร้อยเส้นนี้ได้ง่ายๆ หรอก

ยิ่งพอคิดว่าอีกเดี๋ยวหยางล่อต้องมาก้มหัวให้ตัวเอง ดิง พ่างก็ยิ่งรู้สึกสดชื่นสุดๆ ไปเลย
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมา พวกเขาเห็น เพียงหยางล่อหยิบมือถือโนเกียรุ่นโบราณออกมาขึ้นโทร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ