1 เผลอใจเพราะมัวเมา 2
“มารียนงั้นรี” กายเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นสูง ทุกครั้งที่เจอเธอ เขา มักจะกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างบอบบาง มักจะคำนวณอายุเธอ จากรูปร่างหน้าตาแล้วเปรียบเทียบกับอายุจริงๆ ความแตกต่าง ของวัยเป็นเรื่องที่เขาต้องถอนใจอย่างหนักหน่วง ตัวเลขนั้น ทำให้ระยะห่างดูจะทอดยาวออกไปไกล
“สวัสดีค่ะน้ากาย” มารียันประนมมือไหว้ เนื้อตัวของเธอยัง คงเปียกมะลอกมะแลกเหมือนลูกหมาตกน้ำ
“ตากฝนมาทำไมไม่เข้าไปข้างใน หรือปรึไม่อยู่
กายก้าวเฉียงเพื่อไขกุญแจห้อง ทว่า
“ไม่ต้องค่ะน้ากาย มารีไม่อยากรบกวน เอ่อ น้ากายมีอีก ห้องไม่ใช่หรือคะ”
เธอรู้ว่าเขาซื้อห้องชุดเอาไว้ติดกันและมีแพลนจะรวมให้เป็น ห้องใหญ่ กายพยักหน้าเอียงคอน้อยๆ แววตาของเขาเหมือนรู้ เท่าทันความคิดของเธอ สาวน้อยส่ายหน้าระรัว
“มารีอยากอยู่กับน้ากายโดยไม่มีน้าปรีอยู่ด้วย” พูดไปแล้ว ตากลมก็โตเท่าไข่ห่าน ยกมือปิดปากไม่ทันเสียแล้ว นี่เธอหลุด ปากพูดอะไรออกไป
“คะ คือ คือว่ามารีแค่” จะแก้ตัวยังไงล่ะทีนี้
“มานี่เถอะ ”
กายกระตุกมือมารียันไปห้องข้างๆ แล้วไขประตูเข้าไป ภายในห้องนี้ยังไม่ได้ตกแต่งใดๆ เฟอร์นิเจอร์มีแค่พอไม่ให้ว่าง เปล่า และตอนนี้มันโล่งมากในความรู้สึกของเด็กสาว กาย สำรวจท่าทีของหลานเมียก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเหนี่ยว ร่างบอบบาง ให้นั่งบนตัก
“อุ๊ย น้ากาย”
มารียันไม่คิดว่ากายจะให้เธอนั่งบนนี้ มันใกล้ชิดเกินไป มัน ไม่เหมาะสม ไม่ควรอย่างยิ่งที่หลานสาวอย่างเธอจะนั่งบนตักน้า เขย เธอพยายามขยับลุกจากตักติดที่มือกายซึ่งกดลงบนหน้าขา สายตาของเขาตรึงเธอให้อยู่นิ่ง
“เธอว่าอยากจะอยู่กับฉันสองต่อสองไม่ใช่”
ลมหายใจของมารียนทวีความร้อนแรงอยู่ในทรวงอก การ จะดึงเขาออกห่างสถานการณ์อันน่ารังเกียจก็ดีหรอก เพื่อปกป้อง ศักดิ์ศรีของน้าปรีชญาก็ใช่ แต่การจะอยู่กับชายหนุ่มวัย 39 ที่มี ความหล่อเหลาถึงขีดสุด เรือนร่างของเขาตึงแน่นไปด้วยกล้าม เนื้อมันยากยิ่ง ลมหายใจของเขาอุ่นร้อนกำลังรอใบหน้าเธอ มา รียันถอนใจเมื่อลอบมองริมฝีปากหยักลึกสีเข้มนิดๆ ของเขา
อาการช้อนตามองริมฝีปากทำให้เส้นบางๆ ที่ซึ่งคาดกั้นไว้ นั้นขาดผึ้ง กายกดปากร้อนระอุทาบปากอิ่มเต่งตึง ใช้สองมือ ตรึงดวงหน้าหวานที่กำลังซีดสลับแดง วนหัวแม่มือกับแก้มนุ่ม และกกหู
“อา หวานจัง เธอรู้มั้ยฉันอยากลิ้มลองรสชาติริมฝีปากเธอ มานานแค่ไหนแล้ว
“คะน้ากาย วะ ว่าอะไรนะคะ”
ไม่รู้ทำไม มารียันถึงเห็นรอยยิ้มบางๆ ของกายเย็นเยียบ ชวนขนลุก แม้ว่ารอยยิ้มบางๆ นั้นจะชวนมองแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วราวจะซุกซ่อนอะไรไว้บางอย่าง มารียันคิดถึงรอยยิ้มแว่บ เดียวที่เขาเคยยิ้มให้เมื่อนานมาแล้ว รอยยิ้มนั้นช่างอ่อนโยนไม่ เหมือนครั้งนี้ ซึ่งมันเต็มไปด้วยความท้าทายและชัยชนะ
กายกดปากลงบนซิกแก้มขาวสลับแดง เว้าวอนฉกฉวย โอกาสจากเธอชนิดที่ทำให้สาวน้อยขนลุกเกรียว เธอเอียงหน้า หลบซ้าย เขาก็จูบแก้มขวา พอเอียงหน้าหลบขวาเขาก็จูบแก้ม ซ้าย พอจะก้มหน้าหนีทั้งซ้ายและขวาเขาก็จูบกลางกระหม่อม แล้วผลักเธอให้เงยหน้าสบตาคมกริบคู่นั้น
“ได้แต่มองอยู่ห่างๆ ใครจะรู้บ้างว่าทรมานแค่ไหน
“ฮะ อะ เอ่อ น้ากายพูดเรื่องอะไรคะ มาถึงง
“หนูมารี” เสียงทุ้มแผ่วเบาชวนให้ใจเต้นแรง มารียันผ่อน ลมหายใจก่อนขับขานด้วยความลืมตัว เสียงเล็กของเธอไพเราะ เสนาะหู เชื้อชวนเขาโดยไม่รู้ตัว
กายอดใจไม่ไหวเชยคางมนที่พยายามก้มจุดเพื่อจูบปาก มารียันตัวสั่น ดูว่าความหนาวเหน็บหรือความเย็นจากเสื้อผ้าเปียกปอนจะทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่เห็นผนังห้องคงคิดว่ากำลัง ยืน โดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ยังกระหน่ำระห่ำเสียงเซ็งแซ่ เข้ามาให้ได้ยิน
จูบของกายคราวนี้หนักหน่วง ไม่ใช่ปากแนบปากแต่ยังซุก ใช้ปลายลิ้นหนาๆ ที่เธอเพิ่งรู้ว่ามันสากเพียงใด ลิ้นของเขาใหญ่ จนคับปาก ขยับไปทางไหนก็ดูดรัดลิ้นเล็กๆ ของเธอเต็มที่ มารี ยันคว้าบ่ากว้างเอาไว้เมื่อต้องยึดตัวขึ้นรับจูบจากเขาอย่าง เมามันในอารมณ์
เสื้อผ้าชุดนักศึกษาเกือบเปลือยเปล่าเพราะเปียกน้ำ อยู่บน ตักกว้างที่รัดไปทั่วเนื้อนุ่ม ทรวงอกเป็นกระทุ่มคล้ายดอกบัวบาน อล่างฉ่างเบียดแผงอกกว้าง มารียนหายใจแผ่วทว่าก็ทำให้ กระทุ่มเนื้อสะท้อนขึ้นลงอย่างรุนแรง
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เกิดจะผิดฝาผิดคนขึ้นมาตอนนี้หรือ
“อ๊ะ” เธอครางเสียงหลง เมื่อจังหวะการเต้นของหัวใจกำลัง โลดแล่นโจนทะยาน แล้วจู่ๆ ปากร้อนผ่าวก็ถอยห่างไปหน้าตา เฉย ตากลมจึงตวัดขึ้นคล้ายไม่สบอารมณ์
“ยินยอม หรือจำใจ ฉันจะไม่หยุดแค่นี้ ไม่ว่าเธอจะตอบ อะไร”
“แล้วจะถามทำไมคะ”
บ้าเอ๊ย นี่เธอบ้าไปแล้วหรือไง ถามอะไรโง่ๆ ถามเหมื อ่อยเหยื่อ หน้าด้านหน้าทนนักเขียว
“บอกว่ามาทำไม” กายไม่อยากเสียเวลาชวนคุยเลยสักนิด แต่เขาต้องไม่ตัดตอนเร็วเกินไป เด็กยังไม่ประสาจะตื่นตกใจและ กลายเป็นฝากประสบการณ์ที่ไม่ควรจดจำได้
“หลบฝนค่ะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ