บทที่ 9 ยื่นมือเข้าช่วย
ภายในสายตาของเงินซื้อมีสีหน้าของความประประหลาดใจ ปรากฏขึ้นมา
พอนางหันหลังไปมอง เห็นเพียงทรงเชิงยวนก้าวเดินเข้ามา อย่างช้าๆ ร่างกายสูงผอมและสง่างาม ชุดสีขาวทั้งตัวกลับ เหมือนกับหิมะที่ตกหนักแผ่ครอบคลุมโลกมนุษย์อย่างกว้าง ใหญ่ไพศาล ใบหน้าที่สง่างามดั่งน้ำหมึกนั้น มีท่วงทำนองอัน สูงส่งที่อ่อนโยนและห่างเหินแฝงอยู่ด้วย
ทันใดนั้นจึงจ้าวยื่นก็จำทรงชื่อจื่อแห่งจวนอ๋องทรงผู้นี้ขึ้นมาได้ จึงแสดงควาทเคารพแล้วพูดว่า “กระหม่อมถวายบังคมซื่อจื่อพะ ยะค่ะ”
ซุบซิบๆ….
กลุ่มคนส่งเสียงดังเอะอะมะเพิ่งอยู่พักหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า คนผู้นี้ก็คือชื่อจื่อแห่งจวนอ๋องหรงที่ขึ้นชื่อว่าเป็น คนมีพรสวรรค์คนแรกในเมืองหลวงแห่งราชวงศ์เทียนหรง
แม้แต่ท่านหวางเฟยก็ยังตกตะลึง แต่แววตาของเงินจีนมี ความประหลาดใจและการคิดพิจารณาแฝงอยู่เล็กน้อย
“ท่านจิงจ้าวยิ่น” หรงเชิงยวนอมยิ้มเบาๆที่มุมปาก น้ำเสียงฟัง ดูอ่อนโยนแต่กลับให้ความรู้สึกห่างเหิน ถึงแม้ว่าเขาจะแสดง ความเคารพตอบหูเก๋อ แต่สายตาของเขาก็จ้องมองไปที่ตัวของเงินชื่อเบาๆ
เงินชื่อหลบสายตาของเขาเล็กน้อย
ได้เห็นการกระทำเล็กๆ ของนาง ในใจของทรงเชิงยวนก็อด ไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมา ภายในใจของเขาค่อนข้างสั่นไหวอยู่ บ้าง พอนึกถึงคำเตือนของนางเมื่อคืนวาน ก็คิดถึงเรื่องเหล่านั้น ที่ได้พบเจอในหมู่บ้านหลขึ้นมาอีกครั้ง…คาดไม่ถึงว่าจะแม่นยำ ตามคำพยากรณ์ขนาดนี้
คำเตือนของนาง ทำให้เขาระแวดระวังตัวมากขึ้น คิดไม่ถึงว่า จะสามารถหลบหนีจากแผนลอบสังหารที่หัวขโมยภายในเมือง และต่างถิ่นร่วมกันสมคบคิดได้อย่างราบรื่น! ตอนนี้ เขาจึงติดหนี้ บุญคุณเป็นชื่อสองครั้งแล้ว
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ในใจของทรงเชิงยวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก อยากรู้อยากเห็นและอยากค้นหามากขึ้น
“ขอถามว่าความหมายที่ชื่อจื่อพูดเมื่อสักครู่นี้คือ?” หูเก๋ออด ไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
คำพูดของหูเก๋อได้เบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน ให้กลับมา จากตัวหรงเชิงยวนแล้ว
เห็นเพียงทรงเชิงยวนค่อยๆเดินมาถึงตรงหน้าของเป็นชื่อ น้ำ แข็งที่ลอยอยู่ระหว่างคิ้วดูเหมือนว่าจะละลายไปในเวลานี้ น้ำ เสียงของเขาอ่อนโยนราวกับพระจันทร์ที่ส่องแสงสุกสกาวสาด ส่องลงมาที่หน้าต่าง “เมื่อคืนวานฝนตกหนัก ยวนเดินทางผ่าน บ้านสวนที่คุณหนูรองพักอาศัยอยู่ คุณหนูรองจึงให้ยวนใช้เป็นสถานที่พักเหนื่อย…
หลังจากที่หยุดพูดไปครู่หนึ่ง สายตาของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย แล้วมองไปในทิศทางที่เป็นจิ้นอยู่ แต่ภายในสายตากลับเย็นชา และเงียบสงัด ถ้าเกิดคุณหนูรองกับหัวขโมยทำอะไร ยวนจะไม่รู้ ได้อย่างไร? คุณหนูสามจะต้องแสดงหลักฐานออกมา มิฉะนั้น โทษของการพูดจาส่งเดช ใส่ร้ายป้ายสีคุณหนูหลวงของจวน เกรงว่าคงจะรับผิดชอบไม่ไหว
เสียงของทรงเชิงยวนยังคงอ่อนโยนและนุ่มนวล แต่เป็นจิ้นไม่ สามารถยับยั้งความกลัวที่เกิดขึ้นภายในใจของนางได้ แม้แต่ ความคิดอันชั่วร้ายและแผนการร้ายที่อยู่ในหัวสมองเหล่านั้นก็ ถูกมือคู่หนึ่งขยี้ให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ ในชั่วพริบตา
เมื่อได้ฟังความหมายที่ทรงเชิงยวนพูดเพื่อปกป้องเป็นชื่อ ภายในดวงตาที่ขุ่นมัวของท่านหวางเฟยก็ปรากฏท่าทีที่แปลก ประหลาดออกมา นางถูกสาวใช้ที่อยู่ข้างๆประคองเดินไปข้าง หน้า แล้วพูดว่า “รบกวนชื่อจื่อแล้วเพคะ นี่คือเรื่องภายในจวน ของเรา จิ่นเอ๋อร์ปากไวใจเร็วไปหน่อย ซื้อจื่อโปรดอย่าเอาไปใส่ พระทัยเลยเพคะ”
แม้ว่าท่านหวางเฟยผู้นี้จะได้ชื่อว่าเป็นพระชายาคนใหม่ของ ท่านอ๋องหัว แต่ที่จริงแล้วนางไม่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้ง บรรดาศักดิ์จากฮ่องเต้ ไหนเลยจะสูงส่งไปกว่าฐานะของตรงเชิง ยวน และนี่เป็นครั้งแรกที่ท่านหวางเฟยที่เคยชินกับท่าทางอันน่า เกรงขามภายในจวนพูดจาถ่อมตัวเช่นนี้
“ปากไว ใจเร็วนั้นหรือ?” ทรงเชิงยวนยิ้ม แต่ภายในดวงตา กลับไม่มีรอยยิ้มใดๆเลย “คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าท่านหวางเฟยจะ โปรดปรานคุณหนูสาม…
ทันใดนั้น เขาก็เปลี่ยนน้ำเสียงให้เย็นลงมาก แต่ในความคิด ของยวน มันดูไม่แยกแยะหนักเบา โหดร้ายและไร้มารยาทไป หน่อยนะ”
ทรงเชิงยวนพูดอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว ทันใดนั้น หนังหน้าที่จอมปลอมของท่านหวางเฟยก็ถูกฉีกลงมา และเงินจีน เองก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
จำเป็นต้องพูดว่า เป็นชื่อกับหูเกื้อล้วนถูกคำพูดทำให้ตื่นตะลึง ไปแล้ว
หูเกือรู้จักทรงชื่อจื่อผู้นี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นข้าราชการใน
ราชสํานัก แต่ฝ่าบาทกลับรักและไว้วางใจเขามาก ในวันธรรมดา
เขาเป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนโยนดั่งหยกและมีท่าทางที่สง่าผ่าเผย
ใครจะไปรู้ว่า แม้แต่ท่านหวางเฟยเขาก็ไม่ไว้หน้าให้
เงินชื่อรู้สึกประหลาดใจมากกว่าหูเก๋อ และภายในหัวใจของ นางก็สงสัยเกี่ยวกับทรงเชิงยวนมากขึ้นเรื่อยๆ หรือเพียงเพราะ ว่านางเตือนให้เขาระมัดระวังคนที่หมู่บ้านหลี่กลุ่มนั้น ดังนั้นเขา จึงพยายามอย่างหนักที่จะช่วยเหลือตัวเอง?
“ถูกต้อง คุณหนูรองไร้เหตุผลที่จะไปรับโทษแทนคุณหนูสาม
“ท่านหวางเฟยจะล่าเอียงเช่นนี้ไม่ได้นะ!”
เหล่าชาวบ้านที่เดิมทีคอยเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ห่างๆ พอได้ ยินว่าทรงชื่อจื่ออัจฉริยะแห่งราชวงศ์เทียนทรงผู้นี้พูดเพื่อเป็นชื่อ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดคล้อยตามกันอย่างเซ็งแซ่
ภายในดวงตาของท่านหวางเฟยกับเงินจีนได้ปรากฏแววตา อันชั่วร้ายขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แล้วปราดสายตา จ้องมองคนเหล่านั้นอย่างดุร้าย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ชื่อจื่อคิดว่าต้องทำอย่างไรเพคะ?” ท่าน หวางเฟยพูดด้วยคำพูดที่พ่ายแพ้และประนีประนอมเล็กน้อย
นัยน์ตาของเงินซื่อสั่นไหวเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ เบาบางว่า “ท่านย่า หรือว่าปล่อยให้น้องขึ้นไปอยู่ที่บ้านสวนสัก สองสามวันไหม ยังไงหลานก็จัดการดูแลที่นั่นให้เรียบร้อยใหม่ หมดแล้ว”
“บังอาจ! ท่านหวางเฟยพูดด้วยความโกรธ พอเห็นใบหน้าที่ เย็นชาแต่มีเสน่ห์เหมือนกับแม่ของนางนั้นของเงินซื่อ ในใจจึงไม่ ชอบเงินชื่อมากกว่า นางถึงกับพูดโพล่งออกมาว่า “ทำไมเจ้าถึง ได้ร้ายกาจขนาดนี้ สถานที่แบบนั้น จีนเอ๋อร์จะอยู่ได้อย่างไร?”
ดวงตาของเงินจีนก็ขุ่นมัวในทันใด แต่พอหลังจากที่ท่านหวา งเฟยพูดจบ นางก็มองเห็นสายตาของคนรอบข้างที่กำลังตก ตะลึงและกล่าวหานาง นางจึงตระหนักในสิ่งที่ได้พูดออกไปภาย ใต้ความสิ้นสติของตัวเอง
ทันใดนั้นหูเกือก็โมโหขึ้นมา แล้วพูดว่า “ท่านหวางเฟยนท่าน หมายความว่าอย่างไร?”
“ยวนเองก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก นั่นเป็นสถานที่ที่บุตรหลวง ของจวนสามารถอยู่ได้ แต่บุตรสาวอนุภรรยากลับอยู่ไม่ได้อย่าง นั้นรึ?” ทรงเชิงยวนก็รู้สึกโมโหอยู่บ้างเช่นเดียวกัน แต่สีหน้า ของเขายังคงเย็นชาและมีพลังอำนาจที่สามารถดึงดูดผู้คนแฝง อยู่ ในใจของเขาอดที่จะรู้สึกเวทนาสงสารเงินซื้อไม่ได้
“หม่อมฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะเพคะ..” ท่านหวา งเฟยพยายามทำจิตใจที่ฟุ้งซ่านให้มั่นคง สุดท้ายจึงกัดฟันพูดว่า “ให้จิ้นเอ๋อร์ไปสงบจิตสงบใจให้ดีๆที่เสี่ยงโกชื่อ!”
เงิน ออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น คิดไม่ถึงว่า ท่านหวางเฟยใจดำ อำมหิตได้ถึงเพียงนี้เชียว? เสียงโก๋ชื่อนั้นอยู่บนเขา วังเวงและ เงียบสงัด เป็นสถานที่ทางศาสนาพุทธที่ละทิ้งซึ่งปัจจัยภายนอก แม้แต่ห้องพักสำหรับผู้แสวงบุญก็ยังแย่กว่าในโรงเตี๊ยมเสียอีก และไม่ได้ดีไปกว่าบ้านสวนที่เป็นชื่ออยู่เลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะอาศัยอยู่ในเลี้ยงโกซื้อ แต่ก็ต้องเข้าเรียน เช้าเย็นทุกวัน และการรับประทานอาหารก็แย่ยิ่งกว่าการลงเขา เสียอีก
ในขณะที่กำลังคิดเช่นนี้อยู่ เป็นชื่อก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เป็น จีน แต่นางกลับเห็นเงินจีนกำลังก้มหน้าอยู่ มือคู่หนึ่งซ่อนอยู่ใน แขนเสื้อ แต่ถึงจะมองไม่เห็น เป็นชื่อก็รู้ว่า นางจะต้องกำลังใช้จิก เล็บเข้าไปในฝ่ามืออย่างแน่นอน
แต่นางทนได้! สายตาของนางเย็นชาเล็กน้อย
“เช่นนี้ก็ย่อมได้” หูเก๋อครุ่นคิดสักครู่ เขาก็คิดไม่ต่างกับเงินชื่อ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าไปมา
ท่านหวางเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดที่จะอธิบายให้ จีนเอ๋อ ฟัง ในภายหลัง และมองไปที่ทรงเชิงยวนอย่าง กระวนกระวายใจเล็กน้อย
เพียงแค่เห็นสายตาของทรงเชิงยวนเบาบางลงและพยักหน้า เล็กน้อย ท่านหวางเฟยจึงโล่งใจขึ้นมา
แต่ทว่าในวินาทีถัดมา ก็ได้ยินหรงเชิงยวนพูดขึ้นมาว่า “เช่น นั้น ก็ขอให้คุณหนูสามมาขอโทษคุณหนูรองที่หน้าประตูจวนท่าน อ๋องต่อหน้าข้าและราษฎรในเมืองหลวงด้วย
เป็นชิ้นเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วแสดงสีหน้าที่ เหมือนกับได้รับการสบประมาณเยียดหยามออกมา แต่เมื่อเห็น ผู้คนที่อยู่รอบๆกำลังจับผิดนินทาอยู่ นางจึงกัดฟันแน่น ก้มหน้า ลงอย่างหนัก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านพี่ จิ้นเอ๋อร์ ผิดไปแล้ว!”
“ท่าทางเช่นนี้ของเจ้า ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าไม่ได้เสียใจจาก ใจจริงเลย?” เป็นชื่อเงยหน้าขึ้น แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสและ ทะนงตัวว่า “พูดชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าเจ้าทำผิดตรงไหน?”
เงินชื่อนังสาระเลวคนนี้หน
ในแววตาของเงินจีนมีความอาฆาตพยาบาทที่เข้มข้นกำลังวน เวียนอยู่ แต่นางจำเป็นต้องก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “จิ่นเอ๋อร์ ไม่ ควรใส่ร้ายท่านพี่ว่าทำพระพุทธรูปแตก ทำให้ท่านพี่ถูก ลงโทษ…”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ